พิลาปรัก วาบหวามหวิวพลิ้วไสวสู่รำพึง ซ่านคำนึงชวนพินิจพิศมัย สะท้อนห้วงลึกล้ำย้ำภายใน สุดกระไรอ้างอิงพิงล่วงวัน ดุจกังหันผันผ่านพัดล่วงลอย สุดจะคอยหมดแล้วแนวเสกสันต์ กระจายลับหมองหม่นระคนกัน สิ่งสร้างผันพลิกพลิ้วระลิ่วครวญ เสียงวจีซาบซ่านผ่านนานแล้ว สวนเปลี่ยนแผ่วหายลับกับสิ่งหวน แม้นใยป่วนทวนคนึงซบนางนวล พล่านพลิกชวนสู่ร้างเวิ้งว้างไกล สูญหมดสิ้นความหลังครั้งแรกรัก ซ่านถูกหักสะท้านหันเหไหน โอ้อกเอ๋ยแหลกลาญผลาญแม้ใย แต่เหตุไฉนเหลือเยื้อเอื้ออำพลาง หลีกลี้จรใครเล่าเคล้าโลมสมร เชยชมชอนสิ้นแล้วแนวสิ่งสล้าง พิลาสล้ำเหลือซากกากเดนซาง หวนคิดสร้างสิ่งเก่าเฝ้าแนบเชย สะท้อนห่วงแนบลึกผนึกสิ่งเนา ส่งยวนเย้าหลอกล่อต่อสิ่งเผย หวังคืนถิ่นกลับลึกตรึกสิ่งเคย สู่สิ่งเฉลยลอยล่องก้องกังวาน หยาดน้ำตาสร้างไว้หยดใบหน้า หรือคิดคว้าสิ่งเก่าเคล้าประสาน ปนหวานชื่นเคยฝากรักประจาน เสียงขับขานเสนาะไว้หวังได้มา สวาทพิลาสหักแล้วมิอาจผ่อง แม้นละอองหวนตวัดมัดสิ่งหา ห้วงระทึกตรึกแซมซ่านโรยลา ล้วนขวัญผวาปนซากฝากบังอร. *** แก้วประเสริฐ. ***
* ลาแล้วหนอ * ลาแล้วหนอยานนาเวศน์เขตใต้ ถิ่นที่ให้กำเนิดอันเฉิดฉาย งามแมกไม้มาลีที่กำจาย ขจรขจายฝังลึกตรึกสู่ทรวง ล่วงล้ำลึกผนึกไว้ในห้วงถวิล เป็นอาจินต์ฝังรากฝากแหนหวง ทั้งโศกเศร้าสุขสราญผ่านทั้งปวง มิอาจล่วงกาลเก่าเฝ้าอาวรณ์ ก่อนจากเจ้าเฝ้ามองสองรอบข้าง โรงเรียนสร้างศึกษามาสั่งสอน วัดสุทธิวรารามยามต้องจร ทรวงสะท้อนนึกครูผู้เลิศจินต์ ทั้งวิชาต่างต่างพลางเรียนรู้ ช่างอดสูปัญญามาหมองสิ้น แม้นโง่เง่าอดทนปะปนชีวิน ซึ้งหวนถวิลถิ่นเก่าเศร้าดวงใจ จำต้องพรากจากแล้วแนวสิ่งสล้าง เคยเคียงข้างญาติมิตรจิตสดใส ต้องพรากสิ่งอิงไว้ผ่านไฉไล สู่เกรียงไกรลาแล้วแก้วภิรมย์ ย้อนหวนกลับมาเยี่ยมเปี่ยมใจขาด พฤกษาชาตินาพันธุ์อันสร้างสม โรงเรียนเอ๋ยผันเปลี่ยนเวียนจะชม ต้องสร้างตรมนักเรียนเวียนหญิงชาย ตัวเป็นชายใจหญิงอิงแนบแน่น มิเป็นแมนเหมือนเก่าเฝ้าเช้าสาย ต้องหนีห่างจากไปคล้ายได้อาย แสนเสียดายสิ่งรักจักอาเจียน ช่างแปรเปลียนไปอยู่สู่โลกใหม่ บ้านเก่าไซร้ยังมั่นกั้นปวดเศียร พฤกษาชาตินกร้องก้องวนเวียน ดีไม่เพี้ยนรอบข้างสร้างตึกราม ลาแล้วหนอถิ่นเก่าเศร้าใจเหลือ สิ่งเอื้อเฟื้อคงไว้ในเหยียดหยาม หวั่นแต่เพียงบ้านเก่าเฝ้างดงาม มิผันตามเปลี่ยนแปลงแสยงทรวง. *** แก้วประเสริฐ. ***
* ล่องลอยลม * เรือเร่เอ๋ยรักแล้ว ลอยลม จริงเฮย หวนสิ่งสร้างขื่นขม มากช้ำ น้ำตาปริ่มมากตรม ยากกล่าว ใครนา จำเก็บซึ้งหวานล้ำ สู่ห้วงหฤทัยฯ วจีคำกล่าวมากล้น บ่อเกิด มากนา สรรค์ส่งล้วนงามเลิศ ซาบซึ้ง สมใจอยากตะเพิด ล้างลบ ซ่านเอย พึงพบกลับโกรธขึ้ง ปึ่งปั้นหันสลายฯ หวนนึกมักเรียกร้อง ชมเชย หวานฤา ซ่านสุดฝากคำเฉลย คร่ำครื้น ครางครวญสิ่งอภิเปรย ร้องสิ่ง มากแฮ เรือรักมากสะอื้น ซ่านไว้ในสวรรค์ฯ สายน้ำสาดไสวเคล้า ยั่วยวน พรั่งแฮ ขาวผ่องล้วนโหยหวน ร่ำร้อง ละอองซัดโขดครวญ แทบขาด ใจนอ หวิวสาดส่งร้องก้อง ผ่านซึ้งดวงฤดีฯ ไกวแกว่งแปรเปลี่ยนไว้ แนบชิด มากนา ทาบส่งหวานขมสนิท รอบรู้ เคล้าคลุกปานแทบปลิด กายส่ง มาดเฮย เพียรก่อมากหลากกู้ เล่ห์ร้อยเหลี่ยมรักฯ พายุพัดโหมโยกล้ำ แปรปรวน ยวนแฮ โอนแอบคลึงเคล้าชวน สาดสร้าง ลมโบกแกว่งก่อกวน เอนอ่อน แนบเอย สร้างสิ่งหวังฝากสล้าง สู่ซึ้งตรึงสวรรค์ฯ ฝนโปรยกระหน่ำซ้ำ เปียกปอน กายเฮย น้ำส่งข้างแคมคลอน ผ่านคว้าง กระจ่างสิ่งลิดรอน มาสู่ ใจนา โดดเดี่ยวเพียรสู่สล้าง หวาดล้ำเดียวดายฯ เรือรักเอ๋ยล่องแล้ว พรากไกล ลับเอย ฟ้าหม่นพายุมลาย จากกริ้ว ล่องลอยเร่สิ้นสลาย ฟ้าขอบ สมุทรเฮย ไร้สิ่งพึงหวานพลิ้ว ฝากห้วงบ่วงสวรรค์ฯ. *** แก้วประเสริฐ. ***
* สุดไขว่คว้า * วาระกาลผ่านแล้วแนวสับสน สุดจรดลหนทางสิ่งสร้างสรรค์ ผ่านรอยร่องสิ้นนามยามจากกัน อาจพรากวันซ่านแสงแห่งสีทอง รัตติกาลผ่านพ้นจนเวิ้งว้าง อุษาสางแสงมณีรวีสนอง ผุดระยับวับวาวเงาเรืองรอง หยุดละอองค้างไสวในใบพฤกษ์ ประกายสายสีสันต์สรรค์เลิศพลิ้ว วาบหวามปลิวจากห้วงปวงผนึก เสียงนกร้องก้องไพรอดระทึก คลายสิ่งลึกซ่อนเร้นเน้นห้วงใจ เหลือเพียงไว้ห้วงหทัยให้เปล่าเปลี่ยว ว่างจากเสี้ยวอารมณ์บ่มแสงไสว สิ้นทางแล้วพรรณรายกรายไฉไล ล่องลอยไกลดุจวสันต์พลันจากจร โอ้อกเอ๋ยเหมันต์กรายไฉนเศร้า สิ่งโลมเล้าหนีพรากจากสิ่งสลอน ช่างโดดเด่นเดียวดายคล้ายลิดรอน โถสะท้อนถวิลหาคว้าสายลม เหม่อมองฟ้าสิ้นโสมโลมคลึงเคล้า หนทางเฝ้าสิ้นสุดหยุดสร้างสม คงต้องพรากจากแล้วแผ่วภิรมย์ ฝากสร้างตรมขมขื่นสะอื้นทรวง. *** แก้วประเสริฐ. ***
* วิจิตรศิลป์ * วิไลลักษณ์รูปโฉมโน้มหทัย เฉิดไฉไลดั่งมณีพร่างสีแสง สุรีย์แขแพรวพราวราวอ่อนแรง มิอาจแข่งนวลอนงค์อลงกานต์. วิไลลักษณ์เฉิดโน้ม หฤทัย อกเอย งามแม่ดั่งมณีไสว ทั่วหล้า เหล่าอนงค์บ่วิไล เกินกว่า นางแม่ เลิศพักตร์ดั่งนางฟ้า สู่ห้วงยุคันต์ฯ อรชรกรายอ่อนช้อย นวลนาง จริงเฮย ดุจดั่งกวางทองวาง สบัดล้ำ เพริศพริ้งจัดนำพลาง เกิดก่อ นวลแฮ หวามสิ่งลิขิตย้ำ ซาบซึ้งมไหศวรรย์ฯ ยิ่งยลนางซ่านพลิ้ว สู่อนงค์ หลงเอย เริงร่ายเลิศดำรง มากแย้ม มธุรสจักเผยผจง ผ่านแม่ ยากเฮย สุดช่างชดช้อยแฉล้ม สู่ฟ้าโลมสรวงฯ แสงไสวทาบแม่แต้ม ยวลหวน มากนา ลายกนกซึ้งปทุมชวน แนบเนื้อ มาดได้ซึ่งนางนวล ใจขาด แน่เฮย คงเหม่อสิ่งงามเกื้อ วาดไว้สู่หทัยฯ พฤกษาพันแนบเนื้อ นวลนาง เผยแม่ เล็ดรอดสอดสิ่งลาง ฝากไว้ วิจิตรส่งงานวาง สรรค์ก่อ มากแฮ หลงรูปยลแม่ไซร้ ติดห้วงบ่วงสวรรค์ฯ ศิลป์ส่งสอดฝากฟ้า โลมดิน จริงแฮ เสนอสิ่งวิไลจินต์ ซ่านแล้ว บุปผาผ่านกวิน อวลอบ นางเฮย พรมกลิ่นฝากสิ่งแพร้ว ฝากเย้าแมนสรวงฯ งามใดฤาเปรียบแม้น รูปลักษณ์ นางเฮย บ่เทียบแม้นวงพักตร์ สุดล้ำ กายย่างยลประจักษ์ ยากเทียบ แม่เอย สิ้นสุดเลียนยากย้ำ ส่อไว้ใฝ่ถวิลฯ วิจิตรศิลป์เทียบฟ้า สู่สรวง ผนึกแฮ ภาพวาดเส้นใยยวง แนบเนื้อ หลงใหลรูปทั้งปวง คนึงผ่าน ภาพเอย มาดมุ่งผดุงนางเอื้อ ฝากนี้เคียงสวรรค์.ฯ *** แก้วประเสริฐ. ***