11 กันยายน 2550 11:32 น.
แก้วประเสริฐ
** แสนห่วง **
แลพุ่มพวงงามงอนยังอ่อนนัก
แต่งกายมักสั้นจู๋มองดูเห็น
ซ่อนสิ่งเร้นแฝงไว้ช่างใจเย็น
หน้าทะเล้นวางเชิดเลิศวิไล
ดุจดั่งสร้างใจสิ่งระวิงเวียน
ใบหน้าเขียนลวดลายไว้สดใส
อีกวางมาดอาจองเหมือนจงใจ
แสดงสิ่งให้คนแลชะแง้มอง
จนปั่นป่วนหญิงไทยในสังคม
ยิ่งคนชมเอิบอิ่มแย้มยิ้มผยอง
ปทุมมาศสั่นไหววุ่นวายครอง
วาบเรืองรองเหมือนยุอดสูจริง
พอตอนนั่งวางมาดอนาถนัก
สิ่งหวงมักเปิดไว้ดูคล้ายฉิ่ง
ลมพัดโชยเผยผ่านกระสันอิง
คนมองยิ่งเร่าร้อนสะท้อนตา
ผิวกายขาวสวยดำแม้นงามอยู่
ประเด็นสู่ชำเราเรียกเฝ้าหา
เมื่อวิบัติน้ำไหลจากนัยน์นา
สิเน่หาร้องแรกแหกกระเชอ
จนเดือดร้อนไปทั่วยั่วกามา
เกิดปัญหาเรื่องร้ายเมื่อได้เผลอ
ขาดอบรมสั่งสอนคลอนใจเธอ
จนฝันเพ้อละเมอเสมอดวงดาว
เลียนเยี่ยงแบบดารามากำหนด
ปล่อยเก็บกดอยากบินถิ่นเหิรหาว
พอล่วงหล่นจากฟ้าน้ำตาพราว
ฝากปวดร้าวลงแก่พ่อแม่ครอง
โอ้หญิงไทยโปรดมีสติคิด
ศีลธรรมติดยุโรปโอบสนอง
กุลสตรีเก่ายุคใหม่ไม่เคยมอง
ชอบลองของเฝ้าปองแต่เดินโชว์
สังคมดีสิ้นแล้วจากไทยหรือ
จึงฝึกปรือสิ่งร้ายให้อักโข
ฆาตกรรมชำเราแสนใหญ่โต
ริเห็นโก้สนุกสนานทุกวันคืน
ด้อยศึกษาขาดสิ้นหมิ่นศักดิ์ศรี
สิ่งที่ดีเป็นร้ายคล้ายกลับฝืน
มิได้คิดอนาคตหมดทางยืน
มาสะอื้นคงซากกากเหลือเดน.
*** แก้วประเสริฐ. ***
(มิได้ว่าใครอยากฝากไว้เป็นอุทาหรณ์.)
9 กันยายน 2550 14:09 น.
แก้วประเสริฐ
** สุดสิ้น **
ถึงจะสิ้นพสุธาฟ้าสมุทร
มิอาจหยุดยับยั้งเรียกรั้งหา
สิ่งที่รักหักสิ้นโรยจินต์ลา
สิเน่หาอย่างไรขอไม่คืน
อดีตเก่าอาวรณ์วอนเว้าเพรียก
อย่ามาเรียกย้อนกลับสุดนับฝืน
แม้นจะงามร่ำรวยยั้งสวยยืน
มิอาจฟื้นคืนกลับต่อสิ่งปอง
ขอเป็นสุขเถิดหนอต่อหัวใจ
กับชู้ชายใฝ่ฝันครั้นสนอง
ปองสิ่งรักสมสู่เคียงคู่ครอง
อย่ามาต้องคืนกลับลับขอลา
แม้นเคยอยากมีฝันอันแช่มชื่น
สร้างระรื่นผ่านกาลวันเสน่หา
คงเหลือเยี่ยงหอมรินกลิ่นโรยลา
ผ่านตรึงตาซาบซึ้งกึ่งรัญจวน
จำได้ไหมสิ่งขอต่อความรัก
ใครเล่าหักหมดสิ้นระรินผวน
ล้วนกำเริบเอิบสานสิ่งอบอวล
วังวนป่วนมิคิดตราติดตรึง
ถึงสะอื้นน้ำตาเป็นสายเลือด
จนแห้งเหือดหมดหยาดต่อสิ่งฝาน
แผลรอยเก่าเคยทำจนช้ำมาลย์
ช่างทรมานหัวร่อหนอใจคน
มาครั้งนี้คิดคืนมิฝืนกลับ
สิ่งลาลับต่อกันอย่าพลันสน
ทิ้งอดีตเคยทำชอกช้ำกมล
จนปี้ป่นหมดสิ้นอจินไตย
ขอลาก่อนสิ้นแล้วแนวสวยสด
ให้สิ้นหมดต่อรักหักสดใส
เปลี่ยนครรลองชีวิตติดวิไล
คิดในใจอนาคตปลดสิ่งเกิน.
*** แก้วประเสริฐ. ***
7 กันยายน 2550 13:32 น.
แก้วประเสริฐ
** คืนถิ่น **
ตะวันรอนปลายฟ้ามามืดมน
พลิกผันจนคืนถิ่นจินต์หรรษา
วิเวกวังเวงใจไล้โลมนัยน์ตา
ไหลรินมาหลั่งลงปลงฤทัย
ทุ่งสีทองเคยไสวคล้ายไพรสณฑ์
กลับร้างจนเหม่อมองปองสลาย
ผ่านเบื้องหลังครั้งจากสู่ภายใน
บัดนี้ไร้สนองความต้องการ
เถียงน้อยน้อยเหลือไว้ได้พังผุ
คอกที่คลุกเคล้าเคียงเรียงผสาน
กับทุยเจ้าว่างเว้นเสียเนิ่นนาน
สิ่งสนานเหลือไว้มิได้ยล
เสียงของฟ้าคำรามดุจพร่ำหา
ต้อนรับมาพลิกผันอันสับสน
ตะลึงแลกระท่อมล้อมอับจน
ร้างเสียหม่นหทัยที่ได้คอย
ด้วยยากจนแสนเข็ญเร้นหนีจาก
ต้องลาพรากอู่นอนตอนใช้สอย
ครั้นเมื่อหวนกลับให้หัวใจลอย
กลับเป็นรอยแผลเสริมเติมสิ่งทำ
ซบก้มลงกอบดินละเลงกาย
ต่อนี้ไปไม่หนีสิ่งที่ฉ่ำ
จะสร้างสิ่งต่างต่างวางมัดจำ
ไม่ชอกช้ำน้ำใจเจ้าอีกเลย
สัญญาข้าฝากฟ้าคงมาสนอง
แผ้วเรืองรองผืนดินถิ่นเฉลย
ไม่โป้ปดมดเท็จเช่นอย่างเคย
ฝนเจ้าเอ๋ยเมตตาผืนนาพลัน
จะพลิกฟื้นท้องทุ่งพุ่งพลิ้วไสว
เหลืองวิไลชอุ่มพุ่มพฤกษ์สัน
ตระการตารวงข้าวอเนกอนันต์
ด้วยกำปั้นสองมือมาแกว่งไกว
ขอฟ้าดินเมตตาข้าด้วยหนอ
เหตุการณ์ก่อข้าผิดจิตใจไหว
เพียงเพื่อเงินความรักฝากวิไล
จึงหนีไปเมืองหลวงถูกลวงมา
ต่อแต่นี้คำมั่นด้วยสัญญา
จะไม่ลาผืนดินถิ่นห่วงหา
กลบชีวิตต่อเจ้าเฝ้าโรยลา
ซับน้ำตานอนลงตรงผืนทอง.
*** แก้วประเสริฐ. ***
5 กันยายน 2550 15:37 น.
แก้วประเสริฐ
** เพลงชีวิต **
สำเนียงถ้อยอ้อยอิ่งอิงคำหวาน
อลังการนฤมิตจิตแจ่มใส
ทั้งสูงต่ำย้ำเย็นสู่ทรวงใน
ลำนำไปหนทางสร้างวิวาห์
ยิ่งเนื้อหารัญจวนช่างชวนนั้น
ไหวหวิวพรั่นเรียงรสจรดเลขา
เวิ้งว้างไว้ในทางวางปัญญา
คิดนำมาตรองไว้สู่ในทรวง
นกรอบข้างฉอเลาะไพเราะนัก
เอนกายพักผ่อนใจไว้ในสรวง
คิดรำพึงผ่านมาล้าคำลวง
สิ่งสร้างปวงมัดกายให้ระอา
ต่อแต่นี้คิดห่างร้างดวงจิต
นำชีวิตสู่ไว้คล้ายภูผา
ลดทะนงข่มลงบ่งกายา
มินำพาเอื้อหลอกยอกใจปอง
ปูแนวทางวางไว้เพื่อสรรค์อยู่
เปลี่ยนฤดูเช่นฝนมิทนหมอง
เริ่มต้นใหม่ลิขิตจิตครรลอง
ให้เรืองรองตรองคิดแล้วปลิดปลง
ดึงความคิดจากบ่วงล่วงหลีกหา
ใส่ปัญญาบินจรร่อนอย่างหงส์
เปลี่ยนกระแสแนวไว้ไร้พะวง
มุ่งทางตรงทิ้งเสี้ยวเลี้ยวไฉไล
ดุจสำเนียงเสียงเพลงแห่งชีวิต
กระชากจิตจากชวนหวนสดใส
วางอารมณ์ข่มนอกสิ่งภายใน
ทิ้งสิ่งร้ายห่างแล้วแผ้วทางธรรม
ยินเสียงนกขับขานประสานเสียง
ลำนำเคียงลิขิตวิจิตรฉ่ำ
กุหลาบน้อยโชยกลิ่นรินน้อมนำ
แสนเลิศล้ำหลับใหลไร้กังวล.
*** แก้วประเสริฐ. ***
1 กันยายน 2550 17:02 น.
แก้วประเสริฐ
** พิโยค **
น้ำค้างพรมลมพลิ้วระลิ่วผวน
สิ่งแปรปรวนวิกาลอันเฉิดฉันท์
เวหาสมืดพลิกไปในฉับพลัน
กลับแปรผันเปลี่ยนไปคล้ายลิขิต
สิ่งสกาวพร่างพราวราวสวรรค์
ดุจแสงจันทร์ถูกเมฆาฟ้าปิด
สะท้อนทุกข์สรรค์ไปใส่ชีวิต
ตระการปิดเวิ้งว้างหนทางเดิน
นฤมิตวางไว้เพียงใฝ่ฝัน
ห้วงใจนั้นเปลี่ยนไปจนให้เขิน
ลอยลิ่วล่องผ่านมาหาสิ่งเกิน
จนมาเพลินหลงเงาเฝ้ารอคอย
เหลือเพียงจินตนาพล่าสิ่งสรรค์
นับคืนวันลดน้อยล่องลอยผล็อย
หลอนสุขสันต์วิจิตรจนจิตลอย
หลงเหลือน้อยก็สร้างระหว่างใจ
พลัดสิ่งพรากจากไปให้โหยหวน
ช่างปั่นป่วนรุกร้างยังสดใส
ผ่านลำบากยากเข็ญมิเป็นไร
ขอน้ำใจมุ่งหวังสร้างแนวทาง
หวนจนเพลินเจริญใจได้บังเกิด
แสนหลงเพริศน้ำคำย้ำสล้าง
ล้วนสำเนียงครุ่นคิดจิตมิจาง
ลอยเคว้งคว้างฤดีที่ซ่านจร
จนอุษาสว่างกลางไพรสณฑ์
น้ำค้างหล่นล่วงลับกับสิงขร
แต่ในห้วงคำนึงบั่นซึ้งทอน
เหลืออาวรณ์สู่ไว้ให้แรมโรย
ยิ่งนึกคิดจิตพลอยละห้อยพร่าง
แสงทองค้างจรัสฟ้ายิ่งพาโหย
มองนภาฝ้าหมอกที่ล่วงโปรย
ลมพัดโชยหวนลับดับนิรันดร์.
*** แก้วประเสริฐ. ***