7 มิถุนายน 2549 10:09 น.
แก้วประเสริฐ
* หัวใจประกายดาว *
* จะรวมร้อยเกี่ยวไว้สู่ใจเสมอ
แสนเลิศเลอเพียงฝันที่ฉันรัก
วิจิตรตระการสรรค์ไว้สู่ใจนัก
ยิ่งประจักษ์เพียงเงาที่เฝ้ารำพึง
มองฟากฟ้าคราย่ำคร่ำสนธยา
หมู่นกกาบินหมู่แลดูซึ้ง
สุดขอบฟ้าลาแสงแห่งตราตรึง
หวนคำนึงถึงเขาเฝ้ารำพัน
ถึงอย่างไรได้ผ่านกาลช่วงนี้
ดวงฤดีเก็บไว้เพียงในฝัน
ทั้งรสหวานซ่านซึ้งตรึงใจกัน
ขอเธอนั้นแย้มยิ้มก็เพียงพอ
ดูซิดูหมู่ดาวพราวพร่างฟ้า
ดุจรักข้าลอยไปเสียแล้วหนอ
ยากฉุดเหนี่ยวเกี่ยวรั้งหวังเคียงคลอ
สู้ทนรอดั่งประกายในดวงดาว
กระพริบแสงแจ้งไว้สู่ในรัก
ช่างมืดนักฝากลงตรงห้วงหาว
แล้วริบหรี่ค้างลงนัยน์ตาพราว
สุดสืบสาวค้างฟ้าพาใจลอย
จะเก็บรักฝากรักถักเป็นสร้อย
นำมาร้อยห้อยไว้เพื่อใช้สอย
เป็นสิ่งเตือนเสมือนใจที่ได้คอย
เปรียบร่องรอยประกายดาวเฝ้าจันทรา *.
*** แก้วประเสริฐ. ***
5 มิถุนายน 2549 11:17 น.
แก้วประเสริฐ
สายใยสายสวาท
กระแสน้ำไหลเชี่ยวยามเลี้ยวกลับ
ปั่นป่วนปรับซับซ้อนยอกย้อนเหลือ
เป็นวังวนหมุนเกลียวเหนี่ยวสิ่งเจือ
วกสิ่งเกื้อเหลือเงาเคล้าอาดูร
สูรย์แสงส่องผ่องวิไลยังได้เศร้า
จันทร์งามเคล้าทรงกลดสลดศูนย์
ดาวกระพริบพร่างพรายอาลัยกูน
เมฆาพูนสูญดุลยภาพฉาบไว้
สามวันพรากจากนารีมีชายอื่น
ความสดชื่นคืนซับกลับหวั่นไหว
หัวอกร้าวเศร้าหมองปองหทัย
เหตุไฉนใยจึงเศร้าเฝ้าอกตรม
สิ่งหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงแฝงรันทด
ด่างเป็นกรดกัดกร่อนเล็มซ่อนขม
สวาทหลงดงสายใยมอดไหม้รม
เจาะสู่ปมแห่งรักแล้วผลักคลาย
ลมหวานผ่านวจีนี้สุดที่กล่าว
อ่อนไหวราวพระพายกระจายสาย
งามหอมซึ้งตรึงไว้ให้พรรณราย
ซอกซอนไปหทัยเคล้าเฝ้าอาจินต์
เป็นปมบ่วงล้วงดวงใจแล้วได้ผูก
รวมกระจุกหูกด้ายคล้ายสายสิญจน์
กว่าเขย่าเฝ้ากระจายให้เป็นซิ่น
เมื่อยลยินผินมองสุดหมองใจ
ผ้าไหมปอมองไปคล้ายใยสวาท
สิ่งพันพาดตัดสวาทที่วาดสาย
ความสูงต่ำย้ำเยือนสุดเฉือนไป
ย่อมสลายกลายเป็นลมยากชมคืน
สายเอยสายใยโอ้สายสวาท
ช่างพิลาปพร่ำอาลัยมิได้ชื่น
คืนกลางวันนั้นพิไลให้ได้มึน
เสียงสะอื้นแจ้งไว้ในใจเรา.
*** แก้วประเสริฐ. ***