29 เมษายน 2549 11:32 น.
แก้วประเสริฐ
วิชาเกินเพลินวิชาการ
ไทยเรานี้ดูแปลกด้วยแหวกม่าน
สิ่งสร้างสรรค์นั้นเพลินเกินความหมาย
รอบเรียนรู้ดูไปคล้ายแหวกทราย
พอพอพังทลายหายหมดหดลงรู
สู้พากเพียรเรียนอ่านนั้นเพื่อสร้าง
กำหนดวางขันชะเนาะเพาะสิ่งรู้
ขยายแนวทางวางไว้ใคร่เชิดชู
ลบอดสูหนหลังตั้งปฏิภาณ
โดมเด่นฟ้าพร่างพรายในสดใส
วางเอาไว้ความหมายให้ประสาน
หอมจามจุรีผลิดอกเมื่อเบ่งบาน
ลบร้าวฉานพลันผดุงมุ่งแนวธรรม
รอบเรียงรายในพฤกษ์มฤคชาติ
ใสสะอาดกระจัดกระจายในสิ่งล้ำ
เกิดตักศิลาหนุนสร้างพลางน้อมนำ
รัฐเอกชนทำกระจ่างวางวิไล
ปริญญาตรีโทเอกเฉกบัณฑิต
รวมจริตจริยธรรมน้อมนำใส่
ประสบการณ์รอบรู้สู่ทางไป
บูรพาจารย์สร้างไว้ในแนวทาง
พอรอบรู้ดูไปคล้ายสวมเขา
มินอบเอาปัญญามาสะสาง
ทำด้วยมือลบด้วยเท้าเข้าวาง
กฎหมู่สร้างกฎหมายไว้พวกตน
หลงอวดตัวรอบรู้ใครสู่พ่อ
แนวทางก่อวางลงไว้ให้สับสน
ตีความหมายคนละนิดวิปริตจน
เละอลวนปนเปื้อนเฉือนม่านแยก
แตกเป็นก๊กหมู่เหล่ารอยร้าวสิ้น
วิรัชดินฟ้าคลายให้ดูแปลก
ม่านย่อยยับสับปลงลงเป็นแฉก
ด้วยเพราะแหกเพลินไปในวิชาการ
ซ่านความรู้มุสิ่งหาปัญญาเขลา
สร้างอวดเขาเชิงวิชามาประสาน
กระดูกผีครวญคร่ำพร่ำลนลาน
ถูกล้างผลาญวิชาปัญญาเกิน
รู้น้อยพลอยรำคาญพรั่นหัวอก
รู้มากต๊กใจรีบไปสรรเสริญ
รู้กลางสร้างวิญญูรู้คำเพลิน
รู้ดำเนินหนีวังวนมิสนใจ.
*** แก้วประเสริฐ. ***
24 เมษายน 2549 09:07 น.
แก้วประเสริฐ
รำพึงคำนึงภาพ
หยาดอรุณพิรุณพร่างกระจ่างชอุ่ม
ช่วงสุมทุมพุ่มพฤกษ์ตรึกสิ่งใส
เกล็ดแก้วละอองผ่องวับประดับใบ
พริ้งเพริศพรายคล้ายมณีที่ชวนชม
คำนึงห้วงล่วงลึกนึกหาดสวรรค์
เสียงจำนรรจ์แว่วก้องปองเหมาะสม
ทิ้งโดดเดี่ยวเดียวดายไร้ภิรมย์
เหลืออารมณ์คิดไว้คล้ายอนันต์
หอมเอยหยาดกลิ่นน้อยพลอยวิเวก
อดิเรกดุลยพราวราวเลื่อนลั่น
โรยระรินมาลีน้อมกล่อมรำพัน
ช่างเสกสรรอลวนคนหมายปอง
เด่นอนงค์หลงดาวคราวเรืองแสง
ฟ้าแถลงแปลงลงตรงเป็นสอง
ถึงหมื่นลี้นี้หนอขอจับจอง
มักเรืองรองครองถวิลจินต์ยินดี
โอ้ไฉนใคร่ประสบพบนวลน้อง
ทุกครรลองปองหม่นปนหมองศรี
เพียงหวังหนึ่งตรึงไว้ให้เปรมปรีดิ์
แด่นวลฉวีพลีหทัยไม่เลื่อนลอย
ประหนึ่งฝันจริงหนอจึงขอเอื้อน
สิ่งนี้เตือนหัวใจยามไหลคล้อย
กรุ่นละมุนครุ่นลึกตรึกหวังคอย
อรุณคล้อยลอยเลื่อนเตือนวังวน
อรุณผ่านกาลเวลาพาแสงส่อง
ทุกละอองเคลื่อนคล้อยพลอยสับสน
เพียงคิดหนึ่งตรึงลงตรงห้วงกมล
ยากเหลือทนจนใจแค่ได้คอย
สุทรรศน์หนอขอจารึกตรึกเพียงฝัน
วิลาวัณย์นั้นสุดไกลใคร่จะสอย
มิตรภาพตราบดินฟ้าพาใจลอย
นัยน์ตาปรอยบินหลงฟ้าระล้าระลัง.
*** แก้วประเสริฐ. ***
21 เมษายน 2549 09:21 น.
แก้วประเสริฐ
* เสาวภา *
เสานางเรียงเคียงสมรตอนอ้อมกอด
เสาวคนธ์ตลอดโชยกลิ่นโรยรินสา
เสากระโดงกางใบเรือเพื่อนำพา
เสาหานมาเวียนรอบคอเจดีย์
เสาเอกตั้งขึ้นก่อนตอนมหาฤกษ์
เสาวรภย์เบิกบุปผาคล้ายมารศรี
เสาวคันธ์นั้นฟุ้งจรุงสุดเปรมปรีดิ์
เสาวนีย์บัญชาข้าฯพากันร่ายรำ
เสาเอ๋ยเสางามสง่าหาใช่เสาร์
เสาวพราวดาวเด่นเห็นงามขำ
เสาวภาคย์โชคลาภภาพสู่นำ
เสาวลักษณ์ทำให้เจริญเพลินอารมณ์
เสาวณิตดนตรีที่แสนเสนาะ
เสาหมอจำเพาะเจาะจงตรงสู่สม
เสาเข็มปักเรียงรายกันระทม
เสาวภิรมย์ข่มคชามารอบเนาว
เสาวรสจรดเลี้ยงเคียงหมู่มิตร
เสาวคนธ์ติดอาหารแดงดำขาว
เสาวรภย์หวานลิ้นมิบางเบา
เสาวภาคย์เข้าเสาวลักษณ์ประจักษ์ใจ
เสาเอยเสาวพราวเสน่ห์เท่ห์เสียยิ่ง
เสาวพริ้งอิงเสน่หาพาสดใส
เสาร์ของเจ็ดสัปดาห์มาที่ไร
เสาวณิตไซร้ใช้สำราญซ่านอารมณ์.
*** แก้วประเสริฐ. ***
17 เมษายน 2549 00:47 น.
แก้วประเสริฐ
รพีที่โลกลืม
รพีผ่องท่องนภาฟ้าบรรเจิด
งามเลอเลิศเฉิดฉายพรายแสงสี
ก่อกำเนิดเลิศลักษณ์ประจักษ์ชีวี
สรรค์กวีพลีหทัยปลายขอบฟ้า
ลับแล้วหนอสิ้นแสงเหมือนสิ้นสั่ง
ฝากความหลังครั้งเตือนเยือนหรรษา
ผูกชีวิตติดในห้วงช่วงชีวา
ขอซบหน้าพาเศร้าเฝ้าซึมทรวง
รัชนีกรผ่อนแสงแฝงเศร้าหมอง
โพยมร้องครวญคร่ำพร่ำจากสรวง
โอ้อกเอ๋ยเคยเคล้าเฝ้าตักตวง
ดุจจะล่วงช่วงแห่งกาลกลั่นฤทัย
อสุนิบาศก์ฟาดฟ้าพาร้องก้อง
หัวใจต้องหมองหม่นปนร้องไห้
เดือนดับแล้วแก้วตาขอลาไกล
ไม่รู้ว่าเวลาไหนได้พบกัน
เพียงยืนเคล้าดาวประกายในฟ้ามืด
แม้จืดชืดแลดูเจ้าเฝ้าสุขสันต์
ทอระยิบกระพริบแสงแข่งอนันต์
ช่างผูกพันประชันสีพลีท้องฟ้า
โลมรำลึกตรึกไปใจฟุ้งซ่าน
ดุจตะวันฉาบแดงแฝงสิ่งหา
เปรียบฉันคอยรัชนีกรก่อนอำลา
สุดไขว่คว้าพาตัวลับกับตะวัน.
*** แก้วประเสริฐ. ***