24 กุมภาพันธ์ 2549 10:19 น.
แก้วประเสริฐ
ไหล่เขาเงาสายน้ำ
สายน้ำนิ่งอิงไหลไหวกระเพื่อม
แลละเลื่อมใต้ธารอันสดใส
เขียวมรกตงดงามตะไคร่ใย
ซ้อนเรียงรายใต้น้ำเย็นฉ่ำตา
ทอดแนวยาวราวนาคีที่โอบผา
ลดหลั่นพาสูงต่ำล้ำพฤกษา
ยามตะวันทอแสงแยงแววมา
ยากสรรค์หาใดเทียบเปรียบนาคิน
วกเวียนวนพ้นทางกระจ่างสิ้น
ดั่งยุพินทอดกายาหากระแสสินธุ์
เงากระเพื่อมเคล้าทาบอาบวาริน
ซ้ำรวยรินกลิ่นไม้ป่ามาสูดดม
สองฟากฝั่งไม้พุ่มดุจอาศรม
สร้างอารมณ์บ่มระรื่นชื่นสุขสม
สวยจริงหนอท้องธาราครามาชม
น้ำโปรยพรมจากผามาแช่มชื่น
น้ำตกห้วยแม่ละงูมิดูฝืน
งามระรื่นตื่นจิตคิดเป็นอื่น
ว่าชมสาวเคล้าเจ้าเฝ้าทั้งคืน
ภิรมย์รื่นสิเน่หาพาชมจันทร์
ครั้นสุริยาลับเลือนเตือนผายผัน
เงาเขานั้นทอทาบอาบสีสันต์
ไหวระยิบพริบพราวเย้าแสงพลัน
สิ้นตะวันหันเหเรือเพื่อจากจร
คิดถึงกรุงมุ่งไปคล้ายเร่าร้อน
ทุกบทตอนย้อนยิ่งต่อสิ่งหลอน
ยุคมืดเก่าเข้าคลุกรุกลิดรอน
หวังถอดถอนแต่จนใจไร้ศรัทธา
เรือลำน้อยเร่งรุดสิ้นสุดหรรษา
เงาเขาผากระแสน้ำย้ำเรียกหา
ลมพัดโชยโปรยละอองสาดต้องมา
ฉ่ำอุราเหมือนบอกว่าอย่าลืมเธอ.
* แก้วประเสริฐ. *
22 กุมภาพันธ์ 2549 11:10 น.
แก้วประเสริฐ
แสนเทวษเศษอาดูร
กระแสสินธุ์รินหลั่งไหลเนืองนอง
น้ำตาไหลสาดครองหยดแผ่นหล้า
ฟ้าเปลี่ยนสีอาบแสงแห่งพสุธา
หากเลือดสาดลงมาทาพื้นปฐพี
อนาถหนอแสนเทวษเศษอาดูร
เหล่าหน่อพุทธางกูรมิเกษมศรี
จริยธรรมนำสู่ไว้เพื่อให้ยินดี
แปดเปื้อนราคีมิมีที่กล่าววาง
สล้างไว้ให้กระจ่างสร้างขาน
เป็นตำนานกล่าวสร้างอ้างว้าง
มืดมนหูตาจมูกสิ้นหนทาง
กลับแลร้างมิเด่นเน้นชีวี
สุขทุกข์ปลุกคลุกไว้ในทุกข์สุข
ร่าเริงถูกรุกฉุกย้ำยำยี่
สนุกฉุดผูกกระตุกทุกแห่งมี
สร้างราวีมิมีสุขทุกข์เข้าปน
เมืองทองนี้อยู่ได้ในพุทธะ
ใช้ชำระจิตมิให้สับสน
เมตตาธรรมค้ำจุนหนุนผู้คน
สามัคคีล้นชนผองครองในธรรม
บัดนี้หนอเหลือไว้เพียงในเศษ
น่าเทวษอเนจอนาถนำหน้าล้ำ
มารเข้าสิงอิงไว้ให้คนกระทำ
เป็นเวรกรรมเหลือล้นพ้นคณา
คนผิดถูกชั่วดีอยู่ที่สร้าง
มิลบร้างวางไว้บุญบาปหนา
ย่อมก่อเกิดตามบาปบุญสร้างมา
หาใช่ว่าคนตัดสินนินทาเอา
ด้วยมนุษย์มีมาตัณหาครอบ
สร้างระบอบหมุนเวียนสุขเศร้า
มีสุขก็มีทุกข์เข้าทำเนา
อย่าให้เขาเราเลือดหลั่งไหลนอง.
* แก้วประเสริฐ. *
20 กุมภาพันธ์ 2549 09:59 น.
แก้วประเสริฐ
กบเลือกนาย
...๏พินิจผ่านร่ำร้อง........................หมางใจ
มองสิ่งผันผวนไป............................... ยุ่งแท้
อดีตใครเคยทำไว้...............................หวนใส่ จำแฮ
ยากยิ่งสิ่งควรแก้..................................แน่แท้วังวน ฯ
มากมีหวังที่ได้............................ครองเมือง
สรรค์แต่งแฝงกุเรื่อง...........................ล่มล้าง
ยกพวกข่มประเทือง.............................สูงเด่น จริงนา
เพียรส่งข้อยกอ้าง................................ผลาญสิ้นถิ่นไทย ฯ
อดีตเก่าเขาส่งไว้.........................ควรจำ
มากเล่ห์หลอกลวงคำ.............................ทำได้
กู้นอกบอกสิ่งล้ำ.....................................มอบสู่ ชนแฮ
แท้อยู่พวกตนไซร้.................................ส่งขี้ที่เหม็น ฯ
ประโยชน์ตัวมิได้..........................ใจตน
ชักจูงพวกสับสน....................................ก่อตั้ง
หวังการเพื่อจลาจล................................พลิกสู่ อยู่เฮย
หากเก่าเกิดอีกครั้ง................................ร่างสิ้นดินไทย ฯ
แยงยุกู่เฟื่องฟุ้ง............................ปรุงขจาย
จัดม๊อบเก่งมากมาย................................เพื่อกู้
วิชาการก่อเรียงราย...............................แหนห่อ ยอแฮ
พอเกิดเรื่องบ่ฮู้......................................มุดหน้าฝ่าดิน ฯ
ดุจกบเบียดเผยอหน้า....................นกกระสา
สระกร่อยน้ำน้อยนา................................ห่อนรู้
ปั่นป่วนส่งใจมา.......................................มอบแก่ นายนา
พ่อเก่งเกินใครสู้.....................................ช่วยกู้นำชัย ฯ
กู้ชาติอนาถสิ่งล้ำ..........................พระคุณ
หวังส่งมาเกื้อหนุน.................................เหล่าข้า
ขอจงพ่อค้ำจุน.......................................หนุนส่ง ฝั่งแฮ
บุญคุณมิอ่อนล้า....................................วางไว้เหนือหัว ฯ
พวกข้าหิวโหยแท้...........................เหลือทน
ทุกสิ่งอิงฝากกมล.....................................พ่อค้ำ
วันใดหลุดวังวน.......................................จนสู่ อู่เฮย
หารใหม่โอชะล้ำ.......................................ส่งสิ้นกินครอง ฯ
สุภาษิตเก่าแท้.................................หลายปี
คงแต่งแฝงสิ่งดี........................................ เด่นล้ำ
คนเราอย่าเลือกที่......................................เกิดก่อ ส่อนา
ดุจดั่งกบหมองคล้ำ.....................................ชอกช้ำเผ่าพงศ์ ๚๛
* แก้วประเสริฐ. *
17 กุมภาพันธ์ 2549 08:53 น.
แก้วประเสริฐ
ดวงชีวันขวัญชีวา
งามนงนุชผุดผาดดุจภาพวาด
ยามนวยนาดย่างเยื้องเปลื้องสนอง
ทั้งดวงตาสว่างไสวเป็นใยยอง
แววสีทองหยาดมณีที่ยามวาว
เพชรน้ำหนึ่งพึงอยู่คู่ราวแก้ม
พึงแต่งแซมลักยิ้มพริ้มหน้าขาว
ช่างโดดเด่นเช่นดาราที่พร่างพราว
ดุจดวงดาววาวระยับจับท้องฟ้า
ปานประหนึ่งเทวัญสรรค์สิ่งสร้าง
งามกระจ่างเกินหญิงใดในหล้า
สวยเด่นล้ำงามพิศติดนัยน์นา
โฉมสุดาคราจ้องต้องตลึงแล
มธุรสอื่นใดหวานเท่าเจ้าเอ่ยอ้าง
แสนวาบหวามสล้างไว้ในใจแน่
เข้าต่อเติมเสริมอยู่สู่ดวงแด
ยะเยือกแผ่รินหลั่งดั่งสายธาร
เมื่อหญิงงามครวญเพลงบรรเลงเล่า
แฝงซึมเศร้าเร้าใจมิได้สมาน
ดวงใจน้อยคอยหามาช้านาน
รัตติกาลผ่านห้วงดวงใจตรอง
แสนหงอยเหงาเฝ้าจ้องยังปองจิต
พริ้งชวนพิศแม้เจ้าจักเคล้าหมอง
ยังโดดเด่นเลิศล้ำงามสิ่งปอง
ดั่งนวลน้องครองชีวันขวัญชีวา.
* แก้วประเสริฐ. *
15 กุมภาพันธ์ 2549 11:51 น.
แก้วประเสริฐ
* เสียงพร่ำคร่ำครวญถวิล *
๏ ระบำยามแนวคลื่น............เสียงครืนครืนกระทบหา
ฟองขาวพราวงามตา.................ยามล่วงโรยโปรยเรืองรอง
แสงวับระยับเนตร................มณฑลเขตคลี่แซ่ซ้อง
พลิ้วไหวคล้ายละออง................ร่ำนงนุชผุดใจจำ
ตะวันคราอ่อนแสง...............ท้องฟ้าแดงแสงแก่กร่ำ
หอมผกามาผลินำ.....................กรุ่นกลิ่นเจ้าเคล้าสนธยา
หวนคิดจิตประหวั่น..............รุกกระชั้นสั่นนัยน์นา
แวววาวสะท้อนมา....................ฟองคลื่นน้อยลอยลำเลียง
ดรุณีหนึ่งพึงออดอ้อน...........ยามบังอรแว่วส่งเสียง
กระแซะเข้าใกล้เคียง.................พร่ำเรียกร้องต้องใจตู
วอนรักกระซิบสั่น................ด้วยเขานั้นหวังเคียงคู่
ให้พรั่นต่อเสียงพธู....................นึกประหวั่นพรั่นทรวงใน
อกเอยเคยพบเห็น................แม่เนื้อเย็นยามผลักไส
ด้วยวัยไม่เคียงใกล้...................คงทิ้งเราเฝ้าโรยลา
เพียงแย้มยิ้มจำนรรจ์...........ห้วงใจนั้นก็โหยหา
พริ้มลงเอ่ยวาจา.......................ดวงสมรผ่อนความคิด
ดูน้ำซ้ำปั่นป่วน....................แม่เนื้อนวลหวนใจจิต
อนาคตอาจวิปริต.....................สู่เบื้องหน้าคราฝนเยือน
ชีวิตของคนเรา....................มันจะเศร้าดั่งถูกเฉือน
รักแท้แน่ใจเตือน......................ผูกกำหนดจงจดจำ
คิดก่อนผ่อนความคิด..........ที่ฝังติดนะงามขำ
ผิดพลั้งอาจต้องช้ำ...................ยากใฝ่หามากลับคืน
ดูซิคลื่นละลิ่ว......................ช่างงามริ้วพลิ้วระรื่น
บุปผาคราพลิกฟื้น....................ดุจตัวเจ้าเฝ้าชโลมใจ
คิดหน้าก่อนจะทำ................สิ่งเลิศล้ำงามสดใส
รูปโฉมแม้วิไล...........................คิดให้ทั่วอย่ามัวเพลิน
คลื่นน้ำยามพบหิน...............จะแตกสิ้นจินต์สุดเขิน
ฟองฝอยแตกยับเยิน..................เมื่อสิ้นสาวเคล้าโลกีย์
ผ่อนหนักแลผ่อนเบา.............มิโศกเศร้าเคล้าสุขี
ดีชั่วปัญญามี.............................ตีให้แตกแยกเป็นทาง
ฟังไว้นะทูนหัว.......................อย่าทำตัวดุจผีสาง
มิได้ใคร่อำพราง..........................หวังเลือดเนื้อเถือกายา
ชมชื่นระรื่นรมย์......................เข้าดอมดมกลิ่นเกสา
ปลุกจิตที่นำพา............................ให้พลิกฟื้นตื่นสิ่งปอง
ลมโชยโปรยพัดพลิ้ว................เส้นผมปลิวทั่วทั้งผอง
ความหวังครั้งเคยครอง.................เหลือรอยยิ้มอิ่มเอิบไว้
ตะวันลับขอบฟ้า.....................สกุณาบินขวักไขว่
ท้องน้ำงามวิไล............................เฉกสองเราเฝ้าเปรมปรีดิ์.๚๛
* แก้วประเสริฐ. *