18 ธันวาคม 2549 14:49 น.
แก้วประเสริฐ
ลมหนาวเคล้าฤทัย
ลมหนาวโชยโปรยรินกลิ่นแนบเนื้อ
หอมจุนเจือเอื้อละมุลกรุ่นไอสาว
อิงแอบเสลาเคล้าซ่านผ่านดวงดาว
งามพร่างพราวสกาวเดือนเยือนราตรี
เด่นพิไลให้ระทึกตรึกสิ่งซ่าน
เย็นฉ่ำรานเนื้อแนบแอบโฉมศรี
อุ่นไอรักคลั่กคลุ้งฟุ้งเปรมปรีดิ์
ดอกสินีโชยระบัดจัดรัญจวน
ค่ำคืนนี้มีจันทร์นั้นงามผ่อง
ลมละอองเย็นซ่านหวานสิ่งหวน
กลิ่นราตรีนี้โยกกวัดมัดสิ่งชวน
ล้วนอบอวลป่วนฤทัยสร้างไว้จำ
สินีนาถผาดวิจิตรสร้างติดป่วน
ลอยทบทวนล้วนตลึงถึงหวานล้ำ
งามสิเน่หาราตรีอ้อนซ่อนย้อนนำ
อุ่นงามขำลำนำรักเคยตักชม
ดาวระยิบพริบล้อหมายง้อโสม
หันหวนโน้มโลมตรึกนึกสิ่งสม
เหมันต์นี้ปล่อยค้างระหว่างอารมณ์
เปล่าเปลี่ยวตรมหวังชมรักที่จักคืน
ภูทับเบิกนี้หนอเคยพะนอรัก
จนใจนักความหลังที่หวังชื่น
มองดาวล่างกลางนภาหาชื่นมึน
เย็นระรื่นยืนเดี่ยวเปลี่ยวเอกา.
*** แก้วประเสริฐ. ***
15 ธันวาคม 2549 12:11 น.
แก้วประเสริฐ
ตู่เอ๋ยตุ๊ดตู่
ตู่เอ๋ยตุ๊ดตู่......
เจ้ารอบรู้บินว่อนร่อนเวหน
ทะยานกายหมายรักชักเวียนวน
ดอกไม้หล่นปนเศร้าเคล้าน้ำตา
หวังอิงน้องปองสนิทเข้าชิดเชื้อ
สายใยเจือพรรณรายสดใสหนา
มณีแก้วแพรวสะท้อนย้อนอุรา
บินเดี่ยวมาคว้ารักช่างหนักใจ
วายุโหมโน้มสะบัดมัดอิมไว้
ตะเกียกตะกายไขว่คว้าหาสดใส
พอสิ้นลมจมห้วงล่วงลงไป
ดวงฤทัยให้ละห้อยน้อยใจจำ
หวังเอ๋ยหวังรัก.....
โดนประตักปักฤทัยใยจึงช้ำ
จำเนียรถ้อยร้อยวจีที่ลำนำ
สาวเจ้าทำพร่ำเพ้อละเมอครวญ
ป่วนฤดีที่สร้อยร้อยกุหลาบ
นอนพังพาบพสุธาพากำสรวล
ล้วนความหวังรั้งเงาเคล้ารัญจวน
ยากจะชวนโผผินบินโพยม
โน้มรำลึกถึงอดีตหวังขีดเส้น
ชอบหลีกเร้นเด่นนภาเพื่อหาโสม
ลมรำเพยเผยกลิ่นเข้ารินโลม
ใยจึงโหมหัวใจสู่ในระทม.
*** แก้วประเสริฐ. ***
13 ธันวาคม 2549 13:42 น.
แก้วประเสริฐ
รักเดียวเปลี่ยวอารมณ์
ฟ้าคืนค่ำน้ำหยาดเหมือนสาดกรด
ไหลรินรดผ่านสิ้นในจินต์เขลา
รักหอมหวลวิจิตรผันปลิดเงา
โลดแล่นเร้าสู่ห้วงผ่านดวงแด
ราตรีนี้มีจันทร์นั้นงามผ่อง
สิ่งหมายปองหลุดล่วงจากบ่วงแห
ที่ทอดผ่านจากใจขาดไร้แล
หลงชะแง้ดุจดาวที่เฝ้าเดือน
มีรักเดียวเปลี่ยวฤทัยสุดให้เหงา
มั่นคงเฝ้าห่วงหาเข้ามาเฉือน
เหลือเพียงหยาดน้ำหยดเข้ารดเยือน
ให้แปดเปื้อนเฉือนอารมณ์สู้ข่มใจ
โอ้คืนนี้มีใครเข้าใจเอ๋ย
ลมรำเพยเชยถวิลกลิ่นสดใส
วิจิตรซ่านผ่านห้วงยามล่วงไป
ทั้งนอกในยืนเดี่ยวช่างเปลี่ยวอุรา
ต่อนี้ไปใครว่าจะบ้ารัก
มิฟูมฟักจักถนอมเมื่อล้อมหา
หั่นในรักหักสิ้นตามจินตนา
ประชดฟ้าดินไว้ไม่ยำเกรง
ขอเอาน้ำในวลีเป็นที่ตั้ง
รูปลักษณ์รั้งฤทัยไม่เครียดเคร่ง
ชีวิตผ่านปริศนามาละเลง
นำบทเพลงพิศสวาทพาดราตรี.
*** แก้วประเสริฐ. ***
11 ธันวาคม 2549 09:12 น.
แก้วประเสริฐ
ดั่งโคลนตม
ความผูกพันสัณฐานสรรค์สิ่งสร้าง
สิ่งกระจ่างวาวแววแพรวสดใส
ความอ้างว้างกลางวิจิตรติดไฉไล
ล่วงเลยไปในอุทาหรณ์สอนให้จำ
หยาดน้ำใสน้อยนิดหวังคิดสู่
สิ่งเลิศหรูเจิดหล้าดุจฟ้าร่ำ
ระโรยรินกลิ่นหอมเข้าย้อมนำ
ปรุงความล้ำนำมาต้องพาครวญ
กว่าจะผุดฉุดชีวิตแล้วติดแฉก
เป็นรอยแยกแตกทางพลางกลับสวน
รสหวานขมปมปริศนามาชักชวน
มิทบทวนหวนชโลมดั่งตมโคลน
ความพิสุทธิ์ดุจเทียนเข้าเวียนส่อง
ไร้สิ่งสนองต้องพินิจดังชีวิตโขน
ส่ายระบำลิงยักษ์มักถูกโยน
ต้องห้อยโหนโยนทะยานเข้าบั่นทอน
ความมีสุขคลุกเคล้าเข้าพร่ำพรอด
สิ่งอ้อนออดอ่อนหวานปานหลอกหลอน
สะท้อนห้วงล้วงไว้ยามได้นอน
สร้างอาวรณ์ผ่อนอารมณ์แล้วบ่มทุกข์
เกิดเป็นมนุษย์รุกข์ชาติธาตุทั้งสี่
ย้อมชีวีมีอะไรที่ให้สุข
เกิดจากดินสิ้นแล้วพร้อมแนวรุก
ต้องเคล้าคลุกปลุกผีนั่งระวังตน.
*** แก้วประเสริฐ. ***
6 ธันวาคม 2549 11:56 น.
แก้วประเสริฐ
งามพิลาศรัก
กระแสร์สินธุ์รินล่วงยามช่วงรัก
พิลาสนักชักห้วงสู่บ่วงหา
สิ่งสนองปองสนิทก่อนนิทรา
พาดเสน่หาพาฝันสร้างรัญจวน
ตะลึงแลแม่ชม้อยถ้อยคำเอ่ย
ยามแม่เผยสิ่งสล้างยิ่งสร้างหวน
ล้วนระทึกตรึกพิลาสมาพาดชวน
สร้างปั่นป่วนล้วนผนึกรำลึกจำ
กัลยานารีพักตร์ประจักษ์พริ้ม
งามจิ้มลิ้มพริ้มพรายกรายเลิศล้ำ
ยามปทุมพุ่มสวาทพาดครอบงำ
เสมือนร่ำย้ำฤทัยไหวโคลงเคลง
ปานประหนึ่งพึงศิวะจะมาเคล้า
โลมาเจ้าเฝ้าคะนองต้องรีบเร่ง
ผ่านกระแสร์แผ่กระสินธุ์ระรินเกรง
ห้อยโตงเตงเกร็งผวาพาไขว่คว้า
พายุพัดจัดไว้สู่ในกระแสร์
โหมประแดแผ่ซ่านผ่านหรรษา
งามพิลาสพาดวิจิตรพินิจสุดา
ช่างโหยหาพาฝนหล่นโปรยปราย
ช่วงทำนองกลองทิพย์ระยิบพาด
ระเนระนาดพฤกษามาสิ้นสลาย
วายุหวานผ่านห้วงดวงใจคลาย
ห้วงฤทัยให้อาวรณ์รอนใจจำ.
*** แก้วประเสริฐ. ***