6 มกราคม 2549 13:33 น.
แก้วประเสริฐ
เพียงหนึ่งในอารมณ์
เหงาเงียบสุดเฉลยล่วงเลยแทรก
มิได้แยกแตกฟูฟ่องละอองสาย
สร้างรันทดหดหู่สู้เดียวดาย
ล้วนใจกายอ่อนล้ามาระทม
ดั่งรวีทองครวญมาคราย่ำค่ำ
โพยมคล้ำพร่ำลาพาขื่นขม
เสี้ยวรัชนีกรอ่อนแสงยากแฝงชม
ดาวตรอมตรมหลบลี้ยามมีเดือน
สะท้อนใจสุดพล่านสะท้านจิต
สิ่งเนรมิตบิดหักแล้วกลับเฉือน
โลกหนอโลกโฉลกไว้มิได้เยือน
แสร้งลาเลือนเปื้อนไว้ฝากใจจำ
อารมณ์นี้ก่อนเคยเผยระรื่น
ผันพลิกฟื้นตื่นตาหาสิ่งล้ำ
ละเอียดอ่อนหนักเบาเฝ้ากระทำ
มิครวญคร่ำเพริศพริ้งในสิ่งมี
วิสุทธ์สล้างกระจ่างไว้สู่ในฝัน
จำเนียรกาลสรรค์สร้างกลางสุขี
ลบฤาบวกผนวกไว้คล้ายวารี
ฉ่ำนทีเย็นยะเยือกเปลือกอารมณ์
ผิดกลับถูกพันผูกคลุกสมาน
ร้าวแตกฉานสรรค์ถูกมิสุขสม
เกิดห่อเหี่ยวประดับจับสิ่งตรม
สิ้นเริงรมย์จมเหงาสุดเศร้าใจ
เพียงหนึ่งในอารมณ์ปรารถนา
สิ่งหวนหาเข้าครองตรองหวั่นไหว
ร้าวภายนอกตอกห้วงล่วงภายใน
ช่างพลิ้วไปคล้ายทะเลที่เห่ครวญ
วิปโยคโบกสะบัดพัดจัดจ้าน
แสงทองผ่านยิบระยับนับสิ่งหวน
ล้วนแต่คำพร่ำเพ้อละเมอชวน
สิ่งนั้นล้วนความเหงาเคล้าใจตน.
* แก้วประเสริฐ. *
4 มกราคม 2549 12:02 น.
แก้วประเสริฐ
* จันทร์กระจ่างฟ้า *
โสมทองส่องผ่านฟากฟ้าราตรี
งามซึ้งซ่านดวงฤดีรัชนีบรรเจิดจ้า
แสงนวลสาดใบไม้หวนให้โหยหา
พระพายโชยพัดมาพาใจรัญจวน
ใจของหญิงตรึงไว้ชวนให้รำลึก
ใต้เงาจันทร์ครั้นตรึกนึกปั่นป่วน
ล้วนสร้างสิ่งเลอเลิศเฉิดเย้ายวน
ฝากไว้ให้โหยหวนชวนเคล้าอุรา
มองเพ่งพิศพรรณรายรัชนีกร
เคยออดอ้อนบังอรก่อนอุษา
ป่านฉะนี้เนื้อนวลล้วนไกลตา
ฤาอาจพาเริงฟ้าล่องลอยลม
โสมเจ้าเอ๋ยเผยไว้ยามไล้แสง
ใยอ่อนแรงเหมือนใจสุดให้ขม
ท้องนภามืดสนิทปิดชวนชม
ดุจอารมณ์เวิ้งว้างพลางล่องลอย
สลับสล้างสุดขอบฟ้าดาราฉาย
เพริศพริ้งพรายพรรณรายแสงน้อย
ระยิบระยับนภาคล้ายเพชรพลอย
จนเดือนคล้อยลอยพ้นหมู่เมฆินทร์
ท้องนภากระจ่างแล้วบุหลันเอย
รัตติกาลเคยฝากใจหวนให้ถวิล
ชมเชยเคยสู่เจ้าเคล้าชีวิน
ช่างล่วงรินใจโปรยโรยรักไกล
หัวใจใสใยเยื้อยามเอื้อรัก
จันทร์ฟูมฟักดาราฉายมิได้ไว้
ฟ้าสว่างแยกทางแทบขาดใจ
ดังข้าได้มองเจ้าเคล้าราตรี
จันทร์กระจ่างท้องฟ้าใยรักข้า
ดุจดาราพาแสงแฝงหลบหนี
หาสิ่งแท้แน่นอนนั้นไม่มี
ช่วงชีวีไร้เคล้าเฝ้าดาวเดือน.
* แก้วประเสริฐ. *
2 มกราคม 2549 11:56 น.
แก้วประเสริฐ
ประทีปทอง
ระวีทองส่องฟ้าคราอุษาสาง
เสียงเหง่งหง่างระฆังทองก้องไพศาล
เหล่านกกาพาซ้องร้องกังวาน
ลำโพงขานลำนำธรรมคัมภีร์
ชีวิตวันใหม่ได้บังเกิดบรรเจิดแล้ว
โน้มนำแผ่วสิ่งสร้างกระจ่างศรี
มวลเหล่าสัตว์ชายหญิงสิ่งที่มี
สรรค์ชีวีตามสภาพกรรมสู่นำทาง
ล้วนทุกข์สุขคลุกเคล้าเนาเข้าคลุก
จะถูกปลุกวนเวียนเฝ้าเพียรสร้าง
สิ่งดีชั่วว่ายวนจนอำพราง
มิสล้างกระจ่างไว้สู่ใจเรา
นี่แหละหนอโลกมนุษย์สุดหยั่งยาก
มันฝังรากฝากไว้ให้โง่เขลา
สร้างชีวิตจิตใจไม่บางเบา
แทรกซึมเอาโมหะจริตคิดแต่ตัว
หากมีเมตตานำทางสร้างสุขศรี
กอบไมตรีกรุณาละไว้ในสิ่งชั่ว
มุทิตามาประกอบอย่าเกรงกลัว
มิเมามัวนำอุเบกขาไว้สู่ใจตน
ตัดสิ่งโลภลงไว้มิให้โทสะ
สร้างฉันทะเพียรละสิ่งสับสน
กอบวิริยะมุมานะอย่าปะปน
จิตตะล้นจนสร้างไว้ในวิมังสา
ตรองมิได้ในสิ่งที่เพียรสร้าง
อุเบกขาวางไว้มิไกลหนา
ให้ใคร่ครวญตรวจสอบด้วยปัญญา
สิ่งปัญหาจะละได้ด้วยใจเรา
แสงประทีปดุจเทียนที่ส่องหล้า
ขจัดมืดนำพาพ้นจากสิ่งเศร้า
ในวันใหม่ได้บรรเจิดมิบางเบา
จงสร้างเอาในธรรมเฝ้านำทาง.
* แก้วประเสริฐ. *