24 สิงหาคม 2548 12:37 น.
แก้วประเสริฐ
* สกาวชีวิต *
สุริยันจันทราคราเปลี่ยนสี
เมื่อดรุณีย่างกรายเข้าวัยสาว
จันทร์สกาวพราวฟ้ายามไร้ดาว
หนุ่มจะเล้าโลมสาวเมื่อแตกพาน
สะท้อนห้วงดวงใจจากวัยรุ่น
รักมักกรุ่นรุนแรงไร้สิ่งต้าน
พอเลยสู่ฉกรรจ์นั้นจะขึ้นพาน
เริ่มคิดอ่านเข้าอยู่สู่ครอบครัว
ครั้นร่วงโรยโหยหาแต่ความหลัง
เข้าประดังขังขอบกรอบสลัว
ย้อนอดีตถึงชีวิตมาพันพัว
สิ่งเกลือกกลั้วมัวเมาเฝ้ารันทด
ถ้าวันคืนผ่านไปหากไร้ค่า
ปล่อยชะตาฝากไว้ไม่กำหนด
สรรค์ชีวิตฟุ้งส่านในแนวคด
ยากจะปลดใจได้ในขื่อคา
หลงในรูปรวยทรัพย์นับหมื่นแสน
คิดหวงแหนสิ่งที่หวังใฝ่หา
จะตรมอยู่ในสิ่งที่ตามมา
ย่อมนำพาสดใสให้จากไป
จิตใจเรามองไปดุจน้ำกรด
มันรินรดกัดกร่อนห่อนแก้ไข
ยากจะหาสิ่งงามความวิไล
เหตุทั้งหลายพาอยู่สู่ครอบงำ
รูปทั้งปวงลวงไปคล้ายมณีแก้ว
งามเพริศแพร้วสรรค์สร้างสว่างล้ำ
ยามคบหาพาซึ้งจึงจดจำ
สิ่งที่ทำอาจช้ำระกำหมอง
สิ่งเหล่านี้ฝากไว้ให้ครุ่นคิด
เรื่องชีวิตผิดแผกจะแตกสนอง
อันความรักทั้งหลายที่ใฝ่ปอง
อย่าเรียกร้องถึงเวลาจะมาเอง.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
22 สิงหาคม 2548 11:05 น.
แก้วประเสริฐ
*ประกายรักหัวใจ *
สุริยันพร่างแพรววับแววฟ้า
เหล่าผีเสื้อเริงระบำงามตาสดใส
หอมระรินกลิ่นไม้ดอกโชยไกล
เฉิดไฉไลไล้ลูบพิณจินต์อาวรณ์
วิมานดินกลิ่นสวรรค์อันแนบเคล้า
ดึงโน้มน้าวเฝ้ารำพึงกึ่งสะท้อน
หวนพิศวาสเสียงพิณสิ้นขจร
แฝงซุกซ่อนรักลงแนบตรงทรวง
พิณเจ้าเอ๋ยเคยเสียงเจื่อนแจ้วหา
ยากหวนมาบรรเลงเพลงที่หวง
เฝ้าโลมไล้ลูบระลึกตรึกทั้งปวง
รักที่ล่วงหวนหามาละลาย
ก่อนนี้เล่าขลุ่ยพิณเสียงรินเร้า
ต่างคลอเคล้าเฝ้าประสานมิห่างหาย
เหลือขลุ่ยเรียกพิณอยู่วางคู่กาย
รักแห่งใจเปรียบได้ไร้คู่ครอง
หยดน้ำตารินหลั่งเสียงตั่งติง
ทบสายพิณดังกริ๊งอิงตอบสนอง
กังวานแว่วแผ่วมาเพื่อสู่น้อง
สิ่งหมายปองครองคู่สู้ชีวา
แม้นชีพพี่นี้พรากต้องจากแล้ว
ยังไม่แคล้วหนีหายเจ้ายี่หวา
จะสู่รักปักมั่นในกัลยา
ก็จะมาสู่พิณเพื่อสิ้นครวญ
รักเอ๋ยรักฝากไว้ประกายรัก
ถ้าพิณหักนี้จักเฝ้ากำสรวล
วิญญาณพี่นี้เคยเฝ้ารัญจวน
จะปั่นป่วนด้วยภักดิ์จากหัวใจ.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
19 สิงหาคม 2548 11:09 น.
แก้วประเสริฐ
* ฤานางคนึงเพียงฝัน *
..๏ เพียงพิศจิตย่ำย้ำ นำเตือน
ยามย่างดูแชเชือน แซ่ซ้อง
แย้มยิ้มส่งยากเลือน เยือนสู่ จริงนา
รักกรุ่นเหนือแนบน้อง ครุ่นร้องปองสวรรค์ ๚
จันทร์เพ็ญเด่นลอยฟ้า คราใด
ลมส่งพัดแหวกไสว ใฝ่เจ้า
แสงดาวพร่างสดใส ใยแม่ มิมา
เพียงแค่คำนึงเคล้า รุ่มเร้าทางใจ ๚
สายธารยังร่ำร้อง มัจฉา
อกพี่พลอยครวญหา สู่น้อง
สกุณามองสบตา หาคู่ เชยแฮ
ใจที่หมายเรียกร้อง ปองเจ้าเหงาเฮย ๚
เรียมเรียมแอบสู่ฟ้า ใดฤา
มวลเทพเสพย์สมหรือ ซ่อนไว้
รสรักจักเลื่องลือ ปรือสู่ สวรรค์ฤา
ยากยิ่งกลัวเทพไท้ จึ่งได้เพียงฝัน ๚
นวลนางกลิ่นกายเจ้า รสนาง
หอมยิ่งกว่ามะปราง สู่ต้น
ริกริกยามนางคราง แนบสู่ ใจแฮ
ดุจดั่งชลฝายล้น ท่วมท้นคราฝน ๚
อกเอยอกใฝ่ล้วน ชวนคนึง
รักที่ฝากรัดรึง แด่ข้า
มิอาจใฝ่เรียกดึง กลับสู่ อกเอย
เพียงใคร่ฝันอ่อนล้า สู่ฟ้าเมตตา ๚
ติงติงเสียงกริ่งร้อง คร่ำครวญ
ผวาตกใจนึกนวล ร่ำร้อง
กลับสู่เรียกหาชวน จากแม่ เราแฮ
ปลุกเพื่อมาส่งน้อง สู่เข้าโรงเรียน ๚ะ๛
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
18 สิงหาคม 2548 14:30 น.
แก้วประเสริฐ
* ฝนใยจึงสั่งฟ้า *
นั่งใจลอยคอยเธออยู่ริมฟ้า
ท้องนภามิสว่างกระจ่างใส
สิ่งผ่านมาวกวนช่างล้นใจ
มองคิดไปใยเราจึงเฝ้ารอ
เขาใกล้ชิดเกิดก่อพะนอคู่
ทบทวนดูสู้คิดยากจริงหนอ
สื่อสัมพันธ์นั้นสู่มิมากพอ
แต่ฉันขอเพียงซึ้งใจพึงเรา
เมื่อฝนโปรยลงไว้ในที่นี้
มันล้นปรี่มีใจแต่ไร้เขา
พอลมพัดผ่านไปโอ้ใยเรา
ฝันคิดเอาสู่ซึ้งตรึงอารมณ์
สิ่งนี้หนอพอเกิดเฉิดฉันท์นัก
ยากประจักษ์มักล่มปนขื่นขม
ลมแปรปรวนล้วนสู่ชิดเชยชม
ดุจดั่งพรมฝนสั่งแล้วห่างจร
นั่งรำพึงตรึงไว้สู่ใจนี้
มวลนารีที่เราเฝ้าออดอ้อน
ย้อนเข้าสู่ดุจฝนที่ขาดตอน
แสนอาวรณ์รอนรักที่หักใย
ฝนเจ้าเอ๋ยเลยไปมิสั่งฟ้า
ก่อนลับตาทิ้งช่วงแลร่วงหาย
หัวใจข้าฝากตรงคงละลาย
หวนอาลัยฝากไว้เพียงได้เงา
สิ่งเรรวนหวนไปคล้ายลิขิต
ดุจชีวิตประดิษฐ์ไว้สู่ใจเขา
ไม่ชอบมาพากลขว้างทิ้งเอา
เหลือแต่เราบทเศร้าเร้าหทัย
มองสายฝนห่างไกลฤทัยเหงา
รุ้งแพรวพราวบนฟ้าน่าสดใส
เหตุไฉนข้าทำไมไม่จากไป
ผูกสายใยฝากไว้อยู่ในทรวง.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
17 สิงหาคม 2548 11:47 น.
แก้วประเสริฐ
*นี่นะหรือหัวใจ*
ปวงมืดมนมัวหมองมาลองคิด
เรื่องเพียงนิดยังติดจนจิตไหว
ทั้งรอบข้างวางเถิดจ้าวหัวใจ
สิ่งทั้งหลายจะได้แค่ตรึงตา
ความวกวนหมุนเวียนอยู่กันนี้
เพราะสิ่งที่ตัวเราพึงปรารถนา
ทั้งอ่อนหวานขื่นขมระทมอุรา
ด้วยมุ่งหาฝังมั่นนั้นเข้าครอง
ยิ่งความหลงทวนดูอดสูนัก
มันฟูมฟักเพื่อประลองจะสนอง
พอติดบ่วงลื่นไหลใคร่ใฝ่ปอง
เหตุทั้งผองเพียงเราที่เฝ้าคำนึง
ใจหนึ่งดวงช่วงเข้ามาติดบ่วง
ชีวิตล่วงเข้าห่วงล้วนหวงหึง
หลงทั้งรูปน้ำคำเฝ้ารำพึง
คงตราตรึงซึ้งไว้มิให้คลาย
โอ้นี่หรือสิ่งหวานปานสุดซึ้ง
ยามเข้าตรึงผูกไว้มิได้สลาย
สร้างอารมณ์ลุ่มลึกผนึกกาย
จนจิตใจคร่ำครวญหวนรำพัน
ความปั่นป่วนฝากไว้สู่ในจิต
เมื่อหวนคิดจะเห็นเช่นความฝัน
เท็จหรือจริงอิงเล่ห์กันและกัน
ต้องคอยวันพิสูจน์ที่ผุดตาม
เปรียบหัวใจเหมือนน้ำในใบบัว
หมุนไปทั่วสาระทิศมิเกรงขาม
กลิ้งวกเวียนเปลี่ยนไว้ทุกชั่วยาม
จะห้ามปรามอย่างไรก็ไม่ฟัง
หากโชคดีพบสิ่งอันบริสุทธิ์
ย่อมยืดฉุดจากห้วงที่ถูกขัง
พ้นในสิ่งพัวพันเข้าประดัง
ก็มีหวังผาสุกเป็นนิจนิรันดร.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙