21 มิถุนายน 2548 14:47 น.
แก้วประเสริฐ
ใจที่คดเคี้ยว
ยืนนิ่งพิงหินผาดารดาษ
ใสสะอาดห้วงธาราพุ่งเป็นฟุ้งฝอย
ดุจหัวใจดวงน้อยไหลล่องลอย
แล้วเคลื่อนคล้อยสู่เวิ้งว้างกลางนภา
มองเถาวัลย์พันเกี่ยวช่างเคี้ยวคด
ยิ่งรันทดห้วงฤทัยยากใฝ่หา
เหมือนชีวิตวกเวียนเสี้ยนชะตา
สู้ไขว่คว้ายิ่งพันนั้นมืดมน
จักมีรักสักครั้งยังปนเศร้า
ช่างปวดร้าวแตกยับดุจจับป่น
พึงหญิงหนึ่งมีไว้ในดวงกมล
กลับสับสนหันเหเล่ห์หลอกลวง
ลมรำเพยเผยวจีที่แสนสล้าง
ดั่งน้ำค้างหยาดนภามาจากสรวง
ชโลมจิตฟุ้งซ่านครั้นตักตวง
รุจีล่วงห้วงสลายกลายเป็นตรม
ฟ้าเอ๋ยฟ้าคราจรัสประภัสสร
ยังอาวรณ์สีสันพลันขื่นขม
อกของข้าปวดร้าวยามระทม
ดุจยาขมใครเล่าเขาจะแล
เหหันหวนทวนตรมครั้นเชยชื่น
ความระรื่นตื่นคล้ายในกระแส
ไหลพัดผ่านพุ่งกระจายผันแปร
หมองใจแท้แน่ใจในเคี้ยวคด
ลมจ้าลมบ่มรักใยหักเห
อุปเท่ห์เล่ห์ลวงล้วนเลี้ยวลด
ปลุกหทัยใจสวาทเหลือกำหนด
แล้วก็ปลดวางทิ้งทุกสิ่งไกล
ใยฟ้าสรรค์พลันสร้างวางสิ่งหวัง
ล้วนสร้างพลังก่อไว้กลับผลักไส
หรือลิขิตชีวิตนี้ช่างกระไร
เปล่าเปลี่ยวใจยืนแลชะแง้คอย.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
14 มิถุนายน 2548 10:39 น.
แก้วประเสริฐ
ชีวิตคน หรือ คนชีวิต
กระแสเปลี่ยนเวียนวนตามกลโลก
อุปโลกน์วกหันเหเล่ห์สมอง
สร้างสภาวะหลงใหลคนใฝ่ปอง
เข้าทำนองเชือกผูกจมูกควาย
สิ่งกำนัลหอมหวนทั้งชวนล่อ
สร้างเป็นบ่อลวงคนจนขวนขวาย
ทั้งศักดิ์ศรีเงินตราอีกมากมาย
ส่งทั้งหลายฮึกเหิมเข้าเสริมมัน
เมื่อหลงติดบ่วงไว้ถูกปลายชัก
เหมือนโดนกักอิสระน่าขบขัน
ต้องก้มหัวน้อมคำนับแต่ละวัน
ยากจะผันชีวิตตนพ้นแนวทาง
วงเวียนนี้มีไว้แต่ในอดีต
ยากจะปลิดหักพวงร่วงสะสาง
ความขี้เกียจหลงตัวจึงละวาง
มิสรรค์สร้างติดสบายถูกใช้งาน
เปรียบดังคนวนไปอยู่ในอ่าง
หรือลูกข่างหมุนวนด้วยแรงสาน
ของเชือกขว้างหมุนวนจนลนลาน
ไม่ช้านานก็หยุดสะดุดลง
เกิดเป็นคนดิ้นรนต่อสู้ชีวิต
จงลิขิตตัวไว้อย่าให้หลง
วางแบบแผนอย่าไปใฝ่พะวง
สร้างแนวตรงเสาะหาด้วยปัญญา
ให้รู้เขารู้เราในการดำเนิน
อย่ามัวเพลินหลงเชื่อคำมุสา
ทั้งล่อหลอกคำหวานด้วยวาจา
สืบค้นหาทดลองมิหมองมัว
สติมั่นขันติมีไว้เสมอ
สิ่งเพ้อเจ้อเห็นเป็นเช่นของชั่ว
ความหนักแน่นจงมองว่าน่ากลัว
อย่าหลวมตัวหมกมุ่นอยู่กับกาม
อันสุรานารีมีนิดหน่อย
แต่อย่าพลอยหลงติดมิเกรงขาม
เพื่อสังคมมีไว้แค่พองาม
มิหลงตามจะทำให้เสียงาน
ทั้งเงินทองหาได้จงใช้ประหยัด
แล้วขจัดไม่จำเป็นอย่าประสาน
คนดีสรรเสริญกับชั่วจงประจาน
ใช้คนนั้นให้เหมาะจำเพาะตน
หูต้องหนักดั่งแท่นศิลาหิน
จะโผบินดุจนกเหินเวหน
ตาต้องคมเหมือนเหยี่ยวอยู่เบื้องบน
ความอดทนเหมือนหมายามหิวโซ
หากทำได้จะมีชื่อระบือเลื่อง
คนทั้งเมืองมาหาอย่าเขื่องโข
จงอดออมถ่อมตนมิวางโต
อย่าเฉโกอยู่ไปชั่วกัลป์กาล.
(คำว่า เฉโก นิยาม ฉลาดแกมโกง ไม่ตรงไปตรงมา)
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
12 มิถุนายน 2548 22:13 น.
แก้วประเสริฐ
เหนื่อยนักขอพักใจ
นึกถึงมธุรสวาจานำมากล่าว
ช่างพริ้งพราวน่าชมภิรมย์เสนอ
งามวิจิตรพิศดูแสนเลิศเลอ
สุดท้ายเจอแต่พลิ้วปลิวลอยลม
ล้วนกำซาบอาบซ่านสะท้านห้วง
เกือบหลงบ่วงอกตรมจนขื่นขม
ยังระทึกนึกประหวั่นแทบเป็นลม
คงตรอมตรมอ้างว้างร้างกลางเพ็ญ
สำเนียงแจ้วแว่วหวานซึมผ่านจิต
อดจะคิดถึงราตรีที่เฝ้าเห็น
กลิ่นเสน่ห์ฝากเนาเคล้าเยือกเย็น
บุบผาเน้นหอมกรุ่นดุจซ่อนรัก
สกาวพร่างกลางนภาฟ้าใสสด
จันทร์ทรงกลดงดงามสิ่งประจักษ์
ประกายดาวไร้เมฆามาทายทัก
เคยฝากรักหวานชื่นคืนอาวรณ์
น้ำค้างพรมลมโชยโปรยความฝัน
ล้วนเสกสรรพันแต่งเข้าหลอกหลอน
ท่ามกลางพฤกษ์ราตรีกลีบขจร
แสนสะท้อนยากนักขอพักใจ
โอ้คืนนี้นี่หนอขอเคียงคู่
เคียงชิดหมู่เดือนดาวอันสดใส
อีกนภาเมฆาแสนอำไพ
มวลแมกไม้บุบผานานาพันธุ์
ตลอดจนแนวพนาอีกสารพัด
รวมหมู่สัตว์เป็นเพื่อนเยือนสุขสันต์
กล่อมหัวใจข้าน้อยร้อยชีวัน
หล่อหลอมจันทร์เจิดจ้าท้าราตรี
เดือนดาวน้อยนภาจวนลาลับ
มิหวนกลับสร้างใจให้สุขี
จะเสริมสร้างอารมณ์เท่าที่มี
ก่อนสุรีย์ฟ้าสางกระจ่างจร.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
11 มิถุนายน 2548 12:13 น.
แก้วประเสริฐ
สุดคว้าไขว่รัก
..๏ แสงตะวันส่องพื้น สนธยา
มวลหมู่นกเมฆา หันฟ้า
เหินกลับสู่เคหา รังห่าง ฮักแฮ
ใยเกี่ยวอกใจล้า ส่งข้าหม่นหมอง ๚
รำพึงพันกลั่นพ้อง จางใจ จริงเฮย
เหมือนหลั่งลงทรวงใน ร่ำร้อง
อกเคยว่างสดใส มืดหม่น หมองนา
คราหนึ่งจักเพียรคล้อง สู่ซ้องแมนสรวง ๚
เมฆาลอยล่องริ้ว ลอยลม
ไหวหวั่นฤทัยตรม เบิ่งว้าง
ลมโชยซ่านอารมณ์ ขมขื่น คนึงแล
ตะละแม่ห่างร้าง ชอกช้ำเรียมสงวน ๚
ดึงพิณสายกรุ่นพลิ้ว กล่อมนาง
ฝากส่งลมมอบกลาง ใส่ห้วง
รึงรัดรักมอบวาง รุดล่วง นางแฮ
เคยพร่ำพรอดอิงห้วง หาดน้ำทะเลไหว ๚
เสียงเพลงหวานซ่านซึ้ง รัญจวน
หวิวหวีดผ่านลมครวญ ป่วนสิ้น
โหยหวนแนบกำสรวล สุดซ่าน รึงนา
อกพี่แทบขาดดิ้น เบิ่งร้างกลางไศล ๚
สุรีย์ศรีลับฟ้า ลาจร
จันทร์ส่องแสงสะท้อน สู่หล้า
ดาราเริงร่าขจร ฉายส่อง งามแล
เสียงพิณยังแกร่งกล้า โลมเร้าราตรี ๚
อกเอ๋ยอกกูนี้ ใฝ่คนึง
ยากที่จะโน้มดึง จากฟ้า
สูงเกินกว่ารัดรึง ขึงเหนี่ยว ลงแฮ
จวบกว่าดินกลบหน้า ห่วงข้าคงสลาย ๚
สวมกอดพิณแนบไว้ ทรวงกาย
ยืนเพ่งพิศนภาลัย อ่อนล้า
น้ำค้างหยาดส่งกราย ลงสู่ แนบแล
ลาส่งดวงใจข้า ล่วงฟ้าแมนสรวง. ๚ะ๛
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
9 มิถุนายน 2548 10:58 น.
แก้วประเสริฐ
ร้อยใจรัก
ขอจัดร้อยสร้อยห่วงบ่วงความรัก
สมานสมัครเพริศพริ้งสู่สิ่งฝัน
กำซาบช่วงห้วงรักนิจนิรันดร์
ผูกพันกันสายสวาทมิคลาดคลอน
กาลรัญจวนหวนผ่านรำพันลึก
ผ่านผนึกแนบจรัสมัดความหลอน
น้ำเย็นหลากซาบซ่านแล้วกลับจร
ความอาวรณ์ขอเฉลยต่อสิ่งครวญ
โอ้อกเอ๋ยใยพบประสบเจ้า
รู้ไหมเฝ้าปวดร้าวแสนกำสรวล
อดตลึงคะนึงหายามทบทวน
ยิ่งปั่นป่วนรวนร้าวน้าวอกตรม
จะจัดเจ้าเนาวรัตน์มัดรวมไว้
เสกมนต์ให้มารวมมิขื่นขม
ทั้งสูงต่ำดำขาวแล้วเฝ้าชม
แยกเข้าพรมบ่มสวาทมิคลาดครา
เรียงลำดับจับตามนามอักษร
ตามขั้นตอนอ้วนผอมพร้อมจะหา
แล้วเสกคาถาอาคมด้วยมนต์ตรา
ผูกวิญญามิให้ร้างหนีห่างจร
โอมมณีเกศแก้วแนวขันจบ
จงมาพบลงในช่วงห้วงแห่งศร
พระพิฆเนศวรเทพเจ้าข้าวิงวอน
ประทานพรเสน่หามัดพาวิญญาณ
อีกพระขันธ์กุมารชาญแนวรบ
ในสามภพเชิงรักมาประสาน
พระแม่เจ้าอุมาขอประทาน
พระศิวะท่านโปรดอำนวยด้วยความรัก
ทั้งฤาษีห้าองค์ทรงเรืองฤทธิ์
มนต์ศักดิ์สิทธิ์อิทธิฤทธิ์จงประจักษ์
เป่ามนต์ตราในศรอย่าช้านัก
เพื่อนำชักเหล่านางมากลางใจ
โอมอิทธิมเหศักดิ์อย่าผลักหนอ
ข้าจะขอมนต์วิเศษเวทย์สดใส
มาร้อยเป็นสร้อยสว่างกระจ่างใน
ที่หายไปกลับแคว้นแดนพสุธา
จะนำสร้อยร้อยใจใกล้ชมชิด
แล้วเพ่งพิศหวนคำนึงถึงเสน่หา
เข้ากอบสู่ห้วงรักประจักษ์วิญญาณ์
เพื่อนำมาสวมใส่ให้พริ้งพรรณ.
( เสนอสนองคนเจ้าชู้ลำดับที่ ๙ ที่เขาจัดไว้...ฮ่าๆๆๆ)
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙