24 มกราคม 2548 12:32 น.

อุปกิเลส 10 ประการ

แก้วประเสริฐ


                 อุปกิเลส  10  ประการ  

          ดูกรท่านผู้ไขว่คว้าหาทางพ้น
ความหลงตนหนทางระหว่างกฤษณา
แม้นมีจิตคิดมิสร้างด้วยเจตนา
ก็ยังมาวนเวียนว่ายในสังสารวัฏฏ์

           สิ่งทั้งหลายเกิดมาในครานี้
ล้วนแต่มีเวรกรรมซ้ำเติมตัด
เพราะไม่รู้สาเหตุอันแน่ชัด
เข้ามาขจัดหนทางสร้างความดี

          ต่างมิทราบเป็นไปในหลายแบบ
แล้วเข้าแนบแทรกซ้อนด้วยห่อนศรี
อันสาเหตุกิเลสเศษที่มี
จะบ่งชี้ทางไว้ให้เราเดิน

          กิเลสสร้างเศร้าหมองครองเร่าร้อน
เป็นขั้นตอนซ่อนไว้สุดจะเหิน
สาเหตุเจตสิกจิตติดคิดมิเจริญ
เพราะเพลิดเพลินสิ่งนั้นพลันเกิดมา

          ทิฏฐิกิเลสดื้อรั้นพลันวางราก
แล้วก็ฝากวิจิกิจฉามาให้กังขา
ด้วยโลภะโทสะโมหะมิระอา
มานะกิเลสพามาซึ่งถือตัว

          ถีนมิทธะกิเลสเจตนาง่วงเหงา
แล้วนำเอาอุทธัจจฟุ้งซ่านพล่านทั่ว
อหิริกกิเลสไม่ละอายเข้าเมามัว
อโนตตัปปไม่เกรงกลัวชั่วช้ามาเป็นทาง

           สิบประการนี้แจ้งไว้ในทางต่ำ
สร้างชอกช้ำทำระกำอย่างกว้างขวาง
ขจัดความดีที่สิงสู่โปรดละวาง
หาแนวทางกำจัดให้มลายสูญ

          เหมือนกลอนธัมมะจัดหานำมาให้
คนทั้งหลายไม่ใฝ่ใจคล้ายแสงสูรย์
สิ้นไร้แสงแห่งตะวันพลันอาดูร
ทุกข์เพิ่มพูนร้องแรกแหกกระเชอ.


              ๙๙๙   แก้วประเสริฐ.   ๙๙๙				
20 มกราคม 2548 02:59 น.

ทิวทุ่งลับกลับเลือนลา

แก้วประเสริฐ


                  ทิวทุ่งลับกลับเลือนลา

          ระลอกคลื่นสั่นพลิ้วริ้วแนวทุ่ง
ประกายรุ้งอาบซ่านเฉิดฉันท์สาย
ละอองโปรยหยาดฝนดูพร่างปราย
เกล็ดแก้วรายหลากสีคล้ายมีแวว

           วับวาววามงามเพชรเม็ดแสงผ่อง
สุรีย์ส่องหยดน้ำอร่ามแพรว
บนพฤกษาท้องทุ่งมุ่งสู่แนว
ลมโชยแผ่วสั่นระริกพลิกอารมณ์

           หลังฝนสลายคล้ายชีวาคราบรรเจิด
หมู่เมฆเปิดเพริศสล้างกระจ่างสม
ฟ้าสดใสไร้มายาเมื่อเชยชม
สุดภิรมย์แสนระรื่นชื่นฤดี

          พลิ้วไสวปลายรวงข้าวเคล้าลมทุ่ง
แสงสีรุ้งพุ่งวาบอาบกระจ่างศรี
ไหวโอนเอนระเนนน้าวเคล้าชีวี
กลิ่นข้าวที่อุ้มท้องผ่องแผ้วโชย

          สายสวาทพาดฝันพลันหวนคิด
ด้วยลิขิตคราเยือนเตือนความโหย
น้ำในขันอันสล้างมะลิโปรย
ยะเยือกโรยกลิ่นเร้าเฝ้าอาจินต์

          บัดนี้เล่าเคล้ารักเคยแรกพบ
ล้วนสยบเหือดหายมลายสิ้น
เถียงนาร้างช่างไร้ได้พังภินท์
คนเยือนถิ่นให้ระโหยโชยเงาร้าง

          สุดอ้างว้างคิดไปให้ละห้อย
โอ้สาวน้อยกลอยใจเปลี่ยวอ้างว้าง
ยืนซึมเศร้าเฝ้ามองนามิวายวาง
ยืนเหม่อค้างพลางรำพึงถึงโฉมตรู

          จวบตะวันลาพรากจากแนวถิ่น
ความถวิลจินตนายิ่งคราสู
สายสวาทคลาดรักเคยเอ็นดู
ความหดหู่แทรกจิตยากคิดจร

          เสียงกระดึงดังสะท้านพลันเหลียวหา
ชาวท้องนาพากันเดินเป็นทิวสลอน
เอี๊ยดอาดเกวียนเลื่อนลั่นสั่นเป็นตอน
ยิ่งยอกย้อนสะท้อนทรวงล่วงผ่านมา

           เคยเคียงคู่มุ่งสู่ยังเรือนเจ้า
ล้างเท้าเข้าเรือนพักเร้าเคล้านาสา
กลิ่นแก้มโหยโชยกลิ่นกายมิระอา
ตักข้าวมาจิ้มแจ๋วเพริศแพร้วอารมณ์

           บ่มบอกรักมักยอกเฝ้าออดอ้อน
คำวิงวอนอย่าหน่ายกลายขื่นขม
จวบบัดนี้เถียงนาน้อยยังพลอยตรม
สุดระทมเมื่อหวนคิดติดความจำ

           ทรุดกายลงตรงคันนาพาใจเศร้า
น้ำตาเคล้าใบหน้าคราหมองช้ำ
ด้วยเพราะรักเปลี่ยนไปให้ได้ระกำ
เหมือนผีซ้ำย้ำยอกกลอกผันแปร

           สิ้นแล้วหนอทางชีวิตที่คิดมั่น
เหลือความฝันไร้นารีมีเพียงกระแส
ของความคิดหมายมุ่งยากจะแล
ที่แน่แท้หล่อนกลับหายไร้ร่องรอย

           โอ้อนานาถวาสนาในคราคิด
วิปริตใจจิตใยคิดละห้อย
ความเก่าก่อนรอนเร้าสุดจะคอย
เหมือนเลื่อนลอยคอยสวาทรักเลือนลา

           มองทุ่งนาคราหยาดพาดใจจิต
ยิ่งใจคิดพะวงหลงเสน่าหา
คงคลาดแคล้วยอดหญิงมิ่งกานดา
วันเวลาพาให้ร้าวอาดูร

           ยืนซึมเศร้าเร้าใจให้หวนจาก
สิ่งที่พรากรักร้างมาหน่ายสูรย์
ความรักเจ้าเคล้ารักที่เกื้อกูล
เหมือนจะสูญสิ้นสลายมลายไป

           ตะวันรอนอ้อนรักหักใจคิด
โอ้ชีวิตคิดไปให้หวนไห้
เถียงนาน้อยกลอยรักจักละลาย
ด้วยจิตใจมิหน่ายรักเจ้าเนื้อนวล.
               ๙๙๙   แก้วประเสริฐ.   ๙๙๙					
16 มกราคม 2548 15:50 น.

น้ำตาผู้ชาย

แก้วประเสริฐ


                          น้ำตาผู้ชาย 

          ความอ้างว้างเปลี่ยวเปล่าเร้าโรมจิต
ยิ่งหวนคิดย้อนยะเยือกกลั้วเกลือกฝัน
จำเนียรกาลผันผ่านของกาลวัน
ดุจดั่งสวรรค์แลนรกไหม้หมกดิน

          วิชชุปลาบวาบไหวภายในซ่าน
ละลอกผ่านไหวหวั่นกระชั้นสิ้น
ปิ่นความรักผลักหวนล้วนอาจิณ
คลื่นวารินสิ้นทำนบกลบพลางเฉือน

          สิ้นแล้วหนอคลอเคียงความเพียรหวัง
ทิ้งความหลังครั้งอบอวลกรุ่นเสมือน
เปื้อนหัวใจซาบซ่านเร้ารานเตือน
จนแชเชือนเกลื่อนโศกสลดทรวง

          ยิ่งคิดไปใจให้หวั่นสะท้านห้วง
สิ่งทั้งปวงล่วงผ่านดินแดนสรวง
พลิกผันผวนล้วนนรกเร้าโรมดวง
แม้นจะหวงลวงใจคล้ายเป็นลม

          กลั้นใจจิตคิดไปหวังคลายโศก
ความรักโกรกพรูพรั่งดุจดังโสม
เป็นรูปเคียวเกี่ยวฟ้ากลางโพยม
เคยอวดโฉมกลมสล้างบนกลางนภา

          พิรุณโปรยโรยสายจากในห้วง
แล้วไหลล่วงเป็นช่วงบ่วงเสน่หา
ความภักดีหลั่งไหลจากนัยนา
สุดพรรณนาหยดย้อยแสนน้อยใจ

          โอ้หัวอกของชายยามไหวหวั่น
ยากจำนรรจ์พลันสร้างกระจ่างใส
สิ่งแสนหวงล่วงราดจากภายใน
ยากที่ใครหมายมั่นพลันเฝ้าโลม

          ระบมรักมักมากในความคิด
ความวิปริตผิดผันมันเข้าโหม
จนล้ำลึกผนึกไว้ด้วยความระบม
สุดเนาโน้มโหมพรั่งจากอกชาย

          แสนเสียดายหมายมั่นกระสันนัก
อีกความภักดิ์มอบให้ด้วยใจหมาย
ความพากเพียรเปลี่ยนแปลงจนระคาย
สิ้นใจสลายกลายเป็นหมอกที่โรยลา.

                ๙๙๙   แก้วประเสริฐ.   				
15 มกราคม 2548 17:16 น.

ราชิกายอดดาราสวรรค์

แก้วประเสริฐ


                    ราชิกายอดดาราสวรรค์  

          สวยหยาดเยิ้มแย้มยิ้มพริ้มพรายพักตร์
ละมุนนักยักเยื้องยามเยือนสล้าง
สรรพางค์งามยิ่งมิ่งนวลปรางค์
เมื่อขนางกระจ่างขั้วหัวใจแล

          ปานประหนึ่งอัปสรร่อนเวหน
จรดลนภาอากาศพาดกระแส
ใสสะอาดวาดร่างงามผันแปร
ตะละแม่ชดช้อยเหมือนร้อยใจ

          เกี่ยวกวัดสัมผัสมัดรัดดวงจิต
ยามเพ่งพิศคิดหวนล้วนผ่องใส
เสียงระฆังทองก้องผุดสุดอำไพ
ลึกเข้าไปในห้วงดวงวิญญาณ์

          สำเนียงแจ้วแว่วชวนฉุดป่วนซ่าน
ให้ระร่านผ่านกระแสแปรหรรษา
อกหนอช่างวาบหวามสุดพรรณา
สิ่งอ่อนล้าพาพลิกฟื้นสู่คืนวัน

          จันทร์พลันขับสายรุ้งพุ่งวนรอบ
ทั้งในขอบรอบแสงงามสีสันห์
มวลดาราวนรอบนอบดวงจันทร์
แสงอำพันพลันสล้างกระจ่างราตรี

          นวลแขเอยเคยพบเพลานัก
ยังไม่ชักหนักห้วงเท่าดวงศรี
งามทั้งนอกในล้วนอวลนารี
ยากจะมีใครเทียบเปรียบเท่านาง

           เฝ้าเพ่งพิศจิตยิ่งพลางประจักษ์ห้วง
เหมือนบาศก์บ่วงห่วงกำซาบยามขนาง
วาบหวามใจนัยนามิเลือนราง
ให้อ้างว้างแลเหลียวอยู่เดียวดาย

          อกหนออกเจ้าเอยที่เคยคิด
อยากจะชิดติดพันเป็นหมั้นหมาย
ดุจแผ่นดินขอบฟ้ามากลับกลาย
โอ้ดวงใจได้แต่เพียงเฝ้าเมียงมอง.

                 ๙๙๙   แก้วประเสริฐ.   ๙๙๙

				
12 มกราคม 2548 14:52 น.

สิ้นสุดทาง...ร้างหน่ายอารมณ์

แก้วประเสริฐ


                     สิ้นสุดทาง...ร้างหน่ายอารมณ์ 

          สุดระกำจำพรากจากจอมขวัญ
ดวงชีวันขวัญชู้ร้างหนีห่างหาย
นำดวงใจน้อยน้อยพลอยจากไป
สิ้นสุดไร้ในหนทางแห่งความรัก

          สู้อดออมถนอมไว้ในใจเสมอ
ยกให้เธอเลอเลิศประเสริฐศักดิ์
จำเนียรกาลผ่านเวลาหัวใจภักดิ์
ระทมนักยากจะแจ้งแห่งช่วงใจ

          โอ้อนาถวาสนาจำคราพราก
ความวิบากล้ำเส้นช่างเป็นไฉน
สิ่งเกื้อกูลหนุนไว้อบอุ่นไกล
แสนเสียดายให้หวนรัญจวนตรม

          ผกาเอ๋ยเคยหอมกรุ่นละมุนเหลือ
เหลือแต่เยื้อใยหอมสุดขื่นขม
มองหมอนคู่สู่ความหลังให้ระทม
อกร้าวระบมหวนไห้จนใจซึม

          ก่อนเคยหวานปานน้ำผึ้งซึ้งใจจิต
ยิ่งมาคิดจิตยิ่งเศร้าร้าวสุดขรึม
เบิ่งสายตาแลรอบประกอบครึม
เหมือนถูกบึมระเบิดเปิดอกทรวง

          ความชอกช้ำครั้งนี้ก่อนมีเหมือน
เคยย้ำเตือนเฉือนอารมณ์จนลับล่วง
ยังติดตามซ้ำเติมคล้ายลมลวง
สิ่งเคยหวงล่วงลับมิกลับมา

          ลาแล้วหนอพอกันทีสิ่งความรัก
ไม่ขอชักนำมาเฝ้าเคล้าเสน่หา
พอกันทีพี่นี้หน่ายแม่กานดา
สิ้นวาสนาอย่าพบประสบเจอ.

                 ๙๙๙   แก้วประเสริฐ.   ๙๙๙
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแก้วประเสริฐ