13 กันยายน 2547 11:53 น.
แก้วประเสริฐ
อรหันต์นิพพานเป็นไฉน
ดูกรสาธุชนผู้ประเสริฐ
ธรรมเลอเลิศกล่าวถึงซึ่งขันธ์ห้า
อุปาทานพลันบังเกิดในกายา
ล้วนแต่พามาให้หลงใหลกาย
ด้วยรูปรสกลิ่นเสียงโผฏฐัพพะ
ที่มันจะกระทำกรรมเกิดได้
จักษุหูจมูกลิ้นและกายใจ
เป็นเหตุให้ได้กำหนัดสู่กาล
อุปาทานขันธ์นั้นเป็นบ่วงห่วงผูกมัด
คล้องหมู่สัตว์จัดว่ายในสังขาร
สังสารวัฏพลัดพรากล้วนลนลาน
เป็นเหตุกั้นพระนิพพานมิพานพบ
ปิดความดีทำไว้ไม่ได้อรหันต์
อวิชชามันสร้างสรรค์มิบรรจบ
ล้วนหลอกหลอนสิ่งดีมีจนครบ
ยกเว้นพบลบชั่วพ้นห่างไกล
หากสาธุชนใดได้รู้แจ้ง
รู้เหตุแห่งเกิดดับดับเสียได้
คุณโทษอุบายเครื่องสลัดมัดจิตใจ
แล้วทำลายยึดมั่นอันสับสน
สิ้นแล้วสิ่งผูกมัดรัดรึงจิต
ที่มาผลิตปิดบังสร้างกุศล
ละสิ้นมิเหลือใยไร้กังวล
เบื่อหน่ายจนเจนจบพบอรหันต์
นิพพานนั้นพลันบังเกิดแจ่มแจ้ง
จักแสดงแสงอมตะละสังขาร
สู่สถานสุขสงบหมดจดในนิพพาน
หมดสิ้นกาลเวียนว่ายในภพภูมิ
ด้วยผลบุญหนุนเกื้อเมื่อวิสัชนา
ขอปัญญาสมาธิศีลพร้อมสุขุม
จงบังเกิดแก่สัตว์ในไตรภูมิ
เป็นกองสุมให้บุญเกื้อเพื่อพ้นกรรม.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
10 กันยายน 2547 14:02 น.
แก้วประเสริฐ
ลมหวนชวนฝันรัญจวน
ลมอึงคะนึงพึงโหมโถมกระหน่ำ
ฟ้าครวญคร่ำร่ำร้องก้องเวหา
ใบไม้แห้งลอยระบัดพัดไปมา
กิ่งต้นหว้าสั่นไหวไกวโอนเอน
เหล่าแมกไม้ใบหญ้าให้เอนลู่
สายฝนพรูสู่พื้นสาดกระเซ็น
วิชชุผ่าฟ้าฟาดต้นขาดกระเด็น
มองจนเห็นรอยแยกแตกเป็นทาง
ก่อนครานั้นเคยนั่งใต้ต้นหว้า
นัดกานดามาพบจวบฟ้าสาง
ต่างชวนมองแสงจันทร์อันพล่าจาง
ดาราสว่างแสงสีที่งามตา
ผีพุ่งใต้ให้ตกเป็นทิวแถว
สุดปลายแนวชายทุ่งยากมุ่งหา
เคยหยอกเย้าเปรียบตัวยั่วกานดา
วันข้างหน้าอาจพรากต้องจากกัน
ไม่คิดเลยเคยเฝ้าเย้าหยอกล้อ
ล้วนจะก่อเป็นจริงสิ่งโศกศัลย์
ต้องมาพรากจากไปแสนจาบัลย์
ต้นหว้านั้นมาพรากพลันจากไป
ยืนรำพึงถึงความหลังครั้งก่อน
สุดสะท้อนดวงหทัยให้หวั่นไหว
ภาพความหลังครั้งเก่าซึ้งในใจ
โอ้เหตุไฉนต้นหว้าคนมาจร
ต่อไปนี้ใครเล่าเฝ้าส่งเสียง
ด้วยสำเนียงหวานแว่วแผ่วอักษร
บอกช่วยเก็บลูกหว้าให้บังอร
ทุกขั้นตอนอ้อนวอนสุดน่าดู
อนิจจานี่นะหรือคือชีวิต
เมื่อมาคิดจิตใจให้อดสู
วิบากกรรมทำไว้แก่ยอดพธู
หวนคิดดูรู้แจ้งแล้วเห็นกระจ่าง
ว่าทุกอย่างในโลกล้วนจบสิ้น
ส่งให้ผลินอนัตตามานำทาง
แล้วค่อยร้างห่างหายจนวายวาง
ดุจดั่งสร้างทางไว้ค่อยทำลาย
ขยับผ้ากาสาวพัตรรัดกายแน่น
นำบาตรแขวนคล้องไหล่มิให้หาย
แผ่เมตตาผลานิสงส์สัตว์ทั้งหลาย
ให้ได้คลายหน่ายทุกข์สุขตามมา
ยกกลดได้ใส่บ่าออกเดินจาก
ยกสิ่งพรากจากไปปลงแล้วหนา
จิตหมายมุ่งพุ่งตรงยังพงพนา
ลับสายตาอาทิตย์คล้อยลอยลับไป.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
9 กันยายน 2547 15:43 น.
แก้วประเสริฐ
เหตุตัวการที่นำไปสู่ภพชาติ
อนุปาทา วิมุจจันติ
( สาธุชนย่อมหลุดพ้นเพราะไม่ถือมั่น)
จิตที่ตั้งอยู่อาศัยภายในรูป
มีกิเลสผูกไปให้เกิดภพ
พอใจในกำหนัดมาบรรจบ
เพราะได้พบความเพลิดเพลินเจริญใจ
ความทะยานอยากจึงซึ่งเข้าถึง
ยึดมั่นตรึงขึงใจไม่ไปไหน
มาพันขันชะเนาะมิห่างไกล
ที่อาศัยจิตในรูปมาผูกพัน
ล้วนเป็นเหตุเลศนัยให้ตัณหา
ซึ่งนำมาหาผลจนกระสัน
สุดจำแนกแยกแยะให้จากกัน
รวมตัวนั้นพันพัวสู่ภพกาล
ด้วยยึดมั่นถือมั่นนั้นเป็นเหตุ
สร้างกิเลสเข้ามาให้ได้ประสาน
เป็นบ่อเกิดชักจูงมุ่งสำราญ
จนระรานคุณธรรมนำความดี
จงละเสียวางไว้ให้เกิดผล
โดยทำตนพ้นทางให้เป็นศรี
มิให้ความพอใจในกำหนัดมี
แล้ววางที่เพลิดเพลินเดินตามทาง
สิ่งทะยานอยากเข้าถึงพึงอย่ามั่น
ให้มันนั้นพลันถึงซึ่งจิตวาง
อีกทั้งรูปภายในนั้นให้จาง
จนได้ห่างหายไปไม่กลับมา
เหตุยึดมั่นนั้นตั้งอาศัยแห่งจิต
ด้วยมันติดคิดเวทนาแห่งสัญญา
ในสังขารวิญญาณผ่านพบพา
กิเลสหนานำไปให้สู่ภพ
นี่แหละหนอพอมีเหตุเกิดผล
ขออริยะชนจงมีที่บรรจบ
พึงรู้ไว้ใช่ว่าเพราะได้พบ
โปรดสมทบก่อร่างสร้างความดี.
อนุโมทนาแด่สาธุชนทุกท่านเทอญ.
อนุปาทา วิมุจจันติ
(ย่อมหลุดพ้นเพราะไม่ถือมั่น)
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
8 กันยายน 2547 13:46 น.
แก้วประเสริฐ
รักหวานมิรู้โรยลา
หวนคำนึงแว่วหวานซาบซ่านจิต
สั่นชีวิตพลิกข้างในฤทัยฉัน
ช่างซึมทราบวาบหวิวสุดจำนรรจ์
ให้ผูกพันผ่านลึกตรึกใจจำ
ลำนำถ้อยร้อยคำร่ำเล่าขาน
ช่างแปรผันหันหวนให้ชวนขำ
อ้อยอิ่งไปในหลากเรื่องเธอนำ
สุดเลิศล้ำพร่ำบอกตอกฝังลึก
วัยพิสุทธิ์บุบผาคราแรกแย้ม
อร่ามแช่มแย้มสรวลชวนให้ตรึก
ดั่งจันทร์โพยมโน้มส่องคล้องใจนึก
ชวนรำลึกผนึกไว้พร่างพรายตา
อนิจจาเวลาวันพลันหมุนเปลี่ยน
สุดวกเวียนหวนนับลับแลหา
ความหวานซึ้งตรึงใจของนัยนา
ยากคืนมาสู่ฉันพลันกลับกลาย
ฉันรักเสมอเธอพร่ำร่ำคำบอก
เป็นระลอกหวานหูมิรู้หาย
บัดนี้ร้างห่างจำคำละลาย
เขาสิ้นสลายหายไปกับสายลม
ถ้อยรสคำผ่านลิ้นแล้วสิ้นซาก
ร้อยรักฝากหากมาคิดมิเหมาะสม
ฉันเพียงจำคำหวานผ่านอารมณ์
ไม่เคยตรมลมรักหวานที่แรมลา
เพียงเสี้ยวหนึ่งพึงคิดในรสรัก
ช่างหวานนักพาให้ได้ใฝ่หา
คนกล่าวถ้อยร้อยคำชักนำมา
แสนสิเสน่หาพาให้มิรู้โรย.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
6 กันยายน 2547 16:51 น.
แก้วประเสริฐ
วงจรชีวิตแห่งสรรพสัตว์
ดูก่อนปัจเจกชนผู้ค้นธรรม
จะขอนำพระไตรฯมาใคร่แถลง
เป็นแนวทางสร้างไว้มาชี้แจง
เพื่อสรุปแจ้งแห่งวงจรชีวิตระทม
ที่เป็นทุกข์ผุดว่ายร่ายวัฏฏะฯ
วนเวียนปะคลุกเคล้าเฝ้าสะสม
สร้างภพชาติพาดพันดุจอาจม
ทุกข์ระบมขมขื่นยากผ่านไป
ความยืดมั่นพันผูกในธาตุหก
จึงเข้าหมกเกิดในครรภ์หวั่นไหว
ได้มีนามรูปเห็นเป็นปัจจัย
สฬายตนะให้ได้มีซึ่งผัสสะ
เกิดผัสสะจะมีเวทนาหนา
แล้วตัณหามาเข้าสู่อุปาทานนะ
ปัจจัยมีชาติชราพามรณะ
ซึ่งโสกะปริเทวะจะเป็นตอน
สร้างเป็นทุกข์โทรมนัสอุปายาส
แพร่ระบาดพาดพันดุจคันศร
เข้าอาศัยผูกพันดันนิวรณ์
เป็นขั้นตอนพบเห็นเป็นกองทุกข์
วนเวียนว่ายตายเกิดไม่สิ้นสุด
ยากจะหยุดยั้งได้ไม่เป็นสุข
ดุจรอยโคเกวียนตามพยายามรุก
โดยได้ฉุดรุดหน้าเดินตามไป
นี่แหละหนอวงเวียนจรเปลี่ยนชีวิน
ไม่มีสิ้นหนีจางแล้วร้างไฉน
จะโรมเร้าเฝ้าพะนอดูมิไฉไล
เป็นเหตุให้ผลกำเนิดเกิดวงจร.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙