29 กันยายน 2547 11:23 น.
แก้วประเสริฐ
ที่รักฉันยังรักเธอเสมอ
เสียงนกร้องจ้องมองเห็นจู๋จี๋
ดูเป็นที่สุขสันต์เกษมสาน
หวนรำลึกถึงวันเมื่อวันวาน
ความชื่นบานจางหายละลายไป
ยิ่งเพ่งพิศพินิจหวนครวญในอก
สุดช้ำฟกหมกไหม้ยากผ่องใส
มันหมองหม่นปนเศร้าอยู่ภายใน
กว่าสิ่งใดช่างสลายกลายเป็นตรม
ยิ่งมาพบสบเข้านิจจาเอ๋ย
รักที่เคยฟูมฟักหักขื่นขม
ลอยละล่องจางหายกลายเป็นลม
แสนตรอมตรมระทมยากบอกใคร
นี่แหละหนอพอรักไม่ยักคิด
ควรพินิจพิจารณาสูงต่ำไว้
ด้วยหลงรูปคำหวานนั่นกระไร
เป็นเหตุให้พานพบสบระกำ
แสนปวดแปลบเข้าทรวงลงห้วงจิต
ใจหวนคิดปลิดอารมณ์จนหมองคล้ำ
หน้าหมองหม่นปนเศร้าด้วยเขาทำ
สุดชอกช้ำหนามเหน็บเจ็บในทรวง
โอ้อกเอ๋ยเคยเห็นทุกเย็นเช้า
บัดนี้เล่าอยู่ไหนหรือไปสรวง
เข้าฉิมพลีวิมานแมนเข้าตักตวง
เสวยห้วงโลกีย์เคล้าแล้วเฝ้าโลม
ร่วมภิรมย์สมสู่เป็นชู้ชื่น
คงระรื่นชื่นหวานดุจแสงโสม
เหลือแต่ซากกากไว้แล้วก็โทรม
ที่ระบมมีเราคงเฝ้าคอย
ถึงอย่างไรใจฉันยังพันผูก
แม้นจะถูกบั่นรักรู้จักถอย
ได้แต่ฝันพันพัวจนตาลอย
จำต้องปล่อยลอยไปตามโชคชะตา
ขอฝากคำพร่ำเพ้อละเมอนัก
คำว่ารักลมไว้ส่งไปหา
ถึงหญิงนี้มีด้วยคำวาจา
ที่ผ่านมาที่รักฉันรักเธอ.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
26 กันยายน 2547 16:14 น.
แก้วประเสริฐ
ตำรา กำราบเมีย
จำเนียรกาล นานมา ตำราบอก
ทั้งเมียนอก เมียใน ให้ยึดถือ
สรรพวิธี โทงเทง เร่งฝึกปรือ
ทำแล้วเมีย ไม่ดื้อ คงชื่อชาย
อันคู่ผัว ตัวเมีย ได้-เสีย แล้ว
เสียงที่เคย หวานแจ๋ว ก็จางหาย
เหลือแต่เสียง แว๊ดแว๊ดหู ไม่สบาย
แถมมือปัด เท้าป่าย ไม้พร้อมมา
ตำราว่า เรื่องนี้ ไม่มียาก
เลี้ยงดูเมีย ไม่ลำบาก ฝากเลยหนา
ข้อที่หนึ่ง พึงนิ่ง สงบวาจา
ข้อที่สอง มอบเงินตรา ให้ยาใจ
ข้อที่สาม งานเรือน ไม่เบือนบิด
ข้อที่สี่ ทุกคืนสะกิด ด๋าวด่าวสมัย
ข้อที่ห้า ห้ามด๋าวด่าว กับผู้อื่นใด
ข้อที่หก ยิ้มใสใส ไม่ขุ่นมัว
ข้อที่เจ็ด เด็ดขาด ตวาด ครับ
คำสั่งมา ให้รับ ครับทูนหัว
ข้อที่แปด นวดอิดออด ตลอดตัว
ข้อที่เก้า ทำเกรงกลัว ตลอดเวลา
ข้อที่สิบ หยิบแม่ แช่บนหิ้ง
กราบเช้า-ค่ำ ไม่ประวิง นิ่งจ๊ะจ๋า
ทำเช่นนี้ สำรวมใจ กาย-วาจา
เมียเริงร่า ให้ผัวเลี้ยงเตียงไม่พัง ฯ
ต่อด้วย .. การมีภรรยา เหมือนมีทุกข์อย่างยิ่ง ภรยตามา ปรมา ทุกขา
มีเมีย เหมือนมือถือ เป็นเหมือนสื่อคอยติดตาม
มีเมีย เหมือนมียาม คอยสอบถามยุ่มย่ามใจ
มีเมีย เหมือนมีบ้าน อยู่นานนานย่อมเบื่อได้
มีเมีย เหมือนมอไซค์ ซิ่งเร็วไปอาจเสี่ยงตาย
มีเมีย เหมือนมีรถ ราคาหดเวลาขาย
มีเมีย เหมือนผีพราย หากร่างกายไม่แต่งเติม
มีเมีย เหมือนม้าห้อ ควบไม่รอยามฮึกเหิม
มีเมีย เหมือนบัตรเสริม ต้องคอยเติมเงินเรื่อยไป
มีเมีย เหมือนปีศาจ ยามอาละวาดน่าตกใจ
มีเมีย เหมือนมีไห ปลาร้าใส่หลายร้อยปี
มีเมีย เหมือนมีคอมพ์ ต้องคอยซ่อมบ่อยเหลือที่
มีเมีย เหมือนปลากระดี่ ได้น้ำดีก็จากไป
มีเมีย เหมือนดั่งเสือ ขย้ำเหยื่อจะเหลือไร
มีเมีย เหมือนกรรไกร ตัดทีไรขาดทุกที
มีเมีย ชอบจ่ายดะ ซื้อไม่ละ..นะคุณพี่
มีเมีย ชอบเซ้าซี้ บ่นทุกทีที่เจอกัน
มีเมีย ละเหี่ยใจ แล้วทำไมชอบมีกัน
มีเมีย ไม่สร้างสรรค์ จำให้มั่น อย่ามีเมีย
(โปรดเก็บเอกสารฉบับนี้ให้พ้นมือเมีย)
หมายเหตุ.......เพื่อนๆส่งมาให้เลยเอามาฝากเพื่อนชายทั้งหลาย ผมไม่ได้แต่งหรอก และไม่รู้ใครแต่งเสียด้วยหากใครรู้บอกด้วยครับ เห็นขำขันดีเลยเอามาฝากเพื่อนนะครับ.........แก้วประเสริฐ.
26 กันยายน 2547 13:38 น.
แก้วประเสริฐ
ฟ้าเมืองเหนือ
ท่องเที่ยวไปดินแดนแคว้นตอนเหนือ
อร่ามเหลืองามงดสุดสดใส
ดารดาษภูเขาลำเนาไพร
ล้วนดอกไม้หลายหลากมากพืชพันธุ์
อีกน้ำตกล้วนแหล่งแห่งลดเลี้ยว
บ้างคดเคี้ยวน้ำหลากดูมากชั้น
ให้วนไปในสถานแตกต่างกัน
ดูเห็นกั้นชั้นลดหลั่นมากมาย
ที่เลื่องลือชื่อลั่นสนั่นฟ้า
น้ำตกธาราแม่กลางทางเป็นสาย
ใช้แหวกว่ายสลายอารมณ์เพื่อผ่อนคลาย
รอบพฤกษ์ไพรภูเขาเร้าลานตา
สายธารน้อยเลี้ยวลงตรงสู่แอ่ง
เซาะเป็นแก่งแบ่งแยกด้วยหินผา
แล้ววนเวียนเวียนวกกันไปมา
เรียกกันว่าวังบัวบานสะท้านใจ
เป็นแหล่งน้ำวกวนสายชลเชี่ยว
ดูคดเคี้ยวเลี้ยวลดแล้วตกไหล
ใสสะอาดเพลินพิศจิตวิไล
แก่งนั้นไซร้ใช้อาบให้เบิกบาน
รักตำนานอมตะมักจะกล่าว
ถึงเรื่องราวสาวหนึ่งไม่ประสาน
พลีรักแท้แน่นอนจนวายปราณ
โดดเขานั้นตรงแอ่งแหล่งน้ำวน
สร้างประวัติฝากไว้ให้ชาวเหนือ
การจุนเจือเผื่อใจอย่าสับสน
ต้องหมั่นตรองดูไว้ด้วยใจตน
คิดรักคนอย่าหลงใหลในคารม
ลมแห่งปากหวานนักมักชอกช้ำ
แสนระกำสะอื้นไห้ฤทัยขม
เจ็บทั้งนอกและในเสียให้ตรม
สุดระทมหมั่นตรองไม่หมองหทัย
ยอดดอยแม่สลองแหล่งท่องพฤกษ์
ชวนรำลึกนึกถึงสาวสดใส
เคยหยอกล้อหนอกระซิบชมไพร
สำราญใจล้วนบุบผาแห่งมาลี
ทั้งดอยแม่ฟ้าหลวงสุดหวงนัก
เป็นตำหนักพักองค์พระทรงศรี
สมเด็จย่าพระบรมราชชนนี
พระภูมีมีบุบผานานาพันธุ์
บรรยากาศเล่าบริสุทธิ์ดุจต่างประเทศ
ชาวไทยเทศต่างพามาเกษมสันต์
ใช้เป็นแหล่งแสวงหาทัศนีย์ภาพกัน
แสนสุขสันต์เบิกบานสราญรมย์
โอ้เมืองเหนือดินแดนแคว้นพุทธะ
เขาชำระจิตใจไร้ขื่นขม
ร่วมไปงานวันพระน่าชื่นชม
แสนภิรมย์ชมงานวันสงกรานต์
งานลอยกระทงเล่าเขาไม่ขาด
ดารดาษด้วยแสงโคมสนุกสนาน
แม่น้ำปิงสว่างไสวให้ละลาน
อลังการผ่านภพจบแดนดิน
อีกชาวชนเมืองเหนือเอื้อเฟื้อนัก
ยากที่จักหาได้ไม่จบสิ้น
ทั่วแว่นแคว้นล้านนาหาข้าวกิน
ได้ทุกถิ่นสถานบ้านครัวเรือน
ชายก็หล่อหญิงงามอร่ามนัก
ประไพพักตร์รูปลักษณ์ใครจักเหมือน
เสียงเจ๊าเจ๊าสำเนียงหวานน้ำตาลเยือน
เปรียบเสมือนเยือนดนตรีระฆังทอง
โอ้อกเอยได้พบประสบถิ่น
เหมือนยลยินกลิ่นเอื้องไม่มีสอง
ด้วยหัวใจยากยิ่งสิ่งหมายปอง
ถิ่นแม่สลองแมนสรวงล่วงลงดิน.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
24 กันยายน 2547 11:34 น.
แก้วประเสริฐ
เสียงดุเหว่าคร่ำครวญ
เสียงดุเหว่าร้องก้องพฤกษ์นึกฉงน
อยู่เบื้องบนกิ่งไม้ไพรพฤกษา
ประสานเสียงโก่งร้องก้องไปมา
ดุจประสานกน้อยมิค่อยเบา
เอียงหน้าดูหูสดับรับฟังเสียง
ร้องสำเนียงเรียกหากันหรือเย้า
ไม่ถูกใจตีชุลมุนหมุนวนเอา
บางตัวเข้าเฝ้ารุมหนุนนำไป
บางตัวพ่ายหายหน้าเข้าป่าใหญ่
อีกตัวไซร้หลีกหลบใต้คบไม้
ทำให้เรื่องเลวร้ายละลายไกล
สิ่งวุ่นวายจึงสงบจบสิ้นลง
เขม่นมองดูรู้เหตุก่อของเรื่อง
มันขุ่นเคืองนกสาวที่เฝ้าหลง
เข้าทางโน้นออกนี้มิได้ปลง
จนพะวงหลงเพ้อละเมอกัน
นี่แหละหนาแม้สัตว์ยังจัดหา
ไม่นำพาเกิดตัณหามาเสกสรร
ยิ่งมนุษย์นี่เล่าต่างเผ่าพันธุ์
ล้วนกระสันแย่งสร้างทางราคี
ยิ่งสืบพันธุ์ละม้ายคล้ายสัตว์มาก
มีหลายหลากพากันสรรค์เติมสี
ด้วยหลงใหลในรสคาวโลกีย์
เห็นว่าดีมิเกรงกลัวความชั่วช้า
ช่างอนาถต่อศีลธรรมโน้มนำเสื่อม
กับกระเพื่อมเลื่อมใสว่าหรรษา
เข้าแก่งแย่งแข่งกันสุดพรรณนา
เหมือนนกมาวิวาทกันนั้นสลดใจ
มิเป็นคู่ให้สะท้อนในดวงจิต
หลายชีวิตไปพบและสบได้
ถึงเรื่องราวคาวโลกีย์นี้กระไร
พบเห็นได้ในสถานย่านเริงรมย์
หวังมาชมท่องไพรให้สดชื่น
เพียงระรื่นฟื้นจิตตามเหมาะสม
ก็มิอาจเป็นไปในอารมณ์
พบความตรมซมซานหนีกลับเรือน.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
23 กันยายน 2547 12:59 น.
แก้วประเสริฐ
อารมณ์ในอารมณ์
อันอารมณ์บ่มลึกผนึกดวงจิต
แปรปรวนคิดเปลี่ยนไปได้ทุกอย่าง
มันแฝงไว้ด้วยกรรมนำธรรมวาง
จะเสริมสร้างอวิชชามาครอบงำ
หากไม่รู้แก่นแท้แน่นอนยิ่ง
เหมือนกับลิงขึงผูกกระหน่ำซ้ำ
เข้าวกวนหวนหามากระทำ
แล้วหมุนนำช้ำชอกทั้งนอกใน
หากมิอาจละได้ในทางอวิชชา
ทหารเอกกล้าคือตัณหาไม่ปราศรัย
ใช้ปัญญามาขจัดจนบรรลัย
สมาธิไซร้บ่งชี้ทางสว่างอารมณ์
พอสมคะเนหาปัญญาวิมุติ
นำจิตฉุดรวมไว้จะได้สม
ก่อกำเนิดเกิดไว้มิเพียงลม
จนใจจมลงไว้ในอวิชชา
พิจารณายกขึ้นไว้แลให้รู้เห็น
จัดแยกเป็นตอนตอนเสียเถิดหนา
ว่าขันธ์ห้าเกิดได้อย่างไรมา
ใช้ปัญญาแตกออกลอกทีชิ้น
ว่ามันทำหน้าที่มีอะไรบ้าง
พร้อมโครงสร้างทางดับเกิดรู้สิ้น
ขจัดทั้งนอกและในให้เป็นอาจินต์
ฉีกทีชิ้นเผาไหม้ให้อับปาง
เมื่อรู้เหตุแห่งการเกิดการดับ
ปัญญาขับความเขลาเข้าสะสาง
บรรจงสร้างแนวทางวางเป็นกลาง
รู้ผลขวางบนต่ำเลิศล้ำจริง
เมื่อสติศีลปัญญาพาสมาธิแน่น
ทั่วทั้งแคว้นโลกธรรมนำสงบนิ่ง
จิตบริสุทธิ์ผุดผาดไร้ทุกสิ่ง
เป็นแนวดิ่งวาดลงตรงนิพพาน.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙