30 กรกฎาคม 2547 11:34 น.
แก้วประเสริฐ
ความเพ้อฝันรันทดจรดฟ้า
สิ้นดาราจันทร์ฉายพร่างพรายแสง
สุริยันพลันปิดความร้อนแรง
สิ้นจากแหล่งแบ่งคิดจิตโบยบิน
ความมืดมนอนันต์กาลผ่านเข้าหา
ช่วงเวลามาผ่านไปให้ถวิล
แรงดึงดูดสุดทางร้างอาจินต์
ถึงคราวสิ้นผันผวนหวนกลับคืน
ความแน่นอนไม่แน่ที่แลเห็น
ชีวิตเช่นตัวไหมให้ต้องฝืน
สำรอกใยพันกายหมายยั่งยืน
ต้องมาสอื้นรันทดหมดชีวา
ความเสน่หาอาลัยใจสุดคว้า
จำต้องลาพาใจไปเถิดหนา
ปล่อยตามทางวางไว้ไม่นำพา
ปิดฉากลาสลัดฝันอันรัญจวน
ความแปรปรวนล้วนไปตามลิขิต
ดุจชีวิตลิขิตไว้ให้กำสรวล
กงกรรมเกวียนเวียนวกจนเซซวน
แม้นจะหวนล้วนหาดุจอาจม
ความคิดเอ๋ยเคยคิดติดตัวเจ้า
มันโน้มน้าวอารมณ์จมจนขม
ลมเอ๋ยลมลมรักข้าอกตรม
แสนระบมตรมตรึกยากนึกชวน
ความสิ้นสุดย่างกรายละลายชีวิต
แสนวิปริตจิตเพ้อละเมอหวน
ต้องทำใจให้แกร่งแล้วทบทวน
จบกระบวนล้วนคิดปิดตำนาน
ความร้อนแรงแห่งแสงตะวันล้า
แสงจันทราดาราหายไปเหมือนฝัน
ทุกสิ่งอย่างร้างห่างหายไปจากกัน
คงมีวันที่ฝันนั้นพลันกลับคืน.
๕๕๕ แก้วประเสริฐ. ๕๕๕
27 กรกฎาคม 2547 11:21 น.
แก้วประเสริฐ
ตะวันใกล้สนธยามาเยือนลา
บนหน้าผามองฟ้างามผ่องใส
มวลหมู่เมฆขาวผ่องล่องลอยไป
แสนไฉไลได้ดั่งพิมานแมน
อาณาเขตกว้างใหญ่ใต้เบื้องอาสน์
ทอดลดลาดลงไปไกลสุดแสน
สายธารน้อยย้อยหลั่งแยกดินแดน
แบ่งเขตแคว้นไหลแยกแตกเป็นแนว
อาทิตย์อัสดงคงพาแสงลับล่วง
วนากั้นช่วงดวงตะวันตลอดแถว
ความมืดแผ่กระจายรายรอบแนว
สายลมแผ่วชุ่มชื่นรื่นฤทัย
บุหลันได้ลอยเลื่อนเยือนขอบฟ้า
สีนวลจ้าสาดสว่างกระจ่างใส
ประกายพรึกผนึกแสงอยู่รำไร
ดาวทั้งหลายขจายทั่วท้องนภา
พระพายพัดกวัดไกวภูษาไหว
น้ำค้างไล้กายติดจิตเสน่หา
ผ้าผืนน้อยร้อยชั่งของกานดา
รัดกายาคลายหนาวที่เข้าเยือน
อากาศเย็นเป็นหมอกมาโลมเร้า
คิดถึงเขาเคล้าสไบใจเสมือน
แม่พุ่มพวงดวงมณีแนบอกเตือน
อย่าลืมเลือนผ้าน้อยที่ห้อยไป
หวนคำนึงพึงคิดจิตว้าวุ่น
ที่ชุลมุนหมุนไปใจหวั่นไหว
เปรียบชีวิตปิดกั้นบังตาไว้
ยากจะใช้ชีวิตผิดแผกกัน
จนดาวเดือนคล้อยลอยลับขอบฟ้า
ท้องนภาอุษาพากระจ่างสันต์
เสียงไก่แก้วแว่วส่งสำเนียงพลัน
เปิดรอยกั้นนั้นเบิกม่านบังตา.
แก้วประเสริฐ.
26 กรกฎาคม 2547 15:06 น.
แก้วประเสริฐ
ตะวันใกล้สนธยามาเยือนลา
บนหน้าผามองฟ้างามผ่องใส
มวลหมู่เมฆขาวผ่องล่องลอยไป
แสนไฉไลได้ดั่งพิมานแมน
อาณาเขตกว้างใหญ่ใต้เบื้องอาสน์
ทอดลดลาดลงไปไกลสุดแสน
สายธารน้อยย้อยหลั่งแยกดินแดน
แบ่งเขตแคว้นไหลแยกแตกเป็นแนว
อาทิตย์อัสดงคงพาแสงลับล่วง
วนากั้นช่วงดวงตะวันตลอดแถว
ความมืดแผ่กระจายรายรอบแนว
สายลมแผ่วชุ่มชื่นรื่นฤทัย
บุหลันได้ลอยเลื่อนเยือนขอบฟ้า
สีนวลจ้าสาดสว่างกระจ่างใส
ประกายพรึกผนึกแสงอยู่รำไร
ดาวทั้งหลายขจายทั่วท้องนภา
พระพายพัดกวัดไกวภูษาไหว
น้ำค้างไล้กายติดจิตเสน่หา
ผ้าผืนน้อยร้อยชั่งของกานดา
รัดกายาคลายหนาวที่เข้าเยือน
อากาศเย็นเป็นหมอกมาโลมเร้า
คิดถึงเขาเคล้าสไบใจเสมือน
แม่พุ่มพวงดวงมณีแนบอกเตือน
อย่าลืมเลือนผ้าน้อยที่ห้อยไป
หวนคำนึงพึงคิดจิตว้าวุ่น
ที่ชุลมุนหมุนไปใจหวั่นไหว
เปรียบชีวิตปิดกั้นบังตาไว้
ยากจะใช้ชีวิตผิดแผกกัน
จนดาวเดือนคล้อยลอยลับขอบฟ้า
ท้องนภาอุษาพากระจ่างสันต์
เสียงไก่แก้วแว่วส่งสำเนียงพลัน
เปิดรอยกั้นนั้นเบิกม่านบังตา.
แก้วประเสริฐ.
21 กรกฎาคม 2547 15:37 น.
แก้วประเสริฐ
จำเรียงถ้อยร้อยคำมากำกับ
ใช้ประดับเรือนร่างกระจ่างศรี
ประทับไว้ในฤทัยแทนวจี
เสนาะที่ซับไว้ภายในกาย
มธุรสโอษฐ์ถ้อยสร้อยจำเพาะ
ช่างไพเราะเพราะพริ้งจริงเหลือหลาย
กำซาบซ่านผ่านทรวงดวงหทัย
จนภายในเพ้อพร่ำรำพึงครวญ
รักเอ๋ยฝันพลันพบประสบจิต
ยิ่งครุ่นคิดติดตรึงคำนึงหวน
ใจร่ำร้องซ้องแซ่ช่างแปรปรวน
มาทบทวนหวนสร้างทางอารมณ์
ลมจ๋าลมลมรักจักสลักไว้
แนบตรึงกายคิดหวนล้วนเหมาะสม
จะมีใครไหนเล่ามาเฝ้าชม
เหลือแต่ลมผ่านไปให้ใจแคลง
จันทร์เจ้าเอ๋ยเคยพร่างกระจ่างฟ้า
มวลดาราพากันประชันแสง
แต่ดวงใจใครเล่าเขาช่วยแจง
ประทีปแสงเส้นทางระหว่างบรรพ์
ขวัญนั้นเล่าอยู่ไหนใครรู้บ้าง
สุดอ้างว้างกลางฟ้ายังมีขวัญ
สำนวนถ้อยร้อยรสบทจำนรรจ์
สุดเสกสรรฝันสล้างสร้างอารมณ์
ซึ้งเคยซึ้งในรักใครจักซึ้ง
ช่างตราตรึงถึงรสอันเหมาะสม
อารมณ์รักยังยากมักจะตรม
ให้ขื่นขมลมพรากจากขวัญใจ
ใครนะใครไหนเล่าเขาจะคิด
ว่าดวงจิตแสนเศร้าเฝ้าหม่นไหม้
รักเขาแล้วต้องแคล้วแผ่วลงไป
โธ่หัวใจเหลือไว้ในกายตน.
๕๕๕ แก้วประเสริฐ. ๕๕๕
18 กรกฎาคม 2547 14:36 น.
แก้วประเสริฐ
ภายในภวังค์พรั่งพรูสู่ดวงจิต
เฝ้าเพ่งพิศโฉมตรูผู้เลอโฉม
เลอเลิศล้ำลักขณามาประโลม
ช่วยหนุนโน้มเอื้อเฟื้อเจือใจจำ
หวนเพ้อพร่ำคำนึงพึงครุ่นคิด
อยากจุมพิตมารศรีที่คมขำ
ช่างออเซาะเพราะเพลินวจีนำ
ทอดกายพร่ำให้หวั่นพรั่นฤดี
ตื่นจากห้วงล่วงผ่านกาลในฝัน
ชีวิตอันสดชื่นลื่นหลีกหนี
ระลึกคำขอร้องของนารี
อย่าได้มีหญิงอื่นมาเคียงกาย
นวลอนงค์ข้างในใจนั้นปรากฏ
งามสวยสดแย้มยิ้มพริ้มเหลือหลาย
แฝงล้ำลึกติดตรึงซึ้งหทัย
ดูคล้ายในที่ฝันอันผ่านมา
ยิ่งเพ่งพิศพินิจดูสู่ย้อนหลัง
ละม้ายดั่งภาพวาดจริงเจียวหนา
เธอโปรยยิ้มพริ้มพักตร์ลักขณา
ขาดเจรจาโน้มน้าวเร้าใจปอง
ประคองภาพเข้าไว้ในมือถือ
สั่นกระพืออื้ออึงถึงเจ้าของ
ด้วยตัวเขาเราเคยเฝ้าหมายจอง
บัดนี้ต้องเหลือไว้ให้คร่ำครวญ
นำรูปนั้นวางไว้ใกล้กับหมอน
เอนกายนอนผ่อนจิตที่คิดหวน
เฝ้าปลอบใจให้คลายเจ้าเนื้อนวล
เบื้องหลังล้วนเป็นไฉนได้กังวล
รักนี้หรือมีขึ้นตื่นและฝัน
ช่วงเวลานั้นผ่านมาพาสับสน
อลวนแปรปรวนล้วนเซจน
ชีวิตวนเวียนไว้ในความจำ.
๕๕๕ แก้วประเสริฐ. ๕๕๕