23 มีนาคม 2547 15:12 น.
แก้วประเสริฐ
รักเอยจริงหรือว่าหวานซึ้งในดวงจิต
รักสนิทจิตใจหวนรัญจวนหา
รักแรกเริ่มประเดิมรักหนักอุรา
รักนานมาพาดวงจิตคิดระแวง
รักครั้งแรกแปลกนักประหลาดจิต
รักใฝ่คิดชวนฝันคล้ายดังมีสีแสง
รักฝันเพ้อละเมอรักใจให้มีแรง
รักมันแฝงอารมณ์เร้าเคล้าใจปลง
รักนั้นคงเปรียบคล้ายน้ำผึ้งเจือยาพิษ
รักสนิทพิษยิ่งมากเพราะไหลหลง
รักน้อยไปเขาหาว่ารักไม่ใฝ่พะวง
รักลุ่มหลงเกินไปเสียใจอีกนาน
รักเอ๋ยรักจักทำใจอย่างไรแน่
รักผันแปรเพราะเรามิได้ประสาน
รักจึงแยกแตกรักไปอีกตั้งนาน
รักกันนั้นจะให้หวานต้องทำใจ
รักพอได้สู่สมอารมณ์หมาย
รักก็กลายหน่ายรักไม่ผ่องใส
รักเรารักเขาไม่รักทำอย่างไร
รักไฉนจึงหาได้จริงแท้ยากเย็น
รักบริสุทธิ์ผุดผาดดุจหยาดฝน
รักสะอาดจนผ่องใสยากได้เห็น
รักนี่หรือคนพูดแต่รักทุกเช้าเย็น
รักที่เห็นทะเลาะเบาะแว้งกันและกัน
รักมันกรุ่นครุ่นคิดรักหนักจิต
รักสนิทมันแฝงไว้ด้วยสุขสันต์
รักออดอ้อนต่อรักทุกคืนวัน
รักจริงนั้นมันซาบซ่านห้วงหทัย.
แก้วประเสริฐ.
23 มีนาคม 2547
22 มีนาคม 2547 15:34 น.
แก้วประเสริฐ
ใต้ร่มพฤกษาพระพายโชยชวนชื่นจิต
ความย้อนคิดถึงอดีตจิตหวั่นไหว
มันซับซ้อนยอกย้อนในดวงใจ
สิ่งผ่านไปหลายหลากยากกลับคืน
ยืนจ้องมองมวลไม้หลายสีสัน
สีของมันเปลี่ยนไปคล้ายสะอื้น
ต้นเดียวนั้นใบมากสียากจะฟื้น
สู่กลับคืนสีเดียวกันนั้นยากจริง
อนิจจาทุกสิ่งนี้มีขึ้นอยู่ในโลก
ย่อมมีโศกสุขคละคล้าในทุกสิ่ง
มันผันแปรเปลี่ยนไปสุดประวิง
หัวใจหญิงหรือชายให้เหมือนกัน
อนิจจังนั้นถ่องแท้แก่คนทั้งหลาย
มันกลับกลายแปรผันไม่สุขสันต์
ทุกข์ทั้งหลายย่อมครอบครองใจกัน
อนัตตานั้นพลันตามมาหาแน่นอน
ลมโบกพัดใบไม้หลุดจากขั้ว
ปลิวไปทั่วใกล้ไกลคล้ายคำสอน
สัจธรรมพระสัมมาว่าไว้เป็นตอน
ใช้สั่งสอนให้หลุดพ้นจากทุกข์ใจ
อนิจจาอนิจจังฉันกล่าวไว้ให้ได้เห็น
ดุจดังเช่นใจฉันผ่านไปไม่ผ่องใส
บัดนี้เล่าคืนสู่กลับสุขไม่ทุกข์ใจ
จิตผ่องใสคล้ายมองเห็นสัจธรรม
ทรุดกายลงนั่งมองธรรมให้เกิดจิต
เพ่งพินิจจิตเอามวลแมกไม้เป็นตัวกล้ำ
กระทำจิตกายใจไว้เพื่อให้เกิดทางนำ
เพื่อกระทำใจเราคลายให้สบายอารมณ์.
แก้วประเสริฐ.
21 มีนาคม 2547 15:16 น.
แก้วประเสริฐ
ด้วยความฝันรื่นเริงบันเทิงจิต
นำมิ่งมิตรเพื่อนสนิทมารวมฝัน
ชวนพากันล่องลอยชมดวงจันทร์
ร่วมเต้นรำกันบนเมฆาพาสุขใจ
แล้วร้องลำนำเพลงหวานอันซึ้งจิต
พระพายกรีดเสียงรับจิตสดใส
ฝันเอ๋ยฝันช่างรัญจวนซึ้งข้างใน
ดาราไซร้กระพริบแสงแข่งราตรี
นกกลางคืนบินร้องก้องขับขาน
ช่วยสร้างตำนานฝันฉันให้สุขศรี
มีเพื่อนรักชักชวนร้องก้องเวที
มีนกกวีพระพายคลอล้ออารมณ์
หัวเราะล้อต่อกระซิกระริกจิต
ทุกคนคิดสนิทสนานกันเหมาะสม
ไม่ถือเพศชั้นวรรณะให้หมองตรม
ล่องลอยลมจนฟ้าใหม่ใกล้เข้ามา
แล้วโบกมืออำลาลาแล้วเพื่อน
ราตรีเยือนสัญญาว่าจะมาหา
เราต่อกลอนล้อรำนำเพลงมา
ประสานตาแลหัวใจสบายอารมณ์
พระพายพัดเมฆาพลิ้วลิ่วหายจาก
นำเพื่อนยากส่งยังวิมานในอาศรม
แยกจากกันใจมิแยกแฝงอารมณ์
แล้วมาชมอารมณ์ฝันในวันต่อไป.
แก้วประเสริฐ.
20 มีนาคม 2547 14:37 น.
แก้วประเสริฐ
พระพายพัดโชยพลิ้วริ้วระริก
ท้องฟ้ามืดสนิทมวลดารากระจายแสง
บางดวงกระพริบบางดวงสนิทสีแดง
ใบไม้แกว่งโอนไหวอยู่ไปมา
ฉันยืนมองท้องฟ้าพาถอนจิต
ปล่อยชีวิตให้สบายใจเรียกหา
ประกายดาวที่ฉันมองทุกครา
ไฉนหนาแสงอ่อนไร้ให้มืดมัว
ให้แปลกใจเหตุไฉนไร้แสงสด
เคยสวยสดพร่างพรายกระจายทั่ว
เคยเฉิดฉันท์พรรณรายไม่มืดมัว
กลับสลัวมิทราบเหตุให้ข้องใจ
หรือว่าคนที่เคยเพ้อละเมอรัก
มีอันจักเป็นไปใจไม่ผ่องใส
จนเป็นเหตุผันแปรในดวงใจ
ฟ้าจึงได้กำหนดบ่งบอกดวง
ชีวิตหนอพอถึงสุดก็เพียงนี้
ยากที่จะปีนขึ้นได้ให้สู่สรวง
มนุษย์เราฟ้ากำหนดไปตามดวง
อยู่ที่บ่วงเวรกรรมที่ทำดี
โอ้ดึกเอยดึกแล้วเสียงเจือยแจ้ว
ลมพัดแนวกิ่งไม้เสียงเสียดสี
ดุริยางค์พฤกษาชาติมวลมาลี
กล่อมราตรีแนวโน้มหอมประโลมใจ
ใจเอ๋ยใจของฉันนั้นหยุดแล้ว
ไม่เลื้อยแว่วเสียงขานให้หวั่นไหว
หยุดเอยหยุดนะหัวใจแม้ใครใคร
เพราะฉันได้เคยอกหักจนหนักทรวง
หันเหรักภักดีไว้ให้ตัวบ้าง
ถึงชอกช้ำเพราะเราไม่ต้องห่วง
ตัวเราช้ำอย่างไรแล้วแต่ดวง
ไม่ต้องห่วงบ่วงรักจนหนักใจ
ร้องเพลงคลอขานรับราตรีจ๋า
คือกานดาที่ฉันต้องเพ้อจนสดใส
สร้างชีวิตให้เบิกบานสราญใจ
ช่างสดใสในยามแห่งราตรี
กลิ่นดอกแก้วหอมโชยไร้ดอกโศก
ชีวิตโศกหายลับกลับคืนที่
ดอกราตรีประโลมเราเคล้าราตรี
โลกมีราตรีนี้ฉันสุดจะประทับใจ.
แก้วประเสริฐ.
19 มีนาคม 2547 12:07 น.
แก้วประเสริฐ
รักของเธออยู่ไหนใคร่อยากรู้
หรือเพียงกู่ขับขานกานท์สนอง
ร้อยกลเล่ห์เพทุบายร้ายทำนอง
อาจเพียงคล้องใจหญิงแล้วชิงเมิน
รักของเธอพิสูจน์ได้กระนั้นหรือ
คำพูดคือสื่อไหนให้ขัดเขิน
ฤๅเพียงพร่ำย้ำคำลำนำเพลิน
กับคนที่บังเอิญเดินผ่านมา..
จาก : - อัลมิตรา
ขอจำแนกแยกจิตคิดบอกกล่าว
ถึงเรื่องราวผ่านมาน่าขื่นขม
เคยพลาดรักครั้งแรกให้อกตรม
มันฝืนตรงหาทางระบายในใจปลง
มิใช่ผมร้อยเล่ห์เพทุบายร้ายเรื่องรัก
เพื่อจะชักนำหญิงให้มาใหลหลง
ผมรู้ตัวว่าผมนี้ไม่มีใครที่หมายลง
จึงได้ปลงในเรื่องรักนี้มาตั้งนาน
ขอท่านโปรดย้อนกลอนผมที่เคยกล่าว
ไม่เคยสาวว่ารักใครชวนมาให้เพื่อสาน
เพียงระบายในหัวอกไว้ให้เป็นตำนาน
เพื่อคนผ่านจะได้รู้ไว้ให้เป็นทาน
ว่าบ่วงรักนั้นมักเกิดกับหญิงก่อน
มันร้าวรอนเพราะแยกจำแนกขาน
เรื่องครอบครัวประเพณีมีมานาน
เป็นกำแพงกั้นกลางความรักสะบั้นเชิง
ความปวดแปลบร้าวราญสะบั้นจิต
ยากจะคิดมีหญิงใหม่ให้ร้าวฉาน
นอกจากรอความรักจักให้ทาน
เพื่อลดผ่านความร้อนภายในกาย
อันรักใคร่ผมนั้นมันฝังลึกในจิต
ยากจะคิดผุดขึ้นมาน่าใจหาย
ปล่อยมันให้ชอกช้ำระกำกาย
แม้นจะตายขอฝังไว้ในอารมณ์
การคบพาหาเพื่อนเพราะความเหงา
ระบายความเก่าในใจให้เพื่อนได้สุขสม
เป็นหนทางเดียวที่ฉันยากเลือนมันตรม
แม้นจะขมให้เพื่อนรู้ไว้เป็นแนวทาง
สิ่งผ่านมาเป็นตำราไว้ให้ประจักษ์
ถึงเรื่องรักที่ผ่านมาน่าฉงน
อย่าผูกจิตมากรักจะยากจน
เหมือนเป็นปมยากจะแก้แก่ใจเรา.
แก้วประเสริฐ.
ขอบคุณมากครับที่ท้วงติง แต่ผมยังรักและชอบกลอนท่านเสมอมามิเปลี่ยนแปรหรอกครับ ขอบคุณ