16 พฤศจิกายน 2547 14:42 น.
แก้วประเสริฐ
สะท้อนภาพเพียงฝัน
วาบหวามจิตพิศภาพวิวทิวไม้
คีรีรายใหญ่น้อยร้อยต่ำสูง
บ้างตระหง่านเทียมฟ้าเมฆาพยุง
ลมเหมันต์ปรุงแต่งรสสดวิไล
กลิ่นผกาพันธุ์หลายหลากมากสีสันต์
อวลอบฉันพลันแช่มชื่นระรื่นใส
จิตเบิกบานสราญร่างกระจ่างใน
ใบไม้ไหวล้อลิ่วพลิ้วตามลม
ใบไม้วุ่นวนเวียนเจียนบ้าหมู
หมุนเป็นคู่เคียงสลับมิกลับสม
รำพึงเผยสัจธรรมธรรมมารมย์
ธรรมชาติรมบ่มหทัยฤทัยตรอง
เสียงสอดแทรกสาดซ่าแว่วมาบอก
สำเนียงกรอกสะท้อนจิตจนคิดฝัน
รำพึงจิตคิดเห็นธารน้ำตกพลัน
กระแสนั้นหวามวาบอาบฤดี
เดินเลาะเลี้ยวผ่านไปใบไม้แห้ง
ทางเดินแบ่งแนวทางแยกผสมศรี
เรียงรายล้อมแมกไม้ในเขาคีรี
สุดจะที่รจนามาดำเนิน
เพลิดเพลินไปให้หวนชวนอดีต
เคียงคู่ชิดหยอกเย้าเฝ้าสรรเสริญ
หยิกล้อเล่นเฝ้าเคียงสำเนียงเพลิน
โอ้ทางเดินสายเก่าไม่เข้าใจ
มุ่งหน้ารุดสักพักประจักษ์พักตร์
ม่านหมอกจักมักกระจายแลสดใส
รุ้งลาวัลย์ทอแสงสะท้อนน้ำงามวิไล
ดวงหทัยให้สดชื่นระรื่นตา
นั่งบนหินเอนอิงต้นไม้ใหญ่
กำหนดใจปล่อยวางกลางพฤกษา
หลับตาพลันเข้าภวังค์หลังผ่านมา
ปิดม่านบังตาละล้าคลายปรายอารมณ์.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
16 พฤศจิกายน 2547
14.15 น.
15 พฤศจิกายน 2547 13:12 น.
แก้วประเสริฐ
สมุทัยอริยสัจ
(ภาคพิเศษ ๒)
ดูกรอริยชนสนใจในธรรมยิ่ง
ด้วยทุกสิ่งย่อมทราบตามเหตุผล
ทุกข์เกิดหาเหตุไว้แจ้งในกมล
เพื่อจะค้นหนทางระหว่างทุกข์
สิ่งทั้งหลายเกิดด้วยจิตตัณหา
จะนำมาเกิดใหม่มิได้สุข
ประกอบนันทิราคะจะมาคลุก
เข้ารบรุกเพลิดเพลินในอารมณ์
ตัณหานี้มีเกิดได้สามอย่าง
กามตัณหาสร้างราคะเพื่อสะสม
ภวตัณหาไม่อยากเข้าปรารมภ์
วิภวตัณหาข่มบ่มไว้ให้วางเฉย
เหตุนั้นเกิดจากตาหูจมูกลิ้น
กระทบสิ้นกายใจขอได้เฉลย
เป็นส่วนนอกของกายจนรำเพย
แล้วเข้าเกยรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ
ล่วงลึกเข้าเร้าในธรรมารมณ์
ก่อเกิดผสมวิญญาณมิลดละ
จากจักขุวิญญาณที่พลันพบปะ
จนถึงสระมโนวิญญาณพลันเข้าใน
ก็เพราะด้วยเหตุจักขุมาสัมผัส
มโนสัมผัสจัดสร้างกระจ่างใส
เข้าผสมผสานขันธ์ห้าแล้วพาไป
รวมตัวในเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณ
ทั้งนอกในอายตนะจะคลุกเคล้า
เหตุเพราะเจ้าเจตนาพากระสานติ์
ตั้งแต่รูปสัญญาถึงธัมมสัญญาประจาน
สร้างผูกพันด้วยเหตุในเจตนา
แล้วนำรูปสัญเจตนาแกร่งกล้าไว้
จนเข้าไปในธัมมสัญเจตนาหนา
รวมความอยากในรูปตัณหาส่งมา
ร่วมนำพาถึงธัมมตัณหาเข้ามาจร
อีกทั้งรูปวิตกตลอดธัมมวิตกยิ่ง
ในทุกสิ่งรูปวิจารเข้ามาสอน
ก่อกำเนิดสัททวิจารสานเป็นตอน
คันธวิจารอ้อนรสวิจารอันโผฏฐัพพะ
รวมที่รักเจริญใจอยู่ในโลก
เป็นโฉลกโกรกตัณหาเข้าเคล้าคละ
ตัณหาจะเกิดย่อมเป็นที่นี้มิลดละ
เพราะมันจะตั้งไว้ในที่นี่
ปิติสุขทุกข์เกิดได้ด้วยจิตตัณหา
มันนำมาซึ่งความไม่เกษมศรี
เป็นบ่อเกิดเข้าอยู่สู่ในชีวี
ทั้งหมดนี้เรียกว่าทุกขสมุทัยอริยสัจ.
ขอสาธุชนทั้งหลายอยากหน่ายทุกข์
เพื่อเกษมสุขอยู่ในธรรมให้สงัด
โปรดบำเพ็ญรู้เหตุทุกข์อย่างชงัด
แล้วขจัดหาหนทางดับทุกข์ไป.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
14 พฤศจิกายน 2547 17:10 น.
แก้วประเสริฐ
เงียบเหงาเร้าอาดูร
ตะวันตกดินสิ้นแล้วหวนหารัก
ดุจผ่อนพักกาลเวลามาเงียบเหงา
อาดูรหนอพอเพียงเสียงแลเงา
ช่างวอนเว้าเคล้าฤทัยป่วนปั่นทรวง
แหงนมองนภาฟ้าสลัวดวงดาวเอ๋ย
เจ้าคงเคยเสวยทุกข์จากแดนสรวง
หลงศศิธรอ้อนแล้วหนอจึงถูกลวง
จึงต้องล่วงบ่วงสลายไร้สายใย
มืดแล้วหนอพะนอนักห้วงมักชืด
ดวงใจจืดมืดสนิทสิ้นสดใส
รูปภายนอกอัปลักษณ์เขาห่างไกล
เหลือหัวใจใครหนอเล่าจะเฝ้าชม
ลมเผยแผ่วแว่วครวญล้วนเสียงไผ่
กิ่งก้านใบไหววิโยคมิงามสม
มืดสลัวมีแต่เจ้าคลอเคล้าตรม
ฟังเสียงลมเป็นเพื่อนเยือนราตรี
ตะวันตกดินอีกแล้วมิแคล้วหวน
ความรัญจวนล้วนเข้าโยกโศลกศรี
สิ่งผ่านไปใยหวนกลับมิเปรมปรีดิ์
เหลือราคีมิยอมพรากหนีจากจร
เหงาอีกแล้วซิเราความเหงาเงียบ
กายเย็นเฉียบเปรียบไปคล้ายสิงขร
โดนพระพายน้ำค้างเร้าเฝ้าลิดรอน
อกสะท้อนให้สะท้านซ่านผ่านใจ
ภาพหญิงสาวกายดำขำงามพักตร์
ลักยิ้มจักประดับไว้สองแก้มใส
ยามยวนยิ้มพริ้มเพริศเลิศวิไล
ฝังเข้าในสู่ไว้ห้วงบ่วงความจำ
บัดนี้หนอโอ้ราตรีมิกระจ่าง
ใยอ้างว้างเหมือนเราเฝ้างามขำ
เพียงพิศรูปฝากไว้คล้ายปรักปรำ
เป็นรอยช้ำทำให้เหงาเคล้ารัญจวน.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
14 พฤศจิกายน 2547 13:09 น.
แก้วประเสริฐ
ทุกขอริยสัจ
(ภาคพิเศษ ๑)
ดูกรอริยชนสนใจสติปัฏฐานสี่
ผู้ที่มีจิตพร้อมน้อมธรรมสอน
ภาคพิเศษสัจจบรรพทุกขั้นตอน
เป็นบทกลอนสำคัญหมั่นใฝ่จำ
รวมเรื่องทุกข์ทั้งหลายมาไขแจ้ง
ล้วนสิ่งแสดงแฝงผลพร้อมเงื่อนงำ
ทั้งนอกในกายใจและตัวนำ
อันลึกล้ำมาแถลงแจ้งเบ็ดเสร็จ
เหตุทุกขอริยสัจนี้มีเป็นไฉน
ชาติทั้งหลายเกิดมาพาระเห็จ
วุ่นวายวนเวียนว่ายทั้งจริงเท็จ
มิได้เข็ดหมุนหันพลันกลับคืน
กาลเวลาผ่านพ้นไปในวิถี
ทั้งชีวีผันเปลี่ยนเวียนสุดฝืน
ชราภาพร่างกายไม่คลายคืน
แสนสะอื้นฝืนรันทดหมดอารมณ์
ด้วยโรคภัยพยาธินั้นก่อเหตุ
อนุปริเฉทกรรมเก่าเข้าสะสม
ให้สิ้นลมปราณสลายคลายจนตรม
มรณะผสมเหลือกายไร้วิญญาณ
แม้โสกะปริเทวะทุกข์โทรมนัส
อุปายาสมิขจัดเข้าประสาน
สิ่งที่รักไม่รักมาวายปราณ
อุปาทานขันธ์ห้ามาก่อทุกข์
โอ้ชาติความเกิดเป็นอย่างไรเล่า
เพราะมันเฝ้าจำเพาะเหมาะมิสุข
เกิดขันธ์อายตนะเข้ามาเคล้าคลุก
พัวพันผูกเสริมสร้างของทางชาติ
แล้วชราเป็นไฉนอย่างไรหนอ
ฟันผมพอหงอกหลุดสุดประหลาด
หนังเหี่ยวย่นเสื่อมอายุผุอาพาธ
แก่หง่อมสาดใส่อินทรีย์นี่แหละชรา
อีกความตายเป็นไปอย่างไรนี่
เพราะอินทรีย์ชีวิตขาดหายละลายหนา
ความเคลื่อนไหวแตกทำลายมิมีมา
มฤตยูพาอินทรีย์ขันธ์พลันจากจร
ความแห้งใจให้ห่อเหี่ยวเรียกโสกะ
ปริเทวะคร่ำครวญร่ำไรหวนอาวรณ์
โทมนัสอ้อนกายจิตเข้าเว้าวอน
คับแค้นย้อนความแค้นแน่นอุปายาสไว้
ความพรั่งพร้อมน้อมใจอยู่ในรูป
ระคนผูกโผฏฐัพพะประดับใส
ชอบมิชอบในรูปมิห่างไกล
พลัดพรากไปในปรารถนาที่กลับกลาย
สิ่งเหล่านี้ย่อมเกิดแก่มวลสัตว์
สารพัดกรรมนำสร้างจนสลาย
ถึงจะชอบไม่รักย่อมกล้ำกราย
จึงผูกให้เกิดแก่ตายมลายตาม
สรุปย่อเกิดจากอุปาทานในขันธ์ห้า
รูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณถาม
เกิดแก่เจ็บตายโศกเศร้าเข้ามิงาม
นัยยะความเรียกว่าทุกขอริยสัจ.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
( ขยายความในหมวด สัจจบรรพ)
13 พฤศจิกายน 2547 00:07 น.
แก้วประเสริฐ
สัจจบรรพ
ดูกรผู้สล้างกระจ่างในธรรมยิ่ง
ในทุกสิ่งเพียรสร้างวางแนวสรรค์
เพื่อพ้นทุกข์คลุกเคล้าแต่ปางบรรพ์
สัจจธรรมนั้นรักษาไว้อยู่ในกาย
จะขอกล่าวเล่าถึงธรรมประเสริฐศรี
ล้วนเป็นที่มีให้ทราบกันแพร่หลาย
อริยสัจสี่อย่างไรเล่ามิกลับกลาย
เป็นธรรมสลายทุกข์ไว้ให้อย่างดี
สิ่งทั้งหลายในโลกนี้ล้วนเป็นทุกข์
อีกทั้งสุขมีไว้ไม่เกษมศรี
ชุนมูลคลุกเคล้าไม่เปรมปรีดิ์
ล้วนเหตุที่เกิดทุกข์ไม่สุขใจ
การสลายทุกข์ดังกล่าวเฝ้าหาเหตุ
ที่แสดงเจตนาพาใจไม่สดใส
ซึ่งทางธรรมเรียกว่าทุกขสมุทัย
เป็นผลให้ได้เกิดทุกข์ลำเค็ญ
เมื่อทราบผลกลเหตุทุกข์นี้แล้ว
จิตแน่แน่วเพียรมล้างอย่างเคี่ยวเข็ญ
เรียกทุกขนิโรธดับเหตุทุกข์ประเด็น
อย่าว่างเว้นให้สร้างพบทางดำเนิน
รวมพลังมาสรรค์สร้างเพื่อล้างทุกข์
อีกทั้งปลูกสมาธิจิตคิดอย่าผิวเผิน
ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาจงนำเดิน
อย่าเพลิดเพลินเจริญทางอันแท้จริง
ย่อมเป็นที่หนทางมาล้างทุกข์
ทุกข์ที่มีหรือไม่มีจะเกิดมาสู่สิง
ย่อมรู้ทุกสิ่งในจิตอย่าประวิง
มันกลอกกลิ้งอย่างไรโปรดให้แจ้ง
ให้พิจารณาหาธรรมในธรรมปรากฏ
อย่าเลี้ยวลดอริยสัจสี่ที่มาแถลง
เป็นยอดธรรมของพุทธะมาแสดง
เพราะเป็นแหล่งสุดยอดของพระธรรม.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙