20 พฤศจิกายน 2547 14:43 น.

ฝนลมห่มฟ้า

แก้วประเสริฐ


                         ฝนลมห่มฟ้า

          ละอองพลิ้วปลิวกระจายคล้ายอ้อมโอบ
ประโลมโลกโศกละลายไร้แสงสูรย์
ความเย็นฉ่ำล้ำอุรามาเกื้อกูล
สายฝนอรุณหนุนลมโชลมฟ้า
          ระวีทองส่องมาคราลาจาก
พิรุณพรากเหมันต์คร่ำครวญหา
เหล่านกไพรในหุบเขาแนวพนา
ฝูงสัตว์ป่าละล้าละลังหลังครุ่นคิด
          ประหนึ่งโน้มโรมรองส่องสีฟ้า
อร่ามตาพากังวลสับสนจริต
ฤดูกาลนานมาพาวิปริต
จนใจจิตผันผวนล้วนกังขา
          เปรียบชีวิตของมนุษย์สุดแสนประเสริฐ
เขาว่าเลิศด้วยปัญญาหาใดหนา
ยังปั่นป่วนล้วนติดด้วยมายา
วาสนาหรือเวรกรรมนำมาตรอง
          โอ้อนาถปราถนาคราลมฝน
ที่เคยร่มห่มฟ้าคราสนอง
กลับร้อนรุ่มสุมลึกมิสมปอง
ตามครรลองของโลกีย์ที่ปรีดิ์เปรม
          ลมฝนลาเหมันต์มากลับคลาร่ำ
ความร้อนนำเย็นจางมิช่างสม
เป็นกาลฤดูแปรปรวนมิชวนชม
ยากพร่างพรมห่มฟ้าคราฤดู
          โถจิตมนุษย์สุดแสนแวดวงล้อม
ที่โหมพยอมด้วยตัณหาน่าอดสู
หมุ่นหมกเมาเฝ้ากามามาเชิดชู
ยากจะกู่ก้องเพรียกเรียกกลับมา
          ลมเอ๋ยลมห่มพรากจากวสันต์
นำเหมันห์ผันผวนป่วนจิตหา
ร้อนหรือเย็นไม่รู้กาลเวลา
เหมือนมนุษย์สัตว์หนาเร้าเคล้าอารมณ์.

         ๙๙๙   แก้วประเสริฐ.   ๙๙๙				
18 พฤศจิกายน 2547 12:10 น.

กาลบรรพสติปัฏฐานสี่ (จบบริบูรณ์)

แก้วประเสริฐ


                  กาลบรรพสติปัฏฐานสูตร
                        (บทเฉพาะกาล)
                            จบบริบูรณ์


            ดูกรผู้ใดเจริญธรรมสติปัฏฐานสี่
พึงหวังมีผลได้ในสองสถาน
พระอรหัตตผลในกาลปัจจุบัน
เจ็ดปีนั้นพลันสำเร็จพระอนาคามี	
          ยกไว้ผู้ใดพึงเจริญธรรมสติปัฏฐาน
ตลอดชั่วกาลหกห้าพาเกษมศรี
สี่สามสองหนึ่งปีมีได้เปรมปรีดิ์
เจ็ดเดือนนี้มีตลอดผลสองประการ
          พระอรหัตตผลในปัจจุบันหนึ่ง
หรือเมื่อพึงมีขันธปัญจกเข้าประสาน
เป็นพระอนาคามีเจ็ดเดือนยกไว้ประมาณ
ตลอดชั่วกาลนั้นเจริญธรรมตามคัลลอง
          หากเจริญสติปัฏฐานสี่นี้ไว้แล้ว
ย่อมเพริศแพร้วหกห้าสี่สามสอง
หนึ่งเดือนกึ่งเดือนยกไว้หมายปอง
หรือสนองตลอดเจ็ดวันพลันหวังผล
          ประการใดอย่างหนึ่งอรหัตตผลปัจจุบัน
หากกระนั้นขันธปัญจกเหลือเกื้อสน
ก็มีผลในพระอนาคามีตลอดเบื้องบน
ย่อมหลุดพ้นอบายภูมิรุ่มร้อนใจ
          ด้วยสติปัฏฐานสี่นี้เป็นเอก
เป็นทางอเนกคุณค่าพาแจ่มใส
นำพ้นทุกข์ให้ร้างออกห่างไกล
สติปัฏฐานสูตรไซร้เอวังก็มีฉะนี้แล.

                         ๙๙๙   แก้วประเสริฐ.   ๙๙๙
             (จบสติปัฏฐานสูตรด้วยประการทั้งปวงเทอญ )
    วันที่ 11  พฤศจิกายน พุทธศักราช สองพันห้าร้อยสี่สิบเจ็ดศกวาร.

สัพเพ สัตตา  อย่ามีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
สัพเพ สัตตา  อย่ามีเวรแก่กันและกันเลย
สัพเพ สัตตา อย่าเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย 
สัพเพ สัตตา  จงมีความสุขพ้นจากทุกข์เทอญ
           ขอผลานิสงส์ทั้งหลายที่ข้าพเจ้าได้กระทำไว้ ณ ที่นี้จงมีแด่สาธุชนผู้ฝักใฝ่ในธรรมทุกท่านด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ  นิพพานัง สาธุอนุโมทามะฯ.
                                    ๙๙๙   แก้วประเสริฐ.   ๙๙๙				
18 พฤศจิกายน 2547 00:10 น.

ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ

แก้วประเสริฐ


          ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ
                     (ภาคพิเศษ ๔)

          ดูกรท่านผู้เจริญขอเกริ่นกล่าว
บทเรื่องราวสุดท้ายมาไขเสนอ
เป็นหนทางร้างทุกข์พุทธองค์เจอ
ไม่ขอเพ้อละเมอกล่าวเข้าเรื่องราว
          ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาเป็นไฉน
อริยมรรคไซร้มีองค์แปดสืบสาว
สัมมาทิฏฐิสัมมาสังกัปปะพราว
แล้วโน้มน้าวสัมมาวาจามาพาที
          อีกสัมมากัมมันตะสัมมาอาชีวะ
สัมมาวายมะสัมมาสติมิหน่ายหนี
สัมมาสมาธิจิตมั่นคงตรงยินดี
จนเป็นที่หนีหน่ายคลายแห่งทุกข์
          สัมมาทิฏฐิมีความรู้สู่ขอบเขต
ทราบถึงเหตุแห่งทุกข์มิเกิดสุข
รอบรู้การเกิดดับกับเคล้าคลุก
ปฏิบัติทุกข์พ้นห่างร้างแรมลา
          สัมมาสังกัปปะดำริตริตรองบอก
กามพยาบาทออกร้อนให้ไม่หรรษา
อีกเบียดเบียนเพียรสร้างทางเข้ามา
ดำริรู้ว่าสิ่งนั้นหนาทุกข์พาไป
          สัมมาวาจาเป็นไฉนได้รู้แจ้ง
วจีงดแสดงเท็จส่อเสียดเบียดสดใส
อีกเพ้อเจ้อพูดพร่ำอยู่ร่ำไร
คำหยาบไซร้ให้ยกเลิกฉับพลัน
          สัมมากัมมันตะนะเพื่อนเอ๋ย
โปรดนิ่งเฉยเว้นการล้างชีวิตผลาญ
ถือเอาสิ่งของมิให้จนร้าวราญ
เว้นกามการประพฤติผิดคิดนอกทาง
          สัมมาอาชีวะจะบอกกล่าว
อาชีพเราบริสุทธิ์ดุจสะสาง
สิ่งใดมิชอบจงได้ให้ละวาง
แล้วจัดสร้างอาชีพที่พิสุทธิ์
          สัมมาวายามะนี้มีอีกเล่า
จงหมั่นเฝ้าสิ่งอกุศลธรรมที่นำฉุด
ให้เกิดฉันทะพอใจได้เร็วรุด
บั่นให้กุดอธรรมนำฆ่ามัน
          พยายามปรารภพบเพียรจิตเอาไว้
วิริยะวางใจให้ตั้งมั่นมิเหหัน
สะสมสร้างกุศลธรรมนำทุกวัน
ไม่เลือนพลันเจริญยิ่งสิ่งไพบูลย์
          สัมมาสติระลึกไว้ใฝ่ใจเสมอ
อย่าได้เพ้อเพียรพยายามมิให้สูญ
พิจารณากายในกายให้เพิ่มพูน
สัมปชัญญะดุลยสติใฝ่ในความเพียร
          กำจัดอภิชฌาโทมนัสตัดเสียได้
เวทนาในเวทนาอย่ามาเปลี่ยน
อีกทั้งจิตในจิตติดตามเวียน
ธรรมเสถียรในธรรมตามคัลลอง
          สัมมาสมาธิที่มีจิตสงบสงัด
เข้าสกัดกามคุณหนุนทั้งผอง
อีกทั้งที่อกุศลธรรมงำครอบครอง
จนใจผ่องบริสุทธิ์รุดเข้าฌาน
          ล่วงบรรลุปฐมฌานญาณอันเลิศ
มีวิตกเกิดวิจารปิติสุขวิเวกประสาน
เข้าสู่ทุติยฌานอันแสนจะเบิกบาน
สุขสำราญอันเป็นเอกอเนกธรรม
          ด้วยเพราะเหตุวิตกวิจารพลันสงบ
จิตไม่พบวิตกวิจารปิติสุขจำ
อุเบกขาสติสัมปชัญญะเสวยนำ
เข้าสุขล้ำทำนามกายใจปิติเสมอ
          หากมีสติสัมปชัญญะนามกายปิติ
สิ้นไปผลิตติยฌานอุเบกขาเสนอ
แล้วล่วงสู่บรรลุจตุตถฌานที่เจอ
ไม่พร่ำเพ้อปราศทุกข์สุขไม่มี
          อำนาจฌานพลันบันดาลละทุกข์สุข
เข้าวิมุติโสมนัสดับนับเป็นศรี
อุเบกขาสติบริสุทธิ์สุดเปรมปรีดิ์
ถ้าอย่างนี้เรียกว่าสัมมาสมาธิ
          ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาเพียงเท่านี้
อริยสัจสี่พิจารณาธรรมมิขาดปริ
เห็นความเกิดขึ้นเสื่อมไปด้วยสติ
เพียงรู้ดำริอาศัยระลึกตรึกเท่านั้น
          ย่อมเป็นผู้อันตัณหาแลทิฏฐิ
ไม่ยึดติดถือมั่นอะไรให้เสกสรร
กิเลสย่อมไม่อาศัยในดวงชีวัน
ได้ชื่อท่านพิจาณาธรรมนำอริยสัจสี่
          หนทางนี้เป็นไปในทางเอก
สุดอเนกอนันต์พลันพิสุทธิ์ศรี
ล่วงพ้นโศกปริเทวะดับทุกข์มี
ใช้เป็นที่บรรลุธรรมสุดรุดนิพพาน.

        ๙๙๙    แก้วประเสริฐ.   ๙๙๙

 จบสติปัฏฐานสี่เพียงเท่านี้ ต่อไปเป็นอานิสงส์ของสติปัฏฐานสี่ถือเป็นจบบริบูรณ์...ขอรับท่าน ขอบคุณ.... แก้วประเสริฐ. 				
17 พฤศจิกายน 2547 16:00 น.

เกลียวคลื่นสะอื้นดวงใจ

แก้วประเสริฐ


                  เกลียวคลื่นสะอื้นดวงใจ
          ลมทะเลล้วนรุมเร้าเคล้าหวนถวิล
สำเนียงกลิ่นเกลียวคลื่นสะอื้นหา
สาดซัดผ่านซ่านระริกพลิกจวนมา
ท้องธาราปั่นป่วนล้วนครวญคร่ำ
          เฝ้าระกำนำพรากมิสดใส
คิดถึงใครคนหนึ่งซึ่งงามขำ
ด้วยแฝงล้ำนำผนึกลึกใจจำ
เป็นเหตุทำจนพรากจากอาวรณ์
          ระลอกแนวแถวคลื่นผลักคืนฝั่ง
ส่งเสียงดังซ่าซ่านิจจาผวน
เป็นฝอยฟองร้องหาดุจทบทวน
สะอื้นล้วนห้วงหทัยฤทัยตรม
          ลมพัดจัดเกลียวคลื่นตื่นผวา
ท้องนภามาพะนอล้อขื่นขม
ยอดสนขย่มละใบใจระทม
สุดระบมขมขื่นฝืนกลับคืน
          พิศตามองสองข้างระหว่างแถว
โขดหินแนวเนินผายากสุดฝืน
กระแสร์ชลซัดสาดดังครื้นครืน
หัวใจสะอื้นเหลียวหานางมาครอง
          จันทร์ครึ่งเสี้ยวสะท้อนลอนขอบฟ้า
ท้องนภามืดสลัวระรัวหมอง
เหมือนเกลียวคลื่นร่ำไห้หัวใจปอง
ดุจแสงส่องผ่านเข้าเศร้าอกทรวง
          คำตัดพ้อล้อพลิกติดใจหนอ
เขานั้นขอบอกลาอนิจจาสรวง
วิมานแมนแสนรักเคยตักตวง
เพราะคำลวงบ่วงรักมักตรอมใจ
          สิ้นสุดแล้วซิหนออ้อความรัก
สมานสมัครพักไว้ไม่แจ่มใส
ต่อแต่นี้คงจะหายละลายไป
ทั้งนอกในช่างระทมเหมือนลมคลื่น.

      ๙๙๙   แก้วประเสริฐ.   ๙๙๙ 				
16 พฤศจิกายน 2547 14:51 น.

นิโรธอริยสัจ

แก้วประเสริฐ


                      นิโรธอริยสัจ
                     (ภาคพิเศษ ๓)

           ดูกรท่านผู้มีธรรมเจริญแล้ว
ใจแน่แน่วสรรค์สร้างทางดับทุกข์
เป็นผู้ตื่นขึ้นเบิกบานสำราญสุข
ย่อมถูกปลุกด้วยธรรมงามวิไล
           จงหาเหตุต้นทุกข์อันคลุกเคล้า
โดยโน้มเอาธัมมวิจยที่สดใส
ตั้งมั่นจิตละตัณหานำพาไป
เพื่อจะใช้ในการละการดับ
           อันทุกขนิโรธอริยสัจนี้เป็นไฉน
จะพ้นไปด้วยสำรอกไม่กลอกกลับ
ความสละละคืนวางจนร้างลับ
ไม่หวนจับสิ่งอาลัยในตัณหา
           ครั้นถ้าละดับได้ในที่ไหน
ด้วยอันใดเป็นที่รักมักสรรค์หา
เหตุแจ้งที่เจริญใจในโลกา
สิ่งนั้นหนาละตัณหาดับที่นั้น
          อันรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ
ธรรมารมย์จงละให้ดับมิจับสาน
อีกตาหูจมูกลิ้นกายใจสายสัมพันธ์
ทั้งรูปวิจารสัททวิจารอย่าสร้างสม
          แล้วคันธวิจารรสวิจารมิถ่องแท้
โผฏฐัพพแลธัมมวิจารนั้นขื่นขม
เป็นเงื่อนปมบ่มทุกข์ไม่ชื่นชม
สร้างรอยระบมตรมที่รักเจริญใจ
          สิ่งเหล่านี้มีละดับที่นี่
ล้วนต้องมีสติปัญญานำแจ่มใส
มันก่อกำเนิดเปิดทุกข์อยู่ร่ำไป
ละดับได้ให้ทราบต้นเหตุมัน
          ครั้นทราบต้นตอเภทภัยทุกข์แล้ว
จิตต้องแน่วแนวทางอย่ากระสัน
จงละดับสิ้นทิ้งห่างร้างผูกพัน
ก็ทราบพลันนั้นคือทุกขนิโรธอริยสัจ.

       ๙๙๙   แก้วประเสริฐ.   ๙๙๙				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแก้วประเสริฐ