28 พฤษภาคม 2547 14:49 น.
แก้วประเสริฐ
ลมฝนโปรยโรยริ้วพลิ้วเป็นฝอย
ละอองน้อยสาดกระทบกายใจชุ่มชื่น
เดินตากฝนคนเดียวในค่ำคืน
แสนระรื่นชื่นฉ่ำในวิญญา
เห็นสาวน้อยร้อยชั่งนั่งร้องไห้
มองแลไปอยู่ใต้เงาพฤกษา
คงเปล่าเปลี่ยวมีปัญหาที่ตามมา
กลุ้มอุรานั่งอยู่แต่ผู้เดียว
จึงหลบฝนเดินไปนั่งเคียงชิด
ทำตัวสนิทเธอหันมาทำตาเขียว
ยิ้มให้เธอแต่เรากลับหน้าเซียว
ประเดี๋ยวเดียวเธอหันหน้ากลับไป
เธอไม่ว่ากำลังใจมาถามไถ่
เรายิ้มให้ถามเธอไปเป็นไฉน
มาร้องไห้คนเดียวอยู่ทำไม
บ้านอยู่ไหนจะไปส่งคนดี
เธอหันมายิ้มให้ช่างวิไลลักษณ์
โอ้พริ้มพักตร์ลักขณาแม่มารศรี
สวยหยาดเยิ้มปานอุมาในราตรี
นัยน์ตานี้งามราวดุจดาวเดือน
สำเนียงเธอเอ่ยเอื้อนดุจระฆังใส
ช่างหวามใจหาใครจะมาเหมือน
สำเนียงเสนาะเพราะพริ้งยามยลเยือน
ดุจดั่งเหมือนตัวลอยสู่ชั้นพรหม
สำเนียงแว่วว่าชายผลาญทรวงอก
จึงระทกหม่นหมองด้วยไม่สม
มีรักที่มอบให้หญิงอื่นชม
จึงขื่นขมต้องตรมอยู่เดียวดาย
จึงกล่าวถ้อยร้อยคำตัวพี่นี้
ด้วยไม่มีหญิงอื่นมาสมหมาย
ก็ชอกช้ำแสนระกำใจละลาย
หาหญิงใดเป็นคู่ยากจริงจริง
เธอยิ้มพลางกล่าวขานชายเจ้าชู้
ดูดู๋ดูกล่าวถ้อยด้วยทุกสิ่ง
คงหัวร่อเยาะหยันคำของหญิง
หากใจจริงหญิงได้สบายอารมณ์
ได้ฟังคำหญิงชายเจ้าชู้ไก่โต้ง
โอบเอวโลมนวลอนงค์พอเหมาะสม
อ้อนฉอเลาะคำหวานถ้อยคารม
มีอารมณ์อ่อนไหวไปตามกัน
ต่างถ้อยพรอดคำหวานสำราญรัก
ประโลมจักโลมถ้อยร้อยกระสัน
พึงอิงแอบแนบข้างระหว่างกัน
จวบเวลากาลย่างเข้าสู่อรุโณทัย
เธอผลักกายฉันหมายองค์ทรงเครื่อง
ร่างเธอเรืองรัศมีผุดผ่องใส
สวยบริสุทธิ์ผุดผาดงามวิไล
แล้วเอื้อนไปถ้อยวาจาพางุนงง
ฉันนี้มาเพราะวาจาเธออธิษฐาน
ด้วยตัวฉันเคยเป็นคู่สมประสงค์
ชาติก่อนนั้นเคยอธิฐานเจตจำนง
จะร่วมองค์ทรงไว้ในเรื่องรัก
ขอเธอจงถนอมตัวไว้ในกุศล
จะเป็นผลต่อเราเป็นยิ่งนัก
เธอละภพนี้แล้วจะได้ประจักษ์
มาครองรักสมสู่ทุกชาติไป
พอเสร็จคำถ้อยแถลงร่างลอยขึ้น
สู่ภาคพื้นนภาแล้วเลือนหาย
ยังติดถ้อยคำหวานมิกลับกลาย
หัวใจจะวายเมื่อพบประสบนี้
แสงอรุโณทัยฉายทาบพื้นส่อง
นัยน์ตาฉันหมองออกเดินจากที่
หันกลับมองวิมานรักที่เคยมี
ลากันทีสร้างกุศลเพื่อพบเธอ.
แก้วประเสริฐ.
27 พฤษภาคม 2547 17:16 น.
แก้วประเสริฐ
แลตะวันยามชิงพลบหลบแมกไม้
ท้องฟ้าใกล้ราตรีมีจันทร์ฉาย
บุหลันเสี้ยวเลี้ยวลิบสุดฟ้าไกล
หมู่แมกไม้อึ่มคลื้มเสียงนกร้อง
ลมโชยพัดอ่อนไหวใบไม้หวิว
กิ่งอ่อนพลิ้วประสานเรไรก้อง
มองนภาเมฆขาวลอยเป็นละออง
จักจั่นร้องส่งประสานวังเวงใจ
รักเอ๋ยหนอทำไมช่างยากนัก
ประเพณีจักกั้นขวางทางรักได้
สองใจผูกพันมั่นรักช่างกระไร
เหตุไฉนรักมิสมดังใจปอง
มีแต่ใจเรามั่นผูกพันรัก
สมานสมัครรักกันไว้มิเป็นสอง
เรื่องของรักมั่นเสมอมิเป็นรอง
สัญญาต้องครองคู่อยู่ด้วยกัน
แม้ฟ้านั้นจะกำหนดกฏเกณฑ์รัก
สองเราจักหักให้ได้แม้ฝัน
โอ้ประเพณีขออย่ามากีดกั้น
ดุจตะวันจันทร์ดาราคลาเยือน
ฟ้าเอ๋ยฟ้าเรื่องฟ้าอย่ายุ่งฉัน
มิอาจกั้นความรักนั้นดุจเสมือน
เงาและกายฝากไว้ไม่แลเลือน
ฟ้าและเดือนย่อมคู่ไว้ในโลกา.
แก้วประเสริฐ.
26 พฤษภาคม 2547 13:02 น.
แก้วประเสริฐ
ความมีเพื่อนมากมายหลายชนชั้น
นึกถึงวันผ่านมาใจให้สุขี
มีสุขทุกข์รุกเร้าในชีวี
ยังเป็นที่เบิกบานใจสราญรมย์
เพื่อนคือคนแปลกหน้าในคนแรก
ความรักแปลกเกิดขึ้นก็เพราะเพื่อน
เพื่อนสนับสนุนห่วงใยและคอยเตือน
เปรียบเสมือนเกาะกำบังแห่งตัวตน
แม้ห่างไกลแต่ใจยังคิดถึง
คอยคำนึงถามไถ่ด้วยใจสน
เป็นรักแท้ห่วงใยในใจตน
เสมอคนอยู่ในใจคล้ายเงาเรา
แต่เพื่อนนั้นแบ่งออกได้สองประเภท
แท้เทียมแยกต้องดูจิตใจเขา
รักแท้คอยช่วยเหลือมิหวังเอา
สุขทุกข์คอยบรรเทาด้วยใจจริง
อีกประเภทนั้นหวังแต่โกยกอบ
เพื่อนมิชอบช่วยเหลือในทุกสิ่ง
เพียงแต่หวังจะมาหาพึ่งพิง
ถ้าเราอิงเขาจะหนีห่างไกล
ขอฝากคำนี้ไว้ให้แก่คนทั้งหลาย
ทั้งหญิงชายเมื่อจะริมีเพื่อน
ให้ทดลองน้ำใจอย่าแชเชือน
การมีเพื่อนอย่าใช้เพียงอารมณ์.
แก้วประเสริฐ.
25 พฤษภาคม 2547 15:43 น.
แก้วประเสริฐ
วันอาทิตย์ 23 พฤษภา 2547
พอเสร็จธุระไปเขาดินวนาสถาน
ว่างพักผ่อนคลายอารมณ์จากงาน
ไปสถานเมื่อเด็กเที่ยวเพื่อกันลืม
เสียค่าบัตรผ่านประตูถึงได้เข้า
พอผ่านเขาเจอทางแยกสุดปลื้ม
ด้วยฝูงชนมากมายเด็กเล็กตรึม
เสียงฮึมฮึมโหยหวนชวนเหลียวมอง
เลี้ยวขวาจ้องมองดูมวลหมู่สัตว์
ซึ่งเขาจัดวางเอาไว้ให้แลจ้อง
บริเวณสัตว์กว้างขวางให้ประลอง
เพื่อสนองสัตว์วิ่งไล่ให้ติดตาม
มีทั้งช้างเสือสางแรดกระทิงเผ่น
ฮิบโปเล่นน้ำอ้าปากดูเกรงขาม
กระทิงแดงกวางเก้งชะมดงาม
นกกระยางบินว่อนเหนือหลังคา
กระจอกเทศมาเย้าล้อคนเล่น
มองแลเห็นเด็กชอบดูให้กังขา
ลิงชะนีค่างหน้าด่างโหนไปมา
สัตว์ถ้วนหน้าดูหมองต้องระทม
ลมฝนตกพรำพร่ำเย็นฉ่ำเหลือ
สัตว์ที่เหลือมีไม้ใหญ่ไม่เหมาะสม
เมื่อก่อนนั้นมากมายเสียคนชม
เป็นที่ร่มใหญ่น้อยพักผ่อนฤดี
เดี๋ยวนี้ต้นไม้เขาดินสูญสลาย
เนินดินกลายหายลับไม่กลับที่
ต้นไม้ใหญ่สูญหายแทบไม่มี
คงเหลือที่รอบทางระหว่างเดิน
เดินวนรอบมองสัตว์สะท้อนนัก
ก่อนนั้นมักเห็นสัตว์วิหคเหิร
ไม่เหลือสัตว์ของไทยที่เกิน
เคยเดินเพลินดูไปหลายหลากพันธุ์
บัดนี้เล่าสูญหายนับตัวได้
นอกนั้นไซร้เป็นสัตว์นอกเสกสรร
ส่วนสัตว์ไทยนั้นหายไปจากกัน
สุดจะสรรค์มาจำแนกแยกออกดู
เขาดินนั้นเคยมีสัตว์มากเหลือ
สุดเหลือเฟือเหลือไว้น่าอดสู
มองอย่างไรก็ไม่ใคร่จะน่าดู
แต่ที่รู้มีมนุษย์เดินพล่านกัน
ให้รำลึกครั้งผ่านมาในอดีต
เขาดินสถิตแหล่งรักอันไพศาล
หญิงสาวชอบพลอดรักกันยาวนาน
เป็นที่สถานพักผ่อนของหญิงชาย
พอสอบถามจึงรู้ข้อมูลหลาก
งบประมาณหักไว้ไม่มากหลาย
จึงขาดทุนอาหารสัตว์อีกมากมาย
ขอหญิงชายโปรดอุดหนุนจุนเจือ.
แก้วประเสริฐ.
23 พฤษภาคม 2547 12:47 น.
แก้วประเสริฐ
ในโลกนี้มีอะไรหลายรูปแบบ
ที่ได้แอบซ่อนเอาไว้มิได้แจ้ง
มาบัดนี้ได้ถูกนำออกแสดง
เป็นสีแสงแห่งบันเทิงรื่นเริงรมย์
มองดูภาพการแสดงแห่งชีวิต
ช่างลิขิตรูปแบบไว้ไม่เหมาะสม
เหมือนหญิงชายทั้งหลายที่ได้ชม
อลวนสมสู่ไม่รู้ว่าเป็นใคร
เหตุทั้งหลายใครเล่าเป็นผู้สร้าง
เป็นหนทางที่กำหนดเอาไม่ได้
ว่าฮอร์โมนผิดแผกจนเป็นไป
จึงทำให้ชายหญิงสุดเรรวน
เดี๋ยวก็ชายแต่งกายคล้ายผู้หญิง
กระตุ้งกระติ้งเดินไปมาช่างสับสน
แล้วก็หญิงแต่งกายเหมือนชายชนม์
ออกเดินบนตามห้างเหมือนอย่างชาย
บางครั้งสิ่งแวดล้อมเข้าประกอบ
ชักชวนชอบเลียนแบบเพื่อนทั้งหลาย
เพื่อเข้าหมู่ได้กับเพื่อนหญิงชาย
กลับกลายเป็นชายหญิงที่ผิดเกิน
เมื่อคิดดูพวกนี้น่าสงสาร
อีกการงานทำไว้น่าสรรเสริญ
เรื่องของจิตใจเขาอย่าล่วงเกิน
ถ้าบังเอิญเจอเขาโปรดเข้าใจ
สิ่งที่ดีพวกเขาก็มากหลาย
ดีกว่าชายหญิงที่เอาแต่ได้
สร้างสิ่งชั่วร้ายไว้ทุกแห่งไป
ไม่กลับใจร้ายกว่าที่กล่าวมา
ขอทั้งหลายอย่าได้ติฉินเขา
เป็นเรื่องราวในชีวิตไม่หนักหนา
โลกของเขาเขาอยู่ของเขามา
โลกเราหนาก็อยู่ของเราไป
อย่าได้เกี่ยงงอนอ้อนขอดในชีวิต
ถูกหรือผิดเป็นที่ไม่แจ่มใส
ขอให้ช่วยสร้างสรรค์โลกให้วิไล
อนาคตแจ่มใสลูกหลานได้นำพา.
แก้วประเสริฐ.