15 มิถุนายน 2547 15:11 น.
แก้วประเสริฐ
ดาริกาพรรณรายพรายเพริศแพร้ว
จำเนียรแจ้วแว่วสกุณาพาขับขาน
พระพายพัดโชยอ่อนเสียงกังวาน
ไผ่ใบสั่นหวีดหวิวพลิ้วตามลม
สำเนียงเสนาะเพราะพริ้งกริ้งกริ้ว
วาบหวิวหวิวเหมือนคล้ายอาบแสงโสม
เย็นยะเยือกสะท้านจิตห้วงกมล
น้ำค้างพรมชุ่มชื่นระรื่นใจ
ศศิธรลอยพ้นผ่านหมู่เมฆ
แสงนวลเสกเมฆไม้แลสดใส
เหลือบแลชมท้องฟ้าให้ชื่นใจ
ที่หลับใหลพลันฟื้นตื่นอารมณ์
กลิ่นราตรีแผ้วผ่านซ่านกลิ่นหอม
ชโลมน้อมจิตใจให้ได้สม
ดั่งแมนสรวงเปิดฟ้าให้ได้ชม
แสนภิรมย์กลิ่นหอมทิพย์ราตรี
แม้นมาดพี่ได้มีนารีหนึ่ง
มาคลอคลึงรึงเร้าแม่โฉมศรี
ทิพย์อาสน์วางไว้ในราตรี
ต่างจู๋จี๋ชวนจ้องแสงโคมทอง
รัตติกาลยามมีแสงโสมส่อง
ทั้งโลกต้องอยู่ใต้ในเราสอง
อาณาเขตกว้างใหญ่ที่เคยปอง
คงจะต้องเหลือไว้ธุลีดิน
ยืนมองคิดพิศเดียวให้เปลี่ยวเปล่า
มันเป็นเศร้าฝันเราจนสุดสิ้น
น้ำค้างพรมชโลมล้างที่ราคิน
ด้วยมันสิ้นรักแล้วหนทางรัก
รักหนอรักรักเราสุดหวนหา
ใครจะมาปลอบเล่าที่ใจหัก
มันแตกแยกเสียสิ้นเคยลิ้มรัก
สิ้นความรักกับโสมลับเมฆา.
แก้วประเสริฐ.
12 มิถุนายน 2547 14:01 น.
แก้วประเสริฐ
งายงุนงงหลงใหลในรูปรส
ไล้ลิ้มจรดนุชนาถอาจเอื้อมถึง
ตลึงแลยลเจ้าเฝ้าครวญคะนึง
แสนตราตรึงรูปลักขณาวิลาวัลย์
บุษยบันพรรณรายลายรูปลักษณ์
วิไลพักตร์งามจรัสรัศมีเฉิดฉันท์
กรอ่อนช้อยแลคล้ายศรองค์รามัน
พระศอนั้นกระชั้นพักตร์ลักขณา
ปทุมมาศรัดรึงตรึงดุจบัวหลวง
อร่ามล่วงแรกแย้มล่อหมู่มัจฉา
กลิ่นหวนหอมดอมเร้าให้ทัศนา
วิเวกพาอร่ามเร้าเฝ้าตะลึง
องค์เอวช่างกลมกลึงดุจนางหงส์
นาถอนงค์ย่างกรายใฝ่ปองถึง
ขาทั้งสองนวยนาดช่างกลมกลึง
แลคำนึงถึงนงนุชบุษบา
ยามแย้มยิ้มพริ้มพักตร์ช่างเลิศนัก
ใคร่ประจักษ์ทักเจ้าสุดเสน่หา
กริ่งเกรงน้องหมองใจในลักขณา
รูปกายาพี่เจ้าเฝ้าใฝ่ปอง
สวยจริงนะกานดาแม่เจ้าเอ๋ย
แม่ทรามเชยหยาดฟ้ามิเป็นสอง
สาวใดหาใครเทียบยังเป็นรอง
สุดจะมองยากหาตราบสิ้นพสุธา.
แก้วประเสริฐ.
10 มิถุนายน 2547 19:17 น.
แก้วประเสริฐ
แสงสูรย์สิ้นสิ้นเสียงสำเนียงรัก
ที่เคยภักดิ์รักมอบสู่จอมขวัญ
แว่วสำเนียงอ่อนหวานเคล้ารำพัน
แสงอำพันพลันวับลับตาไป
ดุเหว่าร้องก้องอำลาพนาสน
วิหควนเวียนหารังอาศัย
สำเนียงเสียงทวิบาทมาแต่ไกล
แสนอาลัยในความรักภักดีชม
ลมเอยลมเคยพัดเสียงหวิวหวิว
บัดนี้สยิวเหมือนรักที่เคยสม
อารมณ์รักพักไปเหมือนอย่างลม
เงียบสงบจมลงหายดุจคลายรัก
โอ้อนาถในวาสนาคราครั้งนี้
เห็นเป็นที่รักสลายคล้ายประจักษ์
เมื่อก่อนนั้นเคยพร่ำเสียยิ่งนัก
คงจะสลักสิ้นสลายคล้ายตะวัน
เคยกอดรัดรักรสซบไออุ่น
พสุธาวุ่นสุดเสมือนแทบไหวหวั่น
กระแสน้ำในธารน้อยกระฉอกพลัน
ใบหญ้านั้นกลับราบแลสีใส
ปทุมมาลย์ชูช่อกลางสายน้ำ
ถูกลมซ้ำพัดพาจนอ่อนไหว
กลิ่นหอมหวนชวนดมชิดสนิทใจ
ระรื่นไหวใจสั่นสะท้านกลอง
สองเราพลอดอ้อล้อต่อแสงสูรย์
กายเป็นศูนย์กวัดรัดอาบทั้งสอง
แสงตะวันมาบัดนี้สุดหมายปอง
ไร้ซึ่งน้องแลสายลมพลันเงียบงัน
นอนทอดกายไร้คู่สุดจะคิด
มองเพ่งพิศแสงตะวันคอยลับสูญ
ความมืดเข้าย่างกรายสุดอาดูร
สิ้นแสงสูรย์เหมือนสิ้นรักกับตะวัน.
.
แก้วประเสริฐ.
8 มิถุนายน 2547 12:23 น.
แก้วประเสริฐ
สุดสิ้นรักแดนดินสิ้นขอบฟ้า
ยากจะหารักแท้มาส่งเสริม
อนุจิตคิดหวนรักมาเพิ่มเติม
สุดจะเริ่มเพิ่มรักในวันวาน
ฟ้าลิขิตชีวิตแล้วใฝ่หวนหา
ขอกานดาอย่าพะวงสงสาร
ด้วยเป็นบาปทำไว้อดีตกาล
สนองสนานให้เกิดแก่ตัวเรา
มันเป็นเพียงเสี้ยวฝันในกาลก่อน
ยากจะวอนรำพึงจึงทราบเขา
รักแท้นั้นอยู่ไหนช่างบางเบา
มีตัวเขาเราอยู่ยากใฝ่ปอง
ลาแล้วหนอรอรักอยู่ขอบฟ้า
ไม่หันหน้ากลับมาเพื่อสนอง
ก้มหน้าเราเดินไปตามคัลลอง
ไม่ขอลองอีกแล้วแก้วกานดา
สิ้นแล้วหนอสิ้นแล้วสุดทางรัก
สิ้นความรักที่หวนชวนใฝ่หา
สิ้นทุกสิ่งเคยลิ้มรสพจนา
สิ้นเสน่หาอาลัยหวนทวนคืน
สิ้นแสงสูรย์เราสิ้นหนทางรัก
สิ้นประจักษ์ในรักไม่หวนฝืน
สิ้นดาราจันทรารักกลับคืน
สิ้นที่ยืนในทางรักอีกต่อไป.
แก้วประเสริฐ.
6 มิถุนายน 2547 18:56 น.
แก้วประเสริฐ
ตะวันชิงพลบหลบเมฆาสิ้น
นกโบยบินเหิรฟ้าพาลับหาย
เสียงจักจั่นเรไรร้องกำจาย
ท้องฟ้ากลายไม่สว่างกลางนภา
โลกกระจ่างกลางใจในเรื่องรัก
ยิ่งคิดหนักดุจตะวันมิหรรษา
สุดจะเพรียกเรียกร้องให้คืนมา
สิ่งนั้นหนาผ่านไปในวันวาน
เพียงรู้ว่าวันนี้ฉันหงอยเหงา
มันรุมเร้าเฝ้าบั่นทอนสุดกลั้น
โอ้ใจหนออยากรักสักเนิ่นนาน
เพียงแค่ฝันยังสะท้านห้วงหทัย
โอ้ใจเอยเคยพร่ำคำรักหวาน
ปรุงแต่งฝันนั้นให้ได้สิ่งสดใส
บัดนี้ใจเหลือไว้ให้มลายไป
สิ้นสลายในรักล่วงช่วงโรยรา
ตะวันชิงพลบกลบแล้วด้วยรัก
สุดยากนักพักพาโรยโหยหา
ความรักเอยช่างไม่คิดนำมา
กลับนำพาหัวใจให้โศกครวญ
คิดถึงวันผ่านรักใต้ร่มพฤกษ์
ร่างเราผนึกกวัดไว้ใจสุดหวน
อิงแอบกายกอดรัดสุดรัญจวน
แสนอบอวลไออุ่นแอบแนบใจ
หยาดพิรุณโปรยปรายชโลมลูบ
ลมพัดวูบสะท้านใจหวั่นไหว
ใบไม้โน้มน้าวกิ่งสุดแกว่งไกว
ต้นหญ้าใบราบเรียบติดธุลีดิน
สายฝนหลั่งพลั่งพรูพร้อมกับเสียง
หวีดร้องเอียงร่างน้อยของโฉมฉิน
ฟ้าคำรามเลื่อนลั่นแล้วโบกบิน
พายุสิ้นฟ้าใสหวนกลับคืน
ตะวันพลบจบแล้วสิ้นแสงสูรย์
เหมือนจะสูญสิ้นไปสุดใจฝืน
วันนั้นมาพาใจให้สะอื้น
ทุกวันคืนเฝ้าคิดยืนทบทวน
เมื่อวันวานผ่านแล้วในอดีต
สุดจะคิดนำรักกลับมาหวน
โอ้ใจเราสุดแสนจะรัญจวน
ยามที่หวนในรักเมื่อวันวาน.
แก้วประเสริฐ.