21 มิถุนายน 2547 08:51 น.
แก้วประเสริฐ
สองหกมิ.ย.สู่หล้า เลิศกุมาร พลันกำเนิด
จันทร์ที่มะเมียเปิดกาล ห่อนรู้
ในสารว่าศกวาร เกิดก่อ บรมครู
อาจารย์สู่โลกผู้ เก่งกล้า เชิงกลอน
ปวงยกไปสู่ให้ กวีเอก ของโลก
เรียงร่ายกวีกานท์อเนก สู่ฟ้า
อภัยมณีสื่อเป็นเฉก ยกสู่ คนไทย
อนุสรณ์ภู่มอบปวงหล้า ว่าไว้เมืองแกลง.
ขอน้อมไหว้คุณครูสุนทรภู่
ผู้เรียนรู้เชี่ยวชาญอักษรศรี
เชิงกลอนแปดลือลั่นสนั่นเวที
ฝากบทกวีไว้ให้แก่คนไทย
จันทร์เดือนแปดขึ้นหนึ่งค่ำมะเมีย
ตัวเลขเฉลี่ยได้ฤกษ์กำหนดให้
กำเนิดกุมารยี่สิบหกมิถุนาไว้
ปีศกไซร้สองสามสองเก้าที่จำ
นามบิดามารดาไม่ได้ปรากฏ
แต่บางบทพบบิดาชาวบ้านกร่ำ
อำเภอแกลงแขวงระยองจังหวัดนำ
ชาวบ้านร่ำเรียกร้องฉลองคุณ
สร้างอนุสาวรีย์ไว้เพื่อเคารพ
ใช้น้อมนบด้วยชื่อที่เกื้อหนุน
เป็นกวีเอกของโลกที่การุน
มีบุญคุณแก่เหล่าชาวไทยไว้
หนังสือรักอภัยมณีสะท้านภพ
นิยายจบบทกลอนใครได้ไม่
นิราศอิเหนาภูเขาทองเกรียงไกร
อีกทั้งได้แต่งกลอนสอนนารี
ยี่สิบหกศกนี้ที่มาถึง
โปรดคำนึงบรมครูผู้สดศรี
สุนทรภู่ยิ่งใหญ่ได้ในบทกวี
ขอเทิดนี้ที่ก้องโลกสนองคุณ.
แก้วประเสริฐ.
20 มิถุนายน 2547 12:26 น.
แก้วประเสริฐ
ยามค่ำคืนดึกดื่นยืนครุ่นคิด
ปล่อยให้จิตล่องลอยสู่ฟ้ากว้าง
นภาใสไร้เมฆาใจอ้างว้าง
แสงดาวช่างสร้างสิ่งละลานตา
ระยิบพริบแสงให้งามสดใส
ดูวิไลดาวน้อยใหญ่สุดสรรหา
ถึงจะเหงาเศร้าสร้อยในวิญญา
แลท้องฟ้าทำให้สบายอารมณ์
หอมดอกกลิ่นราตรีเคล้าดอกแก้ว
ลมโชยแผ่วพลิ้วมาช่างเหมาะสม
เย็นชื่นจิตห้วงหทัยใจภิรมย์
ที่จิตตรมขมขื่นล่องลอยไป
โอ้นภาช่างวิไลดั่งใยแก้ว
เพริศพริ้งแพร้วงามนักมองเห็นได้
ท้องฟ้าคล้ำสลับดาวระรื่นใจ
เคล้าดอกไม้กลิ่นแก้วแล้วราตรี
คิดถึงหญิงอันเป็นสุดที่รัก
อยากจักนำดาราแห่งแคว้นศรี
มาเรียงร้อยเป็นมาลัยให้นารี
อุบะมีดอกราตรีแก้วแก่นาง
น้ำค้างพรมมากแล้วแก้วราตรีเอ๋ย
ได้ชิดเชยกลิ่นเจ้าเคล้าแก่ร่าง
แม้นนภาดาวพรายช่วยให้ทาง
คงไม่ร้างห่างนางดั่งที่เคย.
แก้วประเสริฐ.
19 มิถุนายน 2547 15:22 น.
แก้วประเสริฐ
ยามเล็งพิศแผ่วพลิ้ว เพริศพราย
นางย่างเดินกรีดกราย ร่างน้อง
นัยเนตรส่งตาชาย ดูน่า ชวนชม
หากแม่เคียงกายต้อง แน่แท้คนมอง
เพียงหันพบแหย่เจ้า ขึงโกรธ จริงเจียว
จักซ่อนงามยามพิโรธ ดั่งฟ้า
หากนางร่าเริงโลด โชติช่วง ยามยล
ยากยิ่งหญิงในหล้า ยั่วสู้ความงาม
นางเดินชมช่อไม้ เกสรดอก
ดอมดมกลิ่นหอมนอก เร่งเร้า
อบอวลอุ่นไอออก แรกรุ่น นวลอนงค์
ใจครุ่นคิดหลงเจ้า น่าอุ้มแนบทรวง
อยากทำความใคร่รู้ จักนาง
แสนห่างจักเลือนราง ยิ่งแท้
อกพลันหม่นอกจาง ยากแน่ จริงแฮ
ใจไป่สุดจะแก้ แน่งน้อง แนบกาย.
แก้วประเสริฐ.
18 มิถุนายน 2547 11:46 น.
แก้วประเสริฐ
สุริยันช่างเลิศล้ำ นภาลม แดงกร่ำ
รัศมีโชติช่วงงามชม แช่มช้า
ย่อแสงให้ภิรมย์ เย็นค่ำ สนธยา
รัตติกาลเยือนหล้า พาใจใฝ่ถวิล
ทวิบาทวิหคกู่ก้อง จริงแฮ
แม้นบ่มีใครแล ไป่หวน
ฮักห่อหุ้มดวงแด หนอนก่อ นอนเอย
ก่อกกใกล้เชิงควน ก่ายกอดคำราม.
พอฟ้าค่ำชิงพลบสุดหดหู่
ดูดู๋ดูยุงน้อยคอยเรียกหา
เจ้านี้ช่างไม่แสนจะเวทนา
กลับเรียกหาเพื่อนฝูงมารุมเร้า
ต้องหากาบมะพร้าวมาเฝ้าสุม
ก่อไฟรุมไล่เจ้าแม้ใจเหงา
ด้วยขาดคู่ชู้ชื่นเหลือเพียงเงา
ดีที่เรามีเพื่อนคอยปลอบใจ
เจ้าด่างเอยเพื่อนยากไม่ยักหนี
เหมือนคู่ชีวีที่เขาหนีไปได้
ความเหนื่อยยากแสนจนไม่ทันใด
เขาหนีไปสู่เมืองฟ้าแห่งธานี
พลางหยิบขลุ่ยขึ้นมาสู่ปากเป่า
ทอดลำเนาเพลงรักเคยสุขี
ร่วมชีวิตรักใหม่ด้วยไมตรี
สุดเปรมปรีดิ์หวานชื่นทุกคืนวัน
เสียงขลุ่ยน้อยลอยผ่านละล่องแผ่ว
เจ้าด่างแว่วหอนรับจับใจฉัน
ทั้งนายบ่าวเคล้าคลออ้อล้อกัน
เหมือนวิมานคนจนต้องทนเอา
จนเดือนต่ำดาวคล้อยลอยเลือนลับ
น้ำค้างจับใบหน้าทั้งนายบ่าว
ทั้งสองเดินลุกขึ้นก้าวเท้ายาว
เดินสู่เข้ากระท่อมวิมานปลายนา.
แก้วประเสริฐ.
16 มิถุนายน 2547 22:23 น.
แก้วประเสริฐ
โอ้อนาถวาสนาคราครั้งนี้
ทำให้พี่ละอายใจหนักหนา
เจ้าไม่เห็นฉันบ้างนะกานดา
สู้อุสส่าห์เฝ้าถนอมในความรัก
วันเวลาไร้มลทินกริ่งเกรงเจ้า
จนต้องเศร้ามากมายเสียยิ่งนัก
เฝ้าถนอมยอมทนเสียแรงภักดิ์
สุดช้ำนักจางหายจนจากไป
เหตุไฉนใยเป็นได้ถึงเพียงนี้
ทำให้พี่วุ่นวายด้วยเธอได้
รักกันมาตั้งนานช่างกระไร
ไม่เห็นใจพี่บ้างนะแก้วตา
สู้อุสส่าห์ดูแลเฝ้าถนอม
ยอมอดออมรสรักมักหวนหา
ช่างหวานซึ้งตรึงใจดุจดวงตา
แต่วาสนาพบพานจบสิ้นกัน
สุริยายามพลบค่ำพบรัก
สัญญาจักว่าไว้ไม่แปรผัน
บัดนี้เจ้ากลับมาช่างรำพัน
ทำตัวฉันด่างพร้อยรอยมลทิน
ในครรภ์เจ้าเฝ้ามาจะหาพ่อ
ใครนั้นหนอสร้างไว้หัวใจหิน
โอ้ตัวฉันนั้นไร้ซึ่งราคิน
จะสูญสิ้นหมดแรงด้วยตัวเธอ
น้ำตานี้พี่จะคอยเช็ดให้
แม้หัวใจพี่ปวดร้าวอยู่เสมอ
แต่ยังภักดิ์รักมั่นแสนเลิศเลอ
ขอตัวเธอเชื่อมั่นในสัญญา.
แก้วประเสริฐ.