13 กรกฎาคม 2547 13:03 น.
แก้วประเสริฐ
แว่วสำเนียงวิหคผกเหิรร้อง
กังวานก้องป่าเขาลำเนาผา
นกขมิ้นน้อยเกาะกิ่งอิงหน้ามา
ถ้อยเจรจาเอมเสนาะเพราะจับใจ
บินหลาดงโกงคอคลอรับหา
ปลอดป่าพามาขานช่างสดใส
กิ่งไม้ไหวพระพายพัดระบัดใบ
ส่งเสียงให้ได้ยินระคนกัน
ขุนทองนั้นเฝ้าไซร้เลนไรขน
แซงแซวหม่นบ่นจ้องมองร้องลั่น
โพระดกร้องโฮกโป๊กเสียงพลัน
กางเขนนั้นลอดไม้ใบงามตา
ผีเสื้อเล่าเฝ้าโบยบินกลิ่นเกสร
บุบผาร่อนชูช่อล่อนาสา
ผึ้งน้อยเจ้าเคล้าคลึงเกสรมาลา
เสียงน้ำซ่าซ่าซ้องก้องลำธาร
หุบผาเขาคีรีผ่านเลาะไหลล่อง
เป็นแนวช่องพฤกษามาประสาน
น้ำรินหลั่งพาพัดซัดกังวาน
เลาะหินลานรวมแก่งแอ่งน้ำไป
ลมโชยพัดใบไม้ไปละลิ่ว
บ้างถูกปลิวสู่ลงตรงน้ำใส
ลอยล่องตามสายธารผ่านแนวไพร
หมุนวนไปผันผายหายสุดตา
แสงแดดอ่อนสนธยาลาลับจาก
หมู่สัตว์หลากอำลาพาตามหา
ความมืดครึ้มแลเลือนเตือนเข้ามา
กาลเวลาเปลี่ยวร้างทางอารมณ์.
แก้วประเสริฐ.
10 กรกฎาคม 2547 15:46 น.
แก้วประเสริฐ
ปมซ่อนเร้นเน้นลึกผลึกล้ำ
ก่อเกิดนำซ้ำซ้อนตะกอนถม
จิตภายในปั่นป่วนชวนนึกตรม
สุขระทมจมลงตรึกผนึกลวง
แผ่กระจายซ่านหทัยภายในขึ้น
ยากจะฝืนข่มใจที่ได้หวง
ดุจถูกห่วงบ่วงมัดรัดในทรวง
แลเหมือนล่วงสูญสลายมลายไป
รักเจ้าเอ๋ยแผ่ไปข้างในนอก
แสนช้ำชอกตอกกลับมิสดใส
มิได้หายคล้ายทับถมบ่มหัวใจ
เหมือนใกล้ตายให้เศร้าเร้าฤดี
อารมณ์ร้อนแผ่วผ่านเข้าเร้าในจิต
ที่สิงสถิตกั้นไว้ให้หมองศรี
ความหวานชื่นรื่นรสบทวจี
ล้วนเป็นที่เวิ้งว้างร้างสิ่งปอง
ด้วยคำรักฝากไว้ไพเราะโสตถิ
เอมชะโอดโลดร่ำพร่ำสนอง
จิตหมายปองร้องหวนนวลละออง
นำคล้องจองจารไว้ให้ใจพะวง
ก่อกำเนิดโรครักมัดฝังลึก
อึกกระทึกคึกโครมโน้มไหลหลง
จนเซซวนชวนพร่ำร่ำนวลอนงค์
เกิดบ่อลงฝังลึกตรึกไว้ให้จดจำ.
แก้วประเสริฐ.
4 กรกฎาคม 2547 15:11 น.
แก้วประเสริฐ
เสมือนฟ้ากำหนดกฎกั้นชะตาฉัน
ที่แปรผันเปลี่ยนแปลงแฝงความเหงา
สู้บากบั่นหมั่นสร้างทางมิบางเบา
จนพวกเขาเข้าใจให้ผิดทาง
ต้องหันเหมุมมองลองชีวิตใหม่
ลิขิตไว้ด้วยใจมิให้หมาง
เริ่มห่างลี้หนีคนจนเบาบาง
กำหนดสร้างชีวิตลิขิตตน
วางแผนดำเนินการสานความฝัน
การงานนั้นวาดไว้ให้คนสน
เพื่อจะหลีกหนีพ้นความยากจน
ประคองตนระวังไว้ใช้ปัญญา
วางลิขิตค่อยทำมิล้ำเส้น
ดุจดั่งเช่นเส้นทางรถไฟหนา
มันเลี้ยวลดคดเคี้ยววกไปมา
แล้วนำพาเดินไปมิให้ระเริง
อุปมาอุปมัยให้ใช้เส้นชีวิต
หากได้ติดผูกพันมันยุ่งเหยิง
ชุลมุนวุ่นวายเพลียจนเสียเชิง
อย่าบังเอิญหลงใหลในทางนั้น
แล้วจัดสร้างตัวนั้นอันอ่อนไหว
ค่อยจากไปด้วยขจัดมัดตัวฉัน
หมั่นบากบั่นหั่นกั้นอยู่ทุกวัน
ชีวิตนั้นจึงได้พบสบความจริง.
แก้วประเสริฐ.
26 มิถุนายน 2547 15:17 น.
แก้วประเสริฐ
แว่วสำเนียงหรีดหริ่งเรไรแล้ว
เสียงเจื่อนแจ้วแผ่วเสนาะไพเราะหา
เจ้าของเลี่ยงเบี่ยงซ่อนมิได้มา
ยากจะคว้ามาชมเพียงลมโชย
พระพายพัดพากลิ่นรวยรินไว้
เคล้าดอกไม้ชวนให้ดวงใจโหย
เคยเคียงข้างร้างจิตเชยชิดโปรย
สุดจะโรยรักเราเคล้าเคลียคลอ
หวนคำนึงเพียงนิดคิดยิ่งเศร้า
ด้วยจากเขาไปแล้วแม่แก้วหนอ
เหลือแต่เฝ้าเร้าอารมณ์จนพอ
อย่าได้ขอหนีเราตามเขาไป
เป็นเพื่อนไว้เชยชิดคิดแช่มชื่น
เคยร่ำรื่นห้วงจิตสนิทเอาไว้
มีเพียงกลิ่นของเจ้าเร้าหัวใจ
จนหทัยหายเศร้าเคล้าราตรี
หยาดน้ำค้างพร่างพรมบนดอกไม้
วับวาวให้คล้ายเพชรแสงสดศรี
จากดวงดาวพราวแข่งแห่งรัศมี
ดูเป็นที่เพลิดเพลินจำเริญตา
แล้วค่อยเดินชมพิศสนิทใกล้
ดอมดมไอหอมหวนชวนนาสา
นึกถึงน้องปองรักที่แรมลา
สุดจะคว้ามาได้แนบอกทรวง.
แก้วประเสริฐ.
23 มิถุนายน 2547 12:39 น.
แก้วประเสริฐ
ช่างเสียดายนงนุชสุดสายสวาท
ยามนวยนาดเยื้องย่างดุจนางหงส์
ทรงรูปร่างอ่อนช้อยรอยเผ่าพงศ์
มารยาทอนงค์คงไว้ได้ในนางรำ
ดั่งผนังอุโบสถอวดลวดลายรูป
ที่เขาลูบวาดไว้ให้งามล้ำ
ซ้ำอัปสรโยนแก้วแล้วเหาะรำ
เทพชักนำดำเนินไปในพยุหะคีรี
ด้วยบัดนี้พี่ต้องหมองใจหม่น
ด้วยเพราะคนที่รักจักหลีกหนี
ลี้สู่ฟากฟ้าแห่งใดในธานี
สุดจักที่ใจต้องครองอกตรม
นึกถึงวันเคยเฝ้าเคล้าจู๋จี๋
สองเคยที่พลอดพร่ำร่ำเหมาะสม
ลมเอ๋ยพัดเคยได้ไออุ่นดม
บัดนี้ตรมรักพี่ที่เฝ้าครวญ
โอ้ชีวิตวาสนาคราตกต่ำ
แสนระกำไว้ให้ใจร่ำหวน
ล้วนไม่ได้ร่ำรวยด้วยกลับชวน
แม่เนื้อนวลหลบลี้หนีเข้ากรุง
ยืนทอดจิตคิดคำนึงพึงหันจาก
เขามาพรากรักเอาเจ้าหอมฟุ้ง
จรุงใจเคยเริงร่ามาปรับปรุง
จิตหมายมุ่งเข้ากรุงพุ่งติดตาม.
........................................
รักมากจิตครุ่นซึ้ง คนึงหวน
ชวนใคร่ครวญถึงนวล ไป่ตื้น
ฝืนใจที่เคยผวน หวานชื่น เชยชิด
ติดใฝ่หายากฟื้น เร่งเร้ารุดกรุง ตามนาง.
แก้วประเสริฐ.
...................................................