9 กันยายน 2547 15:43 น.
แก้วประเสริฐ
เหตุตัวการที่นำไปสู่ภพชาติ
อนุปาทา วิมุจจันติ
( สาธุชนย่อมหลุดพ้นเพราะไม่ถือมั่น)
จิตที่ตั้งอยู่อาศัยภายในรูป
มีกิเลสผูกไปให้เกิดภพ
พอใจในกำหนัดมาบรรจบ
เพราะได้พบความเพลิดเพลินเจริญใจ
ความทะยานอยากจึงซึ่งเข้าถึง
ยึดมั่นตรึงขึงใจไม่ไปไหน
มาพันขันชะเนาะมิห่างไกล
ที่อาศัยจิตในรูปมาผูกพัน
ล้วนเป็นเหตุเลศนัยให้ตัณหา
ซึ่งนำมาหาผลจนกระสัน
สุดจำแนกแยกแยะให้จากกัน
รวมตัวนั้นพันพัวสู่ภพกาล
ด้วยยึดมั่นถือมั่นนั้นเป็นเหตุ
สร้างกิเลสเข้ามาให้ได้ประสาน
เป็นบ่อเกิดชักจูงมุ่งสำราญ
จนระรานคุณธรรมนำความดี
จงละเสียวางไว้ให้เกิดผล
โดยทำตนพ้นทางให้เป็นศรี
มิให้ความพอใจในกำหนัดมี
แล้ววางที่เพลิดเพลินเดินตามทาง
สิ่งทะยานอยากเข้าถึงพึงอย่ามั่น
ให้มันนั้นพลันถึงซึ่งจิตวาง
อีกทั้งรูปภายในนั้นให้จาง
จนได้ห่างหายไปไม่กลับมา
เหตุยึดมั่นนั้นตั้งอาศัยแห่งจิต
ด้วยมันติดคิดเวทนาแห่งสัญญา
ในสังขารวิญญาณผ่านพบพา
กิเลสหนานำไปให้สู่ภพ
นี่แหละหนอพอมีเหตุเกิดผล
ขออริยะชนจงมีที่บรรจบ
พึงรู้ไว้ใช่ว่าเพราะได้พบ
โปรดสมทบก่อร่างสร้างความดี.
อนุโมทนาแด่สาธุชนทุกท่านเทอญ.
อนุปาทา วิมุจจันติ
(ย่อมหลุดพ้นเพราะไม่ถือมั่น)
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
8 กันยายน 2547 13:46 น.
แก้วประเสริฐ
รักหวานมิรู้โรยลา
หวนคำนึงแว่วหวานซาบซ่านจิต
สั่นชีวิตพลิกข้างในฤทัยฉัน
ช่างซึมทราบวาบหวิวสุดจำนรรจ์
ให้ผูกพันผ่านลึกตรึกใจจำ
ลำนำถ้อยร้อยคำร่ำเล่าขาน
ช่างแปรผันหันหวนให้ชวนขำ
อ้อยอิ่งไปในหลากเรื่องเธอนำ
สุดเลิศล้ำพร่ำบอกตอกฝังลึก
วัยพิสุทธิ์บุบผาคราแรกแย้ม
อร่ามแช่มแย้มสรวลชวนให้ตรึก
ดั่งจันทร์โพยมโน้มส่องคล้องใจนึก
ชวนรำลึกผนึกไว้พร่างพรายตา
อนิจจาเวลาวันพลันหมุนเปลี่ยน
สุดวกเวียนหวนนับลับแลหา
ความหวานซึ้งตรึงใจของนัยนา
ยากคืนมาสู่ฉันพลันกลับกลาย
ฉันรักเสมอเธอพร่ำร่ำคำบอก
เป็นระลอกหวานหูมิรู้หาย
บัดนี้ร้างห่างจำคำละลาย
เขาสิ้นสลายหายไปกับสายลม
ถ้อยรสคำผ่านลิ้นแล้วสิ้นซาก
ร้อยรักฝากหากมาคิดมิเหมาะสม
ฉันเพียงจำคำหวานผ่านอารมณ์
ไม่เคยตรมลมรักหวานที่แรมลา
เพียงเสี้ยวหนึ่งพึงคิดในรสรัก
ช่างหวานนักพาให้ได้ใฝ่หา
คนกล่าวถ้อยร้อยคำชักนำมา
แสนสิเสน่หาพาให้มิรู้โรย.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
6 กันยายน 2547 16:51 น.
แก้วประเสริฐ
วงจรชีวิตแห่งสรรพสัตว์
ดูก่อนปัจเจกชนผู้ค้นธรรม
จะขอนำพระไตรฯมาใคร่แถลง
เป็นแนวทางสร้างไว้มาชี้แจง
เพื่อสรุปแจ้งแห่งวงจรชีวิตระทม
ที่เป็นทุกข์ผุดว่ายร่ายวัฏฏะฯ
วนเวียนปะคลุกเคล้าเฝ้าสะสม
สร้างภพชาติพาดพันดุจอาจม
ทุกข์ระบมขมขื่นยากผ่านไป
ความยืดมั่นพันผูกในธาตุหก
จึงเข้าหมกเกิดในครรภ์หวั่นไหว
ได้มีนามรูปเห็นเป็นปัจจัย
สฬายตนะให้ได้มีซึ่งผัสสะ
เกิดผัสสะจะมีเวทนาหนา
แล้วตัณหามาเข้าสู่อุปาทานนะ
ปัจจัยมีชาติชราพามรณะ
ซึ่งโสกะปริเทวะจะเป็นตอน
สร้างเป็นทุกข์โทรมนัสอุปายาส
แพร่ระบาดพาดพันดุจคันศร
เข้าอาศัยผูกพันดันนิวรณ์
เป็นขั้นตอนพบเห็นเป็นกองทุกข์
วนเวียนว่ายตายเกิดไม่สิ้นสุด
ยากจะหยุดยั้งได้ไม่เป็นสุข
ดุจรอยโคเกวียนตามพยายามรุก
โดยได้ฉุดรุดหน้าเดินตามไป
นี่แหละหนอวงเวียนจรเปลี่ยนชีวิน
ไม่มีสิ้นหนีจางแล้วร้างไฉน
จะโรมเร้าเฝ้าพะนอดูมิไฉไล
เป็นเหตุให้ผลกำเนิดเกิดวงจร.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
6 กันยายน 2547 12:16 น.
แก้วประเสริฐ
ในหลวงทรงรับสั่งให้กำลังใจ
ท่านสุเมธเคยขายเศษเหล็กไหม
เศษเหล็กเหล่านั้น เวลาขาย คุณค่ามันต่ำ
คงได้เงินมาไม่กี่บาท แล้วถ้าเราเอาเศษเหล็ก
เหล่านั้นมาหลอมรวมกันเป็นแท่ง
เวลาหลอมนี่ เหล็กมันคงรู้สึกร้อนมาก
พอหลอมเสร็จเรานำมาทำเป็นดาบ
คงต้องนำมาตีให้แบนอีก
เวลาตีก็ต้องคอยเอาไปเผาด้วย
ต้องตีไป เผาไป อยู่หลายรอบกว่าจะเป็นรูป
เป็นร่างดาบอย่างที่เราต้องการ
ต้องผ่านความเจ็บปวด ความร้อนอยู่นาน
แถมเมื่อเสร็จแล้วถ้าจะให้สวยงามดังใจ
ก็ต้องนำไปแกะสลัดลวดลาย เวลาที่แกะ
ลวดลายก็คงต้องใช้ของแข็งมีคมมาตีให้เป็น
ลวดลายอีก แต่เมื่อเสร็จเป็นดาบที่งดงามก็จะมี
คุณค่าที่สูงมาก เทียบกับเศษเหล็กคงจะต่างกันลิบลับ
จะเห็นว่ากว่าที่เศษเหล็กไม่มีคุณค่ามากนักจะกลายเป็น
ดาบอันงดงามนั้น ต้องผ่านอุปสรรคมามากมาย
ทั้งความเจ็บปวดต่างๆกว่าจะประสบความสำเร็จ
ดังนั้นขอให้จำไว้อย่างหนึ่งว่า
ใครไม่เคยถูกตี ถูกทุบ เจอเรื่องเลวร้ายในชีวิตมาเลยนั้น
จงอย่าได้หาญคิดทำการใหญ่
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทข้าพระพุทธเจ้านายแก้วประเสริฐ พบพระบรมราโชวาทเห็นว่าปวงชนชาวไทยบางคนอาจจะยังไม่ได้อ่าน ข้าพระพุทธเจ้าจึงอัญเชิญพระราชดำรัสของพระองค์มาเผยแพร่เพื่อจักให้ประชาชนชาวไทยใช้เป็นเครื่องประเทืองปัญญา ประกอบประพฤติตนดำเนินชีวิตต่อไป ควรมิควรขอพระองค์ทรงโปรดพระกรุณาด้วยพระพุทธเจ้าข้า.............แก้วประเสริฐ.
วันที่ ๖ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๗
5 กันยายน 2547 15:24 น.
แก้วประเสริฐ
สร้างทานให้มีผลมาก
ดูกรวัจฉะทานะเพื่อจะมอบ
ประกอบรอบคอบด้วยจิตผ่องใส
มิเลือกลักขณากาละที่จะไป
สร้างเพื่อไว้ได้อวดคนเชยชม
ด้วยความคิดสะอาดปราศอคติ
พร้อมใช้สติปัญญามาสะสม
ทำการสร้างกุศลผลอารมณ์
โดยระดมด้วยใจมั่นให้คง
วาระหนึ่งพึงมีด้วยสาเหตุ
กำหนดเขตเจตนาภิกษุสงฆ์
ที่ละนิวรณ์ห้ามาหมายตรง
อย่าเจาะจงลงสงฆ์รูปวิไล
พระอเสกขะวางไว้มีได้ห้า
ซึ่งนำมาศีลขันธ์อันสดใส
อีกสมาธิขันธ์ขันธ์ปัญญาเกรียงไกร
ดุจแก้วใสวิมุตติขันธ์พลันพ้นหลุด
วิมุตติญาณทัสสนขันธ์นั้นแจ่มแจ้ง
รู้เหตุแสดงแฝงดับเกิดเป็นที่สุด
สำเร็จกิจแห่งสงฆ์ตรงวิมุตติ
มุ่งหมายฉุดผลทานนำผ่านขจร
แถมอีกหน่อยค่อยพิจารณาคิด
นั่นคือปิดกั้นไว้แล้วได้สอน
มิให้เขาส่งผ่านทานขั้นตอน
โดยบั่นทอนผลบุญเกื้อหนุนนำ
มันเป็นกรรมเสริมสร้างอย่างมหันต์
หนึ่งคือนั้นอันตรายหมายบุญทำ
สองนำลาภปฏิคาหกมาตกระกำ
สามบอบช้ำกำจัดถูกทำลาย
อุปมาดั่งโจรปล้นขนวัตถุ
ที่บรรจุผลบุญหนุนเหลือหลาย
เป็นเหตุให้กุศลผลต้องมลาย
ครั้นเมื่อสลายตายไปสู่อเวจี.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙