26 กันยายน 2547 13:38 น.

ฟ้าเมืองเหนือ

แก้วประเสริฐ


	ฟ้าเมืองเหนือ
         ท่องเที่ยวไปดินแดนแคว้นตอนเหนือ
อร่ามเหลืองามงดสุดสดใส
ดารดาษภูเขาลำเนาไพร
ล้วนดอกไม้หลายหลากมากพืชพันธุ์
         อีกน้ำตกล้วนแหล่งแห่งลดเลี้ยว
บ้างคดเคี้ยวน้ำหลากดูมากชั้น
ให้วนไปในสถานแตกต่างกัน
ดูเห็นกั้นชั้นลดหลั่นมากมาย
          ที่เลื่องลือชื่อลั่นสนั่นฟ้า
น้ำตกธาราแม่กลางทางเป็นสาย
ใช้แหวกว่ายสลายอารมณ์เพื่อผ่อนคลาย
รอบพฤกษ์ไพรภูเขาเร้าลานตา
         สายธารน้อยเลี้ยวลงตรงสู่แอ่ง
เซาะเป็นแก่งแบ่งแยกด้วยหินผา
แล้ววนเวียนเวียนวกกันไปมา
เรียกกันว่าวังบัวบานสะท้านใจ
         เป็นแหล่งน้ำวกวนสายชลเชี่ยว
ดูคดเคี้ยวเลี้ยวลดแล้วตกไหล
ใสสะอาดเพลินพิศจิตวิไล
แก่งนั้นไซร้ใช้อาบให้เบิกบาน
         รักตำนานอมตะมักจะกล่าว
ถึงเรื่องราวสาวหนึ่งไม่ประสาน
พลีรักแท้แน่นอนจนวายปราณ
โดดเขานั้นตรงแอ่งแหล่งน้ำวน
         สร้างประวัติฝากไว้ให้ชาวเหนือ
การจุนเจือเผื่อใจอย่าสับสน
ต้องหมั่นตรองดูไว้ด้วยใจตน
คิดรักคนอย่าหลงใหลในคารม
         ลมแห่งปากหวานนักมักชอกช้ำ
แสนระกำสะอื้นไห้ฤทัยขม
เจ็บทั้งนอกและในเสียให้ตรม
สุดระทมหมั่นตรองไม่หมองหทัย
          ยอดดอยแม่สลองแหล่งท่องพฤกษ์
ชวนรำลึกนึกถึงสาวสดใส
เคยหยอกล้อหนอกระซิบชมไพร
สำราญใจล้วนบุบผาแห่งมาลี
         ทั้งดอยแม่ฟ้าหลวงสุดหวงนัก
เป็นตำหนักพักองค์พระทรงศรี
สมเด็จย่าพระบรมราชชนนี
พระภูมีมีบุบผานานาพันธุ์
         บรรยากาศเล่าบริสุทธิ์ดุจต่างประเทศ
ชาวไทยเทศต่างพามาเกษมสันต์
ใช้เป็นแหล่งแสวงหาทัศนีย์ภาพกัน
แสนสุขสันต์เบิกบานสราญรมย์
         โอ้เมืองเหนือดินแดนแคว้นพุทธะ
เขาชำระจิตใจไร้ขื่นขม
ร่วมไปงานวันพระน่าชื่นชม
แสนภิรมย์ชมงานวันสงกรานต์
         งานลอยกระทงเล่าเขาไม่ขาด
ดารดาษด้วยแสงโคมสนุกสนาน
แม่น้ำปิงสว่างไสวให้ละลาน
อลังการผ่านภพจบแดนดิน
         อีกชาวชนเมืองเหนือเอื้อเฟื้อนัก
ยากที่จักหาได้ไม่จบสิ้น
ทั่วแว่นแคว้นล้านนาหาข้าวกิน
ได้ทุกถิ่นสถานบ้านครัวเรือน
          ชายก็หล่อหญิงงามอร่ามนัก
ประไพพักตร์รูปลักษณ์ใครจักเหมือน
เสียงเจ๊าเจ๊าสำเนียงหวานน้ำตาลเยือน
เปรียบเสมือนเยือนดนตรีระฆังทอง
         โอ้อกเอยได้พบประสบถิ่น
เหมือนยลยินกลิ่นเอื้องไม่มีสอง
ด้วยหัวใจยากยิ่งสิ่งหมายปอง
ถิ่นแม่สลองแมนสรวงล่วงลงดิน. 

             ๙๙๙   แก้วประเสริฐ.   ๙๙๙				
24 กันยายน 2547 11:34 น.

เสียงดุเหว่าคร่ำครวญ

แก้วประเสริฐ


	เสียงดุเหว่าคร่ำครวญ
         เสียงดุเหว่าร้องก้องพฤกษ์นึกฉงน
อยู่เบื้องบนกิ่งไม้ไพรพฤกษา
ประสานเสียงโก่งร้องก้องไปมา
ดุจประสานกน้อยมิค่อยเบา
         เอียงหน้าดูหูสดับรับฟังเสียง
ร้องสำเนียงเรียกหากันหรือเย้า
ไม่ถูกใจตีชุลมุนหมุนวนเอา
บางตัวเข้าเฝ้ารุมหนุนนำไป
         บางตัวพ่ายหายหน้าเข้าป่าใหญ่
อีกตัวไซร้หลีกหลบใต้คบไม้
ทำให้เรื่องเลวร้ายละลายไกล
สิ่งวุ่นวายจึงสงบจบสิ้นลง
         เขม่นมองดูรู้เหตุก่อของเรื่อง
มันขุ่นเคืองนกสาวที่เฝ้าหลง
เข้าทางโน้นออกนี้มิได้ปลง
จนพะวงหลงเพ้อละเมอกัน
         นี่แหละหนาแม้สัตว์ยังจัดหา
ไม่นำพาเกิดตัณหามาเสกสรร
ยิ่งมนุษย์นี่เล่าต่างเผ่าพันธุ์
ล้วนกระสันแย่งสร้างทางราคี
         ยิ่งสืบพันธุ์ละม้ายคล้ายสัตว์มาก
มีหลายหลากพากันสรรค์เติมสี
ด้วยหลงใหลในรสคาวโลกีย์
เห็นว่าดีมิเกรงกลัวความชั่วช้า
         ช่างอนาถต่อศีลธรรมโน้มนำเสื่อม
กับกระเพื่อมเลื่อมใสว่าหรรษา
เข้าแก่งแย่งแข่งกันสุดพรรณนา
เหมือนนกมาวิวาทกันนั้นสลดใจ
         มิเป็นคู่ให้สะท้อนในดวงจิต
หลายชีวิตไปพบและสบได้
ถึงเรื่องราวคาวโลกีย์นี้กระไร
พบเห็นได้ในสถานย่านเริงรมย์
         หวังมาชมท่องไพรให้สดชื่น
เพียงระรื่นฟื้นจิตตามเหมาะสม
ก็มิอาจเป็นไปในอารมณ์
 พบความตรมซมซานหนีกลับเรือน.   

                   ๙๙๙   แก้วประเสริฐ.   ๙๙๙  				
23 กันยายน 2547 12:59 น.

อารมณ์ในอารมณ์

แก้วประเสริฐ


                       อารมณ์ในอารมณ์

           อันอารมณ์บ่มลึกผนึกดวงจิต 
แปรปรวนคิดเปลี่ยนไปได้ทุกอย่าง 
มันแฝงไว้ด้วยกรรมนำธรรมวาง 
จะเสริมสร้างอวิชชามาครอบงำ 
          หากไม่รู้แก่นแท้แน่นอนยิ่ง 
เหมือนกับลิงขึงผูกกระหน่ำซ้ำ 
เข้าวกวนหวนหามากระทำ 
แล้วหมุนนำช้ำชอกทั้งนอกใน 
          หากมิอาจละได้ในทางอวิชชา
ทหารเอกกล้าคือตัณหาไม่ปราศรัย 
ใช้ปัญญามาขจัดจนบรรลัย 
สมาธิไซร้บ่งชี้ทางสว่างอารมณ์ 
          พอสมคะเนหาปัญญาวิมุติ 
นำจิตฉุดรวมไว้จะได้สม 
ก่อกำเนิดเกิดไว้มิเพียงลม 
จนใจจมลงไว้ในอวิชชา
         พิจารณายกขึ้นไว้แลให้รู้เห็น
จัดแยกเป็นตอนตอนเสียเถิดหนา
ว่าขันธ์ห้าเกิดได้อย่างไรมา
ใช้ปัญญาแตกออกลอกทีชิ้น
         ว่ามันทำหน้าที่มีอะไรบ้าง
พร้อมโครงสร้างทางดับเกิดรู้สิ้น
ขจัดทั้งนอกและในให้เป็นอาจินต์
ฉีกทีชิ้นเผาไหม้ให้อับปาง
         เมื่อรู้เหตุแห่งการเกิดการดับ
ปัญญาขับความเขลาเข้าสะสาง
บรรจงสร้างแนวทางวางเป็นกลาง
รู้ผลขวางบนต่ำเลิศล้ำจริง
         เมื่อสติศีลปัญญาพาสมาธิแน่น
ทั่วทั้งแคว้นโลกธรรมนำสงบนิ่ง
จิตบริสุทธิ์ผุดผาดไร้ทุกสิ่ง
เป็นแนวดิ่งวาดลงตรงนิพพาน.   

              ๙๙๙   แก้วประเสริฐ.   ๙๙๙				
21 กันยายน 2547 14:09 น.

ตะวันสั่งฟ้าดาราพร่างพราย

แก้วประเสริฐ


	ตะวันสั่งฟ้าดาราพร่างพราย

         สุริยันแสงสาดส่องสู่ท้องน้ำ
พร่างพรายล้ำงามระยิบกระพริบใส
ปานประหนึ่งเพชรสกาวราวเจียรนัย
ละลานใจยามพลิ้วไหวสายใยธารา
         ระลอกคลื่นลื่นไหลกระจายฝอย
ดูอ่อนช้อยค่อยทยอยทั้งซ้ายขวา
หมุนเป็นเกลียวเลี้ยวลดวกวนมา
เสียงซ่าซ่าพาไปคล้ายดนตรี
         ลมโชยแผ่วแว่วหวานเสียงน้ำใส
เปรียบนั้นได้ในนกร้องสวนศรี
บนฟากฟ้าสุราลัยเทพนัยสตรี
พิณนารีดีดก้องยินพ้องไกล
         หวนคำนึงถึงหญิงเยาว์คนหนึ่ง
ช่างตราตรึงด้วยธรรมสุดงามใส
ทั้งในนอกผ่องแผ้วเพริศแพร้วนัยน์
ยากสาวใดกล้ำกรายแนวในทาง
         ยิ้มระรื่นยืนเด่นเห็นเป็นเอก
ท่ามัคคุเทศก์สวยสง่างามสล้าง
สองมือให้ใช้บอกธรรมลดวาง
ดุจทางสว่างผู้เฝ้าและเข้าชม
         แม้นเวลากาลผ่านมายังคงคิด
หากเคียงชิดสนิทสนมคงเหมาะสม
เห็นจะได้ยินแสดงแหล่งธรรมมารมย์
ประกอบอารมณ์ชมน้ำในยามเย็น
         แสงตะวันพลันอ่อนลับจากฟ้า
ดารามาพร่างพรายกระจายเห็น
ระยิบระยับจับท้องน้ำสวยเด่น
ดุจดั่งเช่นแสงหิ่งห้อยย้อยนภา
         ยืนมองไปให้สะท้อนถอนใจลึก
ยากมาตรึกนึกคิดใฝ่ปองหา
เพราะด้วยกาลผ่านพ้นล่วงลับมา
ด้อยวาสนายากหวนกลับทวนคืน. 

             ๙๙๙   แก้วประเสริฐ.   ๙๙๙				
20 กันยายน 2547 12:04 น.

โดดเดี่ยวเดียวดาย

แก้วประเสริฐ


โดดเดี่ยวเดียวดาย
     ช่างโดดเดี่ยวเดียวดายไร้คุณค่า
มวลดารามาหลีกเร้นหนีหาย
เหลือเพียงจันทร์นั้นหนากลับมากลาย
ดวงหทัยรันทดสุดหดหู่
       สูญสิ้นรักหักใจกายเร่ร่อน
ค่ำไหนนอนผ่อนพักน่าอดสู
มอบความภักดิ์แก่เขามิเนาวดู
ต้องไร้คู่อยู่ร้างนอนกลางดิน
       ครั้นมาหวนชวนคิดใจเจียนขาด
โถอนาถโชคชะตาฟ้าลืมสิ้น
จะมีใครไหนเล่ามาเฝ้าถวิล
ให้โรยรินอ่อนล้ามาพบคน
       ปล่อยละล่องท่องเที่ยวแนวทุ่งหญ้า
เอานภาเป็นเพื่อนไว้มิได้สน
ปล่อยชีวิตผ่านไปหมองใจหม่น
ดุจดั่งคนสิ้นไร้ในหนทาง
       โอ้ลิขิตขีดเส้นดุจบินหลา
ต้องโผหาผู้เดียวเปลี่ยวอ้างว้าง
ค่ำที่ไหนนอนนั่นพลันปล่อยวาง
แสนจืดจางหนาวเหน็บเจ็บกายี
       บางครั้งป่วยเจ็บไข้มิใครเห็น
เหมือนดั่งเช่นเดนมนุษย์จะสุดหนี
ต้องหมกร่างซุกไว้ในพงพี
ช้ำฤดียิ่งคิดไปอกให้ตรม
       โอ้แสนอนาถวาสนาในครานี้
เห็นชีวีคงสูญไปไม่เหมาะสม
ทั้งร่างกายหมายพยุงยังระบม
สุดขื่นขมภายในหวั่นใจเกรง
       ประคองกายหมายมุ่งพุ่งความคิด
มานั่งพิศพินิจดูให้โหวงเหวง
เพียงผู้เดียวเปลี่ยวหทัยได้วังเวง
มันช่างเคว้งคว้างหามาทบทวน
       ระลึกได้ในคำที่สั่งสอน
ครั้งผิดตอนคุณครูผู้สืบสวน
ให้รอบรู้ดูวางเป็นกระบวน
แล้วจึงสวนกลับไปใช่งอมือ
       เกิดเป็นคนต้องรู้สู้ชีวิต
เหมือนที่คิดร่ำเรียนเขียนหนังสือ
จะสร้างหวังครั้งนี้โลกให้ระบือ
ให้สมชื่อลือเรื่องชายชาตรี
       เมื่อคิดได้หันหวนหมายทวนกลับ
จันทร์ลาลับขอบฟ้ากระจ่างศรี
ตะวันส่องท้องฟ้าทั่วปฐพี
ชื่นชีวีเป้าหมายคลายอารมณ์.
	๙๙๙   แก้วประเสริฐ.   ๙๙๙				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแก้วประเสริฐ