6 ตุลาคม 2547 16:18 น.
แก้วประเสริฐ
นางฟ้าจำแลง
เพียงยลตะละแม่แลสุดโฉม
ช่างน้าวโน้มโลมเร้าจิตหวั่นไหว
แต่ละนางสวยเลิศเฉิดวิไล
ย่างเยื้องกรายคล้ายหงส์ผกเหิรลม
ลมโชยอ่อนแลระบัดพัดเกศา
พลิ้วไปมาละลานตาน่าสุขสม
เอวโอนอ่อนระทวยแสนชวนชม
จิตภิรมย์ชมชื่นระรื่นตา
อันวงพักตร์แต่ละนางละไมนัก
งามผ่องจักมาเทียบเปรียบสรรค์หา
ดุจดาวเดือนเลื่อนลอยบนฟากฟ้า
แสงเจิดจ้าจนใจใคร่ถวิลครวญ
นวลนางอร่ามงามล้วนแม่เจ้าเอย
ยากละเลยแลลับใจกลับผวน
หวนคำนึงพึงพิศจิตรัญจวน
ด้วยแลล้วนงามสะพรั่งดั่งดาวเดือน
องค์อุมาเทวีที่ไกรลาส
ดารดาษเพียบพร้อมยากจะเหมือน
นางเกาะกลุ่มเกี่ยวก้อยห้อยยามเยือน
สุดแชเชือนเบือนหน้าจ้องตะลึงตาม
ยามนวยนาดวาดร่างดุจกวางเจ้า
เอวองค์เว้าส่ายโยกสะโพกวาม
อะล้าอร่ามยามเยื้องกรายนงราม
ให้แลตามนางสงวนนวลละออง
สำเนียงเสียงเพียงยินจินต์ใหลหลง
กังสดาลลงตรงหทัยใคร่สนอง
ระริกระรี้ปรีดิ์เปรมเกษมปอง
ลอยละล่องท่องไปกับเสียงสวรรค์
ตลึงแลแม่นางเอ๋ยฉันเคยเห็น
ไม่เทียบเช่นเหล่าอนงค์บรรจงสรรค์
ช่างวิจิตรพินิจดูสุดจำนรรจ์
จนใจสั่นพลันระทวยล้วนงามตา.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
4 ตุลาคม 2547 14:44 น.
แก้วประเสริฐ
รำพึงคำนึงหวนฝัน
ฝืนหทัยใคร่สลัดผลักห้วงจิต
ใยผูกติดบิดเบือนยากเปลี่ยนแท้
มัดเป็นเกลียวเกี่ยวกวัดรัดดวงแด
ไร้เหลียวแลต้องรำพึงถึงอกเรา
สิ่งผ่านมากล้ำกลืนขืนอกเศร้า
ความปวดร้าวเผาจิตคิดถึงเขา
อกช้ำชอกล้ำลึกตรึกไม่เบา
บั่นทอนเอาเร้ากายาพาระทม
สายตาผ่านหน้าต่างระหว่างคิด
ทั้งชีวิตผ่านมาช่างน่าขม
ความภักดีที่มอบยังระบม
ให้ตรอมตรมบ่มฝักกักในทรวง
เหมือนบ่วงบาศมัดไว้ยากไขแก้
สุดจะแลรอบข้างยังห่างสรวง
ฉิมพลีวิมานวาดหวังครั้งตักตวง
แม้มาล่วงลับร้างเสียห่างไกล
โอ้อนาถวาสนาคราหนนี้
บั่นตัวพี่ที่หมายปองลงไฉน
ยิ่งคิดไปก็ช้ำระกำใน
ทำอย่างไรสะบัดพรากจากรักมี
วอนเทพไท้เทวาพนาสณฑ์
โปรดช่วยดลจิตใจให้ผ่องศรี
หนึ่งสองสามสี่ห้าจงปราณี
กำหนดมีขึ้นไว้ให้เป็นลม
ความปั่นป่วนขื่นขมระทมหาย
ค่อยละลายคลายทุกข์ตามเหมาะสม
เหลือแต่เพียงร่างกายผ่ายผอมตรม
อกระทมข้างในให้จืดจาง
ยิ้มเศร้าเศร้าเฝ้ายิ้มพริ้มพรายแจ้ง
แสนแห้งแล้งแบ่งปันครั้นสะสาง
ชะโอดอิ่มลิ้มรสเมื่อหมดทาง
ช่างอ้างว้างโดดเดี่ยวและเดียวดาย.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
2 ตุลาคม 2547 13:34 น.
แก้วประเสริฐ
อกหักรักโรยลา
พร่างพรมหยาดพิรุณกรุ่นกลิ่นหอม
ชโลมล้อมน้อมห้อยมวลพฤกษา
มวลบุบผามาลีหลากพันธุ์นานา
เย้ายวนตางามระยับแวววับไกล
ช่างเพริศแพร้วแวววับยามแสงส่อง
เกล็ดแก้วมองห้องสะท้อนสีสดใส
อบอวลอิงมิ่งสมรเป็นยองใย
ละลานใจให้หวนคำนึงตลึงแล
ครั้นพฤกษามาลีมาโรยล่วง
ด้วยขาดห้วงล่วงลับดุจกระแส
มิห่วงหาอาดูรสูญดวงแด
มิเหลียวแลแม้แต่ข้างเคยครอง
กลิ่นที่หวนชวนอบอวลไอรส
ยากจะจรดกำหนดคืนมาสนอง
ยิ่งนานไปสุดหวนให้ชวนตรอง
เหลือแต่ห้องซากบุบผามวลมาลี
นั่งพิงมองมาพิศยิ่งจิตเศร้า
ไอศูรย์เราเคล้าต้องหมองจนศรี
แสนเทวษมินำพายามราตรี
เหลือตัวพี่อ้างว้างคราระทม
อกแทบขาดสิ้นสลายมลายแล้ว
สิ้นหมดแถวแนวทางสร้างสะสม
หวานสุดหวานถึงครามาระบม
น้ำผึ้งขมตรมรักหักเจียนตาย
แสงจันทร์สาดห้องหอเคยพะนอ
คงจะรอวันสิ้นภินท์สลาย
ดุจชีวิตปิดกั้นคอยวันวาย
สิ้นมลายคลายห้วงที่ชมชื่น
สะอื้นจิตคิดไปใครเล่าหนอ
จะเคล้าคลอพะนอรักยากสุดฝืน
เหลือเพียงปมขมผูกถูกกลมกลืน
หัวใจฝืนคืนยากอยู่เดียวดาย.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
29 กันยายน 2547 11:23 น.
แก้วประเสริฐ
ที่รักฉันยังรักเธอเสมอ
เสียงนกร้องจ้องมองเห็นจู๋จี๋
ดูเป็นที่สุขสันต์เกษมสาน
หวนรำลึกถึงวันเมื่อวันวาน
ความชื่นบานจางหายละลายไป
ยิ่งเพ่งพิศพินิจหวนครวญในอก
สุดช้ำฟกหมกไหม้ยากผ่องใส
มันหมองหม่นปนเศร้าอยู่ภายใน
กว่าสิ่งใดช่างสลายกลายเป็นตรม
ยิ่งมาพบสบเข้านิจจาเอ๋ย
รักที่เคยฟูมฟักหักขื่นขม
ลอยละล่องจางหายกลายเป็นลม
แสนตรอมตรมระทมยากบอกใคร
นี่แหละหนอพอรักไม่ยักคิด
ควรพินิจพิจารณาสูงต่ำไว้
ด้วยหลงรูปคำหวานนั่นกระไร
เป็นเหตุให้พานพบสบระกำ
แสนปวดแปลบเข้าทรวงลงห้วงจิต
ใจหวนคิดปลิดอารมณ์จนหมองคล้ำ
หน้าหมองหม่นปนเศร้าด้วยเขาทำ
สุดชอกช้ำหนามเหน็บเจ็บในทรวง
โอ้อกเอ๋ยเคยเห็นทุกเย็นเช้า
บัดนี้เล่าอยู่ไหนหรือไปสรวง
เข้าฉิมพลีวิมานแมนเข้าตักตวง
เสวยห้วงโลกีย์เคล้าแล้วเฝ้าโลม
ร่วมภิรมย์สมสู่เป็นชู้ชื่น
คงระรื่นชื่นหวานดุจแสงโสม
เหลือแต่ซากกากไว้แล้วก็โทรม
ที่ระบมมีเราคงเฝ้าคอย
ถึงอย่างไรใจฉันยังพันผูก
แม้นจะถูกบั่นรักรู้จักถอย
ได้แต่ฝันพันพัวจนตาลอย
จำต้องปล่อยลอยไปตามโชคชะตา
ขอฝากคำพร่ำเพ้อละเมอนัก
คำว่ารักลมไว้ส่งไปหา
ถึงหญิงนี้มีด้วยคำวาจา
ที่ผ่านมาที่รักฉันรักเธอ.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
26 กันยายน 2547 16:14 น.
แก้วประเสริฐ
ตำรา กำราบเมีย
จำเนียรกาล นานมา ตำราบอก
ทั้งเมียนอก เมียใน ให้ยึดถือ
สรรพวิธี โทงเทง เร่งฝึกปรือ
ทำแล้วเมีย ไม่ดื้อ คงชื่อชาย
อันคู่ผัว ตัวเมีย ได้-เสีย แล้ว
เสียงที่เคย หวานแจ๋ว ก็จางหาย
เหลือแต่เสียง แว๊ดแว๊ดหู ไม่สบาย
แถมมือปัด เท้าป่าย ไม้พร้อมมา
ตำราว่า เรื่องนี้ ไม่มียาก
เลี้ยงดูเมีย ไม่ลำบาก ฝากเลยหนา
ข้อที่หนึ่ง พึงนิ่ง สงบวาจา
ข้อที่สอง มอบเงินตรา ให้ยาใจ
ข้อที่สาม งานเรือน ไม่เบือนบิด
ข้อที่สี่ ทุกคืนสะกิด ด๋าวด่าวสมัย
ข้อที่ห้า ห้ามด๋าวด่าว กับผู้อื่นใด
ข้อที่หก ยิ้มใสใส ไม่ขุ่นมัว
ข้อที่เจ็ด เด็ดขาด ตวาด ครับ
คำสั่งมา ให้รับ ครับทูนหัว
ข้อที่แปด นวดอิดออด ตลอดตัว
ข้อที่เก้า ทำเกรงกลัว ตลอดเวลา
ข้อที่สิบ หยิบแม่ แช่บนหิ้ง
กราบเช้า-ค่ำ ไม่ประวิง นิ่งจ๊ะจ๋า
ทำเช่นนี้ สำรวมใจ กาย-วาจา
เมียเริงร่า ให้ผัวเลี้ยงเตียงไม่พัง ฯ
ต่อด้วย .. การมีภรรยา เหมือนมีทุกข์อย่างยิ่ง ภรยตามา ปรมา ทุกขา
มีเมีย เหมือนมือถือ เป็นเหมือนสื่อคอยติดตาม
มีเมีย เหมือนมียาม คอยสอบถามยุ่มย่ามใจ
มีเมีย เหมือนมีบ้าน อยู่นานนานย่อมเบื่อได้
มีเมีย เหมือนมอไซค์ ซิ่งเร็วไปอาจเสี่ยงตาย
มีเมีย เหมือนมีรถ ราคาหดเวลาขาย
มีเมีย เหมือนผีพราย หากร่างกายไม่แต่งเติม
มีเมีย เหมือนม้าห้อ ควบไม่รอยามฮึกเหิม
มีเมีย เหมือนบัตรเสริม ต้องคอยเติมเงินเรื่อยไป
มีเมีย เหมือนปีศาจ ยามอาละวาดน่าตกใจ
มีเมีย เหมือนมีไห ปลาร้าใส่หลายร้อยปี
มีเมีย เหมือนมีคอมพ์ ต้องคอยซ่อมบ่อยเหลือที่
มีเมีย เหมือนปลากระดี่ ได้น้ำดีก็จากไป
มีเมีย เหมือนดั่งเสือ ขย้ำเหยื่อจะเหลือไร
มีเมีย เหมือนกรรไกร ตัดทีไรขาดทุกที
มีเมีย ชอบจ่ายดะ ซื้อไม่ละ..นะคุณพี่
มีเมีย ชอบเซ้าซี้ บ่นทุกทีที่เจอกัน
มีเมีย ละเหี่ยใจ แล้วทำไมชอบมีกัน
มีเมีย ไม่สร้างสรรค์ จำให้มั่น อย่ามีเมีย
(โปรดเก็บเอกสารฉบับนี้ให้พ้นมือเมีย)
หมายเหตุ.......เพื่อนๆส่งมาให้เลยเอามาฝากเพื่อนชายทั้งหลาย ผมไม่ได้แต่งหรอก และไม่รู้ใครแต่งเสียด้วยหากใครรู้บอกด้วยครับ เห็นขำขันดีเลยเอามาฝากเพื่อนนะครับ.........แก้วประเสริฐ.