12 มิถุนายน 2548 22:13 น.

เหนื่อยนักขอพักใจ

แก้วประเสริฐ


             เหนื่อยนักขอพักใจ

       นึกถึงมธุรสวาจานำมากล่าว
ช่างพริ้งพราวน่าชมภิรมย์เสนอ
งามวิจิตรพิศดูแสนเลิศเลอ
สุดท้ายเจอแต่พลิ้วปลิวลอยลม

      ล้วนกำซาบอาบซ่านสะท้านห้วง
เกือบหลงบ่วงอกตรมจนขื่นขม
ยังระทึกนึกประหวั่นแทบเป็นลม
คงตรอมตรมอ้างว้างร้างกลางเพ็ญ

       สำเนียงแจ้วแว่วหวานซึมผ่านจิต
อดจะคิดถึงราตรีที่เฝ้าเห็น
กลิ่นเสน่ห์ฝากเนาเคล้าเยือกเย็น
บุบผาเน้นหอมกรุ่นดุจซ่อนรัก

       สกาวพร่างกลางนภาฟ้าใสสด
จันทร์ทรงกลดงดงามสิ่งประจักษ์
ประกายดาวไร้เมฆามาทายทัก
เคยฝากรักหวานชื่นคืนอาวรณ์

       น้ำค้างพรมลมโชยโปรยความฝัน
ล้วนเสกสรรพันแต่งเข้าหลอกหลอน
ท่ามกลางพฤกษ์ราตรีกลีบขจร
แสนสะท้อนยากนักขอพักใจ

       โอ้คืนนี้นี่หนอขอเคียงคู่
เคียงชิดหมู่เดือนดาวอันสดใส
อีกนภาเมฆาแสนอำไพ
มวลแมกไม้บุบผานานาพันธุ์

       ตลอดจนแนวพนาอีกสารพัด
รวมหมู่สัตว์เป็นเพื่อนเยือนสุขสันต์
กล่อมหัวใจข้าน้อยร้อยชีวัน
หล่อหลอมจันทร์เจิดจ้าท้าราตรี

       เดือนดาวน้อยนภาจวนลาลับ
มิหวนกลับสร้างใจให้สุขี
จะเสริมสร้างอารมณ์เท่าที่มี
ก่อนสุรีย์ฟ้าสางกระจ่างจร.

     ๙๙๙   แก้วประเสริฐ.   ๙๙๙
				
11 มิถุนายน 2548 12:13 น.

สุดคว้าไขว่รัก

แก้วประเสริฐ


                                สุดคว้าไขว่รัก

 ..๏ แสงตะวันส่องพื้น                   สนธยา
มวลหมู่นกเมฆา                         หันฟ้า
เหินกลับสู่เคหา                           รังห่าง   ฮักแฮ
ใยเกี่ยวอกใจล้า                          ส่งข้าหม่นหมอง   ๚

    รำพึงพันกลั่นพ้อง                    จางใจ   จริงเฮย
เหมือนหลั่งลงทรวงใน                  ร่ำร้อง
อกเคยว่างสดใส                          มืดหม่น   หมองนา   
คราหนึ่งจักเพียรคล้อง                  สู่ซ้องแมนสรวง   ๚

     เมฆาลอยล่องริ้ว                      ลอยลม
ไหวหวั่นฤทัยตรม                          เบิ่งว้าง
ลมโชยซ่านอารมณ์                       ขมขื่น  คนึงแล
ตะละแม่ห่างร้าง                            ชอกช้ำเรียมสงวน   ๚

    ดึงพิณสายกรุ่นพลิ้ว                 กล่อมนาง
ฝากส่งลมมอบกลาง                    ใส่ห้วง
รึงรัดรักมอบวาง                          รุดล่วง   นางแฮ
เคยพร่ำพรอดอิงห้วง                    หาดน้ำทะเลไหว   ๚

    เสียงเพลงหวานซ่านซึ้ง           รัญจวน
หวิวหวีดผ่านลมครวญ                 ป่วนสิ้น
โหยหวนแนบกำสรวล                  สุดซ่าน   รึงนา
อกพี่แทบขาดดิ้น                         เบิ่งร้างกลางไศล   ๚   

     สุรีย์ศรีลับฟ้า                         ลาจร
จันทร์ส่องแสงสะท้อน                  สู่หล้า
ดาราเริงร่าขจร                           ฉายส่อง   งามแล
เสียงพิณยังแกร่งกล้า                  โลมเร้าราตรี  ๚ 

     อกเอ๋ยอกกูนี้                         ใฝ่คนึง
ยากที่จะโน้มดึง                          จากฟ้า
สูงเกินกว่ารัดรึง                          ขึงเหนี่ยว   ลงแฮ
จวบกว่าดินกลบหน้า                    ห่วงข้าคงสลาย     ๚

     สวมกอดพิณแนบไว้                ทรวงกาย
ยืนเพ่งพิศนภาลัย                        อ่อนล้า
น้ำค้างหยาดส่งกราย                    ลงสู่   แนบแล
ลาส่งดวงใจข้า                             ล่วงฟ้าแมนสรวง.   ๚ะ๛

               ๙๙๙   แก้วประเสริฐ.   ๙๙๙    
				
9 มิถุนายน 2548 10:58 น.

ร้อยใจรัก

แก้วประเสริฐ


ร้อยใจรัก
         ขอจัดร้อยสร้อยห่วงบ่วงความรัก
สมานสมัครเพริศพริ้งสู่สิ่งฝัน
กำซาบช่วงห้วงรักนิจนิรันดร์
ผูกพันกันสายสวาทมิคลาดคลอน

         กาลรัญจวนหวนผ่านรำพันลึก
ผ่านผนึกแนบจรัสมัดความหลอน
น้ำเย็นหลากซาบซ่านแล้วกลับจร
ความอาวรณ์ขอเฉลยต่อสิ่งครวญ

         โอ้อกเอ๋ยใยพบประสบเจ้า
รู้ไหมเฝ้าปวดร้าวแสนกำสรวล
อดตลึงคะนึงหายามทบทวน
ยิ่งปั่นป่วนรวนร้าวน้าวอกตรม

         จะจัดเจ้าเนาวรัตน์มัดรวมไว้
เสกมนต์ให้มารวมมิขื่นขม
ทั้งสูงต่ำดำขาวแล้วเฝ้าชม
แยกเข้าพรมบ่มสวาทมิคลาดครา

         เรียงลำดับจับตามนามอักษร
ตามขั้นตอนอ้วนผอมพร้อมจะหา
แล้วเสกคาถาอาคมด้วยมนต์ตรา
ผูกวิญญามิให้ร้างหนีห่างจร

         โอมมณีเกศแก้วแนวขันจบ
จงมาพบลงในช่วงห้วงแห่งศร
พระพิฆเนศวรเทพเจ้าข้าวิงวอน
ประทานพรเสน่หามัดพาวิญญาณ

         อีกพระขันธ์กุมารชาญแนวรบ
ในสามภพเชิงรักมาประสาน
พระแม่เจ้าอุมาขอประทาน
พระศิวะท่านโปรดอำนวยด้วยความรัก

         ทั้งฤาษีห้าองค์ทรงเรืองฤทธิ์
มนต์ศักดิ์สิทธิ์อิทธิฤทธิ์จงประจักษ์
เป่ามนต์ตราในศรอย่าช้านัก
เพื่อนำชักเหล่านางมากลางใจ

         โอมอิทธิมเหศักดิ์อย่าผลักหนอ
ข้าจะขอมนต์วิเศษเวทย์สดใส
มาร้อยเป็นสร้อยสว่างกระจ่างใน
ที่หายไปกลับแคว้นแดนพสุธา

          จะนำสร้อยร้อยใจใกล้ชมชิด
แล้วเพ่งพิศหวนคำนึงถึงเสน่หา
เข้ากอบสู่ห้วงรักประจักษ์วิญญาณ์
เพื่อนำมาสวมใส่ให้พริ้งพรรณ.

( เสนอสนองคนเจ้าชู้ลำดับที่ ๙ ที่เขาจัดไว้...ฮ่าๆๆๆ)

          ๙๙๙   แก้วประเสริฐ.   ๙๙๙

				
7 มิถุนายน 2548 12:15 น.

รูปแห่งสัญจร

แก้วประเสริฐ


                   รูปแห่งสัญจร

         อันรูปกายนี้หนอใครรู้บ้าง
ที่มุ่งสร้างจัดแต่งแหล่งสังขาร
ทั้งสวยงามหมดจดราวจักรวาล
จนตลึงลานผู้พบประสบเห็น

         รูปนี้หรือคือธาตุของทั้งห้า
รวมกันมาปรุงแต่งแบ่งสรรค์เช่น
จัดการจูงช่วยเหลือตามประเด็น
หน้าที่เข็นชักนำของนามธรรม

         รูปคือลักษณ์อาการเข้ากำหนด
ก่อตัวกฎเวรกรรมนำผูกซ้ำ
เข้าสืบต่อทรุดโทรมน้อมนำ
มุ่งกระทำปรวนแปรแตกสลาย

         รูปจัดสรรอาการแปลงแปลกพิเศษ
แบ่งเป็นเขตเบาสลวยด้วยความหมาย
ควรแก่การใช้งานได้มากมาย
ทั้งอ่อนไหวหนักเบาตามทำนอง

         การเคลื่อนไหวของรูปรู้ความหมาย
โดยใช้กายเป็นสื่อเข้าสนอง
แทนวาจากล่าวได้ตามครรลอง
เสียงมิต้องก็เข้าใจในภาษา

         รูปนี้หนอกำหนดเทศะสภาวะ
ช่องว่างจะกำหนดเข้ารวมหา
เข้าสรรค์สร้างทดแทนสิ่งเข้ามา
เพื่อนำพามูลเหตุส่งเขตนาม

         รูปเป็นประสาทสำหรับปรับอารมณ์
ตามจิตบ่มค้นคว้ามิเกรงขาม
ที่ผ่านเข้าตาหูจมูกลิ้นกายชั่วงาม
ส่งเข้าตามจิตเจตสิกรู้อินทรีย์

         เข้าเป็นรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ
สัมผัสกายะวิวิธตามแห่งที่
ของมหาภูตสร้างไว้เท่าได้มี
แบ่งฉิมพลีอินทรีย์ความเป็นไป

         จัดเป็นรูปสภาวะแบ่งแห่งเพศ
ตามขอบเขตหญิงชายมิผลักไส
ด้วยหมายรูปกายใจตั้งเอาไว้
รูปหทัยเป็นเหตุส่งอินทรีย์

         อันอินทรีย์นี้หรือคือชีวิต
ที่ผูกติดกับรูปของอาหาร
เข้าเสวยหนักเบาตามต้องการ
ด้วยจัดผ่านวัตถุและอารมณ์

         จนวนเวียนเกาะกุมหนุนตามรูป
เวรกรรมยุบพองเบาเข้าเสพสม
อุปาทานใหญ่เล็กแสดงชม
ดีชั่วข่มบ่มสร้างเป็นรูปธรรม

         นี่แหละหนอคือเหตุแห่งกายรูป
ที่น้อมผูกจัดสรรผันเลิศล้ำ
สู่วัฏฏะสังขารตามเวรกรรม
ร้อยเงื่อนงำนำสู่รูปกายา.

       มหาภูต คือ  ดิน น้ำ ลม ไฟ และ อากาศธาตุ (รวมถึงวิญญาณธาตุ)
รูปลักษณะใหญ่มี อยู่ 2 ประการด้วยกันคือ
1. รูปธรรม คือ สภาวะอันเป็นรูป สิ่งที่มีรูป ได้แก่รูปขันธ์ทั้งหมด
2. อรูปธรรม คือ สภาวะมิใช่รูป สิ่งที่ไม่มีรูป ได้แก่นามขันธ์ 4 
    (ได้แก่ เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ)  และ นิพพาน
       ที่ข้าพเจ้าได้กล่าวมานี้เป็น เพียงรูปกายเนื้อที่สัมผัสได้เท่านั้นแต่ได้สอดแทรก
นามขันธ์บางส่วนไว้ประกอบด้วยกัน ขออำนาจ พุทธานุสติ จงมีแด่ผู้อ่านทุกท่านเทอญ.
               พุทธงฺ  สรณํ  คจฺฉามิ
               ธมฺมงฺ  สรณํ  คจฺฉามิ
               สงฺฆงฺ   สรณํ คจฺฉามิ
              นิพพาณงฺ  ปจฺจโยโหตุ.

           ๙๙๙ 	แก้วประเสริฐ.   ๙๙๙
               ๗ มิถุนายน ๒๕๔๘
                      ๑๒.๐๐ น. 				
6 มิถุนายน 2548 11:50 น.

ลูกกำพร้า

แก้วประเสริฐ


                          ลูกกำพร้า

         เปลี่ยวเดียวดายเจียนใจแทบจะขาด
แสนอนาถต่อชีวิตที่คิดผวน
ล้วนสิ่งสร้างมิได้ยากรัญจวน
เกิดชนวนใส่ไว้ฝังใจจำ

         มองรำพึงเมื่อเห็นชนทั้งหลาย
วนเวียนไปดูตัวเรานึกขำ
เขาสนุกแต่เราทุกข์แสนระกำ
เช้าจดค่ำยากจะหาอะไรทาน

         ยามพ่อแม่สิ้นไปใจหมองหม่น
เหลือจะทนคงกระดาษที่เป็นสาร
ข้อจารึกผนึกไว้ดุจวันวาน
จงสร้างสรรค์ชีวิตลูกอย่าผูกพัน

         ในโลกนี้อย่าพะวงมัวหลงใหล
ปวงชนไซร้เห็นแก่ตัวอย่ามัวฝัน
ตัวของเราถึงจนช่างหัวมัน
จงกระสันผันชีวิตคิดสร้างดี

         ใฝ่คำนึงพึงสร้างหนทางไว้
สติปัญญาใช้กำหนดเป็นกฎศรี
วางระเบียบแบบแผนอย่ารอรี
ทุกชีวีมีช่องว่างแนวทางเดิน

         จำคำสั่งพ่อแม่เฝ้าแลสอน
อย่าอาวรณ์ผ่อนหนักยามหกเหิน
ความอดทนล้วนเป็นบ่อแห่งเจริญ
อย่าหลงเพลินสิ่งยวนเย้าที่เข้าครอง

         น้ำตารินหยดเปื้อนรอยกระดาษ
ที่ดารดาษคำสั่งพ่อขอสนอง
โอ้แม่จ๋าต่อไปมิคิดลอง
สิ่งทั้งผองผ่านมาข้าผิดเอง

         มองผ้าเหลืองเรืองรองใสสีสด
ยิ่งรันทดจิตมิกระฉับกระเฉง
จะขอบวชแทนคุณพ่อแม่เอง
สึกมาบรรเลงลือลั่นสนั่นเมือง

         สาธุสะวันทาขมามิหัง
พุทธายังหนุนเกื้อให้ฤาเลื่อง
แจ่มจรัสปัญญาข้าจงรุ่งเรือง
สติเฟื่องเรืองฤทธิ์อิทธิไกร

         นโมตัสสะขอละต่อสิ่งชั่ว
มิเกลือกกลั้วมัวเมาสิ่งหลงใหล
อีกขันธ์ห้าพาลี้หนีห่างไกล
ทำจิตใจให้สว่างกระจ่างนิพพาน

          นิพานังปัจจโยโหมิ
เอาสติปัญญามาขับขาน
จนลือเลื่องเฟื่องฟูกู่นิพพาน
ละสังขารคงไว้เพียงใจเรา.

   ๙๙๙   แก้วประเสริฐ.   ๙๙๙				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแก้วประเสริฐ