6 กรกฎาคม 2548 06:27 น.

สิ้นแสงสุรีย์ชีวีแปรผัน

แก้วประเสริฐ


                  สิ้นแสงสุรีย์ชีวีแปรผัน

        ตะวันรอนอ่อนแสงจรดปลายฟ้า
มวลเมฆาลอยพลิ้วแลปลิวไสว
ท้องธาราระลอกกระฉอกไกล
คลอนฤทัยอารมณ์ภิรมย์เพลิน

       เหล่าสกุณาร่ำร้องก้องเวหา
ลมโชยพาต้นไม้ตามแนวเขิน
ระบัดใบไหวพลิ้วริมทางเดิน
ไพเราะเกินกว่าเสียงเวียงพิมาน

       กลิ่นหอมหวนชวนเคล้าช่างเย้าจิต
พฤกษาผลิตมาลีชาติวาดแต้มสาน
หลายหลากสีมีเห็นเด่นตระการ
ดุจวิมานกลางไพรพฤกษ์ผนึกวนา

       สำเนียงเสียงซู่ซ่าน้ำผาตก
อีกวิหคขับร้องก้องตามประสา
ทั้งแมลงกรีดเสียงยามบินมา
ไร้มายาพาเพลินเจริญฤทัย

       ทวิบาทโผล่หน้ากลางไม้พุ่ม
ที่สุมทุมด้วยดอกสีแดงใส
เป็นจุดด่างเหลืองดำงามวิไล
เฉิดไฉไลสุดกล่าวเฝ้ารำพัน

       กระแสน้ำไหลพุ่งฟุ้งจับต้อง
เป็นละอองเย็นฉ่ำล้ำสุขสันต์
อยู่คนเดียวกลางป่าพนาวัลย์
ชุบชีวันผันผ่านลานระทม

       ลมเอ๋ยลมลมรักประจักษ์แล้ว
แม้นเพริศแพร้วกระจ่างสร้างขื่นขม
บัดนี้เล่าธรรมชาติสร้างล้างสิ่งตรม
นำระทมแลลับมิกลับมา

       สุริยันผันชีวิตดุจสิ้นแสง
ความร้อนแรงเหือดหายคล้ายเวหา
ที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนยากเพียรมา
ปล่อยเวลาเคลื่อนคล้อยล่องลอยตาม.

    ๙๙๙   แก้วประเสริฐ.   ๙๙๙
				
3 กรกฎาคม 2548 10:24 น.

สิ้นขมิ้นจินต์เทวษ

แก้วประเสริฐ


                สิ้นขมิ้นจินต์เทวษ

       ขมิ้นน้อยบินลับจากไพรเขต
แสนเทวษพรั่งพรูดูคล้ายฝน
ชโลมพื้นดวงใจวกไหลวน
สิ่งวิมลเลือนหายมลายตาม

       โอ้ชะตาชีวิตคงคิดแกล้ง
ล้วนแอบแฝงสิ่งหวังดังขวากหนาม
มาปิดกั้นความหลังครั้งเคยงาม
เลยลุกลามลงห้วงช่วงเฝ้าปอง

       แลเหลียวมองคอนอยู่สู้ถอดถอน
นึกสะท้อนเสียงแจ้วแผ่วสนอง
เหลือเพียงลมโบกพัดสั่นไหวมอง
สิ่งทั้งผองหายลับไปกลับตา

       ตะวันลับกลับค่ำพร่ำเรียกร้อง
เสียงกึกก้องสู่แนวแพรวพฤกษา
กรูกุ๊กกรูนกเขาแว่วเข้ามา
ย้ำอุราเหลียวหาเหลือรังคอน

       ช่างเวิ้งว้างว่างเปล่าเงาสูญสิ้น
ยากโบยบินค้นหาพาสะท้อน
ป่วนฤทัยเฝ้ามองเพียงรังนอน
แสนอาวรณ์คงไว้เพียงใจคนึง

       หยดน้ำค้างพร่างพรมลมหนาวสั่น
นึกถึงวันอยู่เคียงเพียงใฝ่ถึง
ลำนำเพลงพฤกษาที่ตราตรึง
อันลึกซึ้งคำหวานปานรจนา

       ขมิ้นเอ๋ยจากไปเปลี่ยนใจหรือ
ความยึดถือแปรผันสิ่งหรรษา
เคยฉอเลาะผูกพันสุดพรรณนา
เจ้าร้างลาฝากไว้แค่ให้รัง

       ความมืดครึ้มปกคลุมอาณาเขต
สิ่งเทวษแผ่ซ่านพลันสิ้นหวัง
ห่อปีกลงซบหน้าละล้าละลัง
 หมดกำลังปล่อยใจให้เลื่อนลอย.

     ๙๙๙   แก้วประเสริฐ.   ๙๙๙
				
1 กรกฎาคม 2548 12:15 น.

จักรยานคนงาม

แก้วประเสริฐ


                   จักรยานคนงาม

       เสียงกริ๊งกร๊างดังแผ่วแว่วสะท้อน
อรชรนงนุชคนสุดสวย
ขับขี่ผ่านหน้าบ้านอ่อนระทวย
แต่งตัวด้วยสีสันต์สุดพรรณราย

       ทั้งรูปลักษณ์งามงอนช่างอ่อนไหว
ดูละม้ายสายฝนหล่นเป็นสาย
สร้างความฉ่ำสดชื่นอีกมากมาย
ยามขี่ไปสุดซ่านซ่าวิลาวัลย์

       อดรำพึงยืนจ้องมองจนคล้อย
เหมือนเลื่อนลอยจากฟากฟ้าแดนสวรรค์
ลงเนินเขาเลี้ยวหายลับมิจำนรรจ์
เสียงแว่วนั้นเลือนหายไกลสุดตา

       ปานประหนึ่งภาพลักษณ์ประทับจิต
ยากเนรมิตหวนกลับเสียแล้วหนา
เฝ้ายืนจ้องเมียงมองตามเวลา
เมื่อไหร่มากริ๊งกร๊างสร้างคำนึง

       แล้วทอดน่องเดินไปในวิถี
แนวเนินที่ลาดลงยังพะวงถึง
มวลไม้ดอกนาพันธุ์นั้นตราตรึง
ยังไม่ซึ้งถึงนวลนางกลางอารมณ์

       ลับเหลี่ยมเขาพลันกระจ่างสว่างจ้า
พันธุ์พฤกษาเรียงรายตามเหมาะสม
ดอกทานตะวันมากมายให้ภิรมย์
มองชื่นชมหมู่ภมรร่อนเวียนวน

       บ้างเคล้าคลอเคียงข้างระหว่างเกสร
ผีเสื้อว่อนหลากสีช่างน่าสน
ทั้งแมงปอโฉบเฉวียนเคล้าระคน
อีกทั้งคนยืนมองประลองลักษณ์

       บ้างถ่ายรูปเป็นกลุ่มหรือเอกเทศ
บ้างเอกเขนกนั่งพิงต้นไม้สัก
รวมถึงสาวอรชรที่ประจักษ์
น่ารักจักรยานพิงคู่อยู่ริมทาง

       ตะลึงมองจ้องนางพลางอมยิ้ม
โอ้จิ้มลิ้มเกินกว่ามาสะสาง
อนงค์นารถหยาดฟ้าสุรางคนางค์
ยังต้องว้างอายเขินเผชิญเธอ

     บังเอิญเธอหันพบมาประสบ
กลับมิหลบแลบลิ้นหลอกจนเก้อ
สะท้านห้วงทรวงอกแทบละเมอ
เกือบพร่ำเพ้อหันอีกทีเธอลี้จร.

   ๙๙๙   แก้วประเสริฐ.   ๙๙๙
				
30 มิถุนายน 2548 10:25 น.

ฟ้าเปลี่ยนสี

แก้วประเสริฐ


                 ฟ้าเปลี่ยนสี

     คืนพระจันทร์ส่องพร่างสว่างฟ้า
เงาปริศนาทอทาบรับสีแสง
พริบระยับแพรวพราวเคล้าปนแดง
ดูเหมือนแข่งเรืองรองครองวิไล

     สายสวาทพิลาสรักพาดสู่ฝัน
จำเนียรกาลเฉิดฉันท์พลันหนีหาย
มอบไออุ่นสิเน่หาแล้วคลาไคล
ล้วนไฉไลไปห้วงแห่งดวงดาว

     ฤทัยครวญปั่นป่วนชวนหวนคิด
หมายจะปลิดลงมาจากห้วงหาว
แลชะแง้เหลียวหาทุกคราคราว
เมื่อไหร่ดาวดวงน้อยล่องลอยมา

     ละอองแก้วแววหยดจากต้นโศก
ลมพัดโบกแผ่ซ่านสะท้านหา
อกแห้งเหี่ยวหมดหวังรั้งสายตา
หยาดนางฟ้าพรมพร่างมิสร่างปอง

      คอยบุญพาวาสนาคราสูงเด่น
สิ่งที่เร้นมิหวนกลับมาสนอง
สู่อ้อมแขนอบอุ่นเคยหนุนรอง
จะประคองแนบไว้มิห่างกาย

     โอ้ใยฟ้าลาลับเสียแล้วหรือ
สิ่งยืดถือมาพรากแลเลือนหาย
ทิพากรส่องแสงสีพรรณราย
สาดกระจายไร้ดาวที่เฝ้าคอย

      อุษาสางสว่างแล้วแก้วตาเอ๋ย
ยอดทรามเชยสิ้นแล้วที่จะสอย
พรหมลิขิตขีดเส้นแค่เพียงรอย
แสนเลื่อนลอยแลลับมิกลับคืน

      เสน่หาอาลัยคล้ายลมหวน
ช่างแปรปรวนยากผ่านจนสุดฝืน
ครั้งมีรักหักใจใฝ่กล้ำกลืน
สุดพลิกฟื้นคืนกลับไกลลับตา.

   ๙๙๙   แก้วประเสริฐ.   ๙๙๙ 				
28 มิถุนายน 2548 21:56 น.

นางฟ้าแสนสวย

แก้วประเสริฐ


                  นางฟ้าแสนสวย

       ระรวยรินกลิ่นหอมพฤกษาชาติ
ดารดาษอบอวลชวนใฝ่ฝัน
สำเนียงแจ้วแว่วหวานซ่านชีวัน
ภูผากั้นเป็นแนวเพริศแพรวพราว

       ณ ริมหาดคลื่นซัดเสียงสาดซ่า
รุจีมาทาบละอองสีผ่องขาว
เป็นแวววับจับนัยนาเป็นรุ้งวาว
มองเห็นสาวพริ้มเพราเร้าอารมณ์

       เปรียบอัปสรจากฟ้ามาสู่พื้น
งามแช่มชื่นแย้มยิ้มพริ้มเหมาะสม
สวยบริสุทธิ์ยากจะหมายใฝ่ภิรมย์
เธอนั่งชมเหม่อมองท้องทะเล

       ลมพัดโชยภูษาพลิ้วเป็นริ้วไสว
สิ่งคลุมลายสีสันต์ยากหันเห
ดูสวยสดสะดุดตาใจว้าเหว่
ความไก๋เก๋ของนางสร้างรัญจวน

       ภาพความงามคลื่นน้ำที่ยามซัด
ละอองจัดรุ้งทองส่องแสงล้วน
ทาบผิวผ่องต้องนางอร่ามนวล
ใจยิ่งป่วนชวนใฝ่คิดหมายปอง

       แสนหยาดยิ้มพริ้มพักตร์ใจชักสั่น
มองภาพนั้นสุดซึ้งตรึงสมอง
ท้องทะเลภูผาฟ้ายังเป็นรอง
สิ่งทั้งผองรอบข้างยังหมางมัว

       โอ้นงลักษณ์งามยิ่งจริงแน่แท้
ยามเหลียวแลยิ่งผวาฟ้ายังสลัว
สุริเยศหนีหายละอายตัว
มิพันพัวรังสีนางสว่างไกล

       ประกายพรรณรูปลักษณ์จักใจแล้ว
เลิศพริ้งแพร้วพรรณรายสวยสดใส
ทั้งรูปทรงท่วงท่ายามคลาไคล
เฉิดไฉไลแม้สามภพจบแดนดิน.

   ๙๙๙   แก้วประเสริฐ.   ๙๙๙  
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแก้วประเสริฐ