15 สิงหาคม 2548 09:21 น.
แก้วประเสริฐ
* สิ่งที่ฉันรอคอย *
* แสนเสียดายในสิ่งเฝ้าอิงรัก
ยามหวนกลับพิงพักจะมักหา
สำเนียงถ้อยร้อยคำเคยนำมา
ล้วนเจรจาหวานหูมิรู้โรย
กุหลาบรักครั้งอยู่ก้านชูดอก
เมื่อตัดออกจากต้นดูแห้งโหย
ดั่งพื้นแล้งแห่งดินสิ้นฝนโปรย
จะลาโรยเหี่ยวแห้งดุจแฝงใจ
เมื่อชูช่อล้อภุมรินกลิ่นหอมหวน
ยามอบอวลล้วนสิ่งแสนสดใส
กลีบเกสรก้านดอกทั้งขอบใบ
สร้างไฉไลในหมู่ผู้หมายปอง
ตะวันแสงสีสรรค์พลันโรยอ่อน
ดวงจันทร์อ้อนอาวรณ์ผ่อนสนอง
มอบทุกสิ่งไว้อิงใจหมายครอง
แม่นวลน้องฝากไว้ในสุริยคราส
ด้วยที่หวังรอคอยอ่อนด้อยยิ่ง
มิอาจเฝ้าพักพิงล้วนสิ่งอนาถ
พิลาสรักครั้งนี้คล้ายดังคราด
เกี่ยวกวัดพันพาดล้วนขาดตอน
นี่นะหรือสวรรค์อันเกี่ยวก้อย
ใจที่ร้อยผูกไว้ได้ถูกหลอน
ดูหวานชื่นรื่นรสรักร้าวรอน
ช่างยอกย้อนร่อนเร่มิเห่มา
อันคำคมลมรักฝากใจซึ้ง
ความหวานตรึงปานผึ้งคลึงบุปผา
เสน่ห์รักหักอกหมกวิญญาณ์
สิ่งค้นหากลับคอยแสนน้อยใจ
นกขมิ้นเหลืองอ่อนย่อมผ่อนพัก
เมื่อสิ้นรักถูกพรากรักจางหาย
หัวใจน้อยคอยคู่อยู่เดียวดาย
สร้างรังไว้กลับกลายคอนไร้คู่
ดั่งรอคอยตะวันจันทร์เปลี่ยนสี
วสันต์ที่ปั่นป่วนยังหวนสู่
เหมันต์ยังย่างกรายเมื่อปลายฤดู
แม่โฉมพธูแลหายคล้ายฝนคลาย
สิ่งที่ฉันรอคอยช่างน้อยนิด
ยามหวนคิดพัวพันฝันสลาย
เหมือนดั่งเฝ้าเรือน้อยล่องลอยไป
แตกกระจายแลลับไม่กลับมา.*
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
13 สิงหาคม 2548 14:41 น.
แก้วประเสริฐ
*เสียงแว่วจากหัวใจ*
ความสุดซึ้งห้วงจิตยามคิดถึง
สุดตราตรึงผนึกไว้สู่ใจเสมอ
แม้นมิสวยพริ้งเพริศจนเลิศเลอ
เพียงแต่เธอมองไว้เข้าใจเรา
เมื่อดอกไม้แตกพุ่มดูลุ่มลึก
สายน้ำสวยยามตรึกสู้ผนึกเฝ้า
ลมมักหวนชวนรักมิจักเบา
สายฝนเฝ้าโลมดินไอกลิ่นอวล
กลิ่นเคยเคล้าแนบเอามักเฝ้าหา
สิ่งผ่านซึ้งตรึงพายังมาหวน
ความหวานใจในจิตโอ้คิดชวน
ความปั่นป่วนหายสิ้นยามยินดี
มัจฉาน้อยล่องลอยยังคอยรัก
ดอกไม้เบ่งบานมักจักเกษมศรี
สกุณาเฝ้าร้องเพลงบรรเลงชีวี
เหล่านารีมีรักมักครวญเพลง
หัวใจเราเฝ้าแว่วหายามฟ้าใส
โอ้อย่างไรใยมิกระฉับกระเฉง
แม้นเมฆหมอกสิ้นหายให้วังเวง
แว่วบรรเลงใจเราอย่าเศร้าซึม
ไปสิ้นแล้วแคล้วกันมิหันหวน
สิ่งอบอวลชวนเอาเฝ้าล้วนปลื้ม
ไม้ดอกสวยแวดวงจนหลงลืม
ช่างอึมคลึมดื่มด่ำพร่ำเร้าใจ
เสียงใยแผ่วแว่วหนอสู้คลอลึก
ก่อผนึกตรึกซ่านพลันสดใส
มันแผ่เวียนวนเว้าสู่เข้าใน
ฟุ้งออกไปพร้อมใจให้ปรีเปรมดิ์.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
11 สิงหาคม 2548 23:04 น.
แก้วประเสริฐ
* แม่จ๋าแม่ *
* เพียงหนึ่งหยดน้ำนมผสมเลือด
ถึงแห้งเหือดอุราแห้งจนแฝงโหย
ยามหยาดสู่ร่างน้อยคอยกอบโกย
สองเต้าโปรยสายธารามิคลาไคล
เพื่อลูกน้อยที่รักมิพักจิต
ดวงใจคิดเสน่หานำมาให้
ใฝ่ภิรมย์ชมชื่นระรื่นไป
สิ่งสดใสมอบไว้แก่ลูกยา
แม้ท้องฟ้าธารามหาสมุทร
กว้างไกลสุดลึกล้ำยามค้นหา
อีกเพชรพลอยน้อยค่ากว่ามารดา
สิ่งล้ำค่าหาเทียบเปรียบน้ำนม
แม้นองค์เทพเทวัญทุกชั้นฟ้า
อีกศาสนามวลเผ่าเข้าสะสม
ตลอดถึงแว่นแคว้นแดนอุดม
ยากเทียบนมของแม่แม้หยดเดียว
เขาเปรียบแม่นี้ไว้ดุจพรหมเทพ
ที่ป้อนเสพย์แก่ลูกมิฉุนเฉียว
ทั้งเมตตากรุณารักใจเดียว
มิลดเลี้ยวมุทิตาอุเบกขาตาม
สิ่งใดผิดรับไว้สู่ในอก
แม้ช้ำฟกนอกในไม่เข็ดขาม
ยกย่องลูกรักไว้ใครอย่าลาม
ยิ้มย่องยามลูกสุขทุกข์ไม่มี
พระคุณนี้ยากหนอใครมองเห็น
ดุจดังเช่นปิดทองใต้ชินสีห์
ถ้าไม่ทุกข์จนใกล้วายชีวี
ยากจะมีใครเห็นเช่นดังเงา
วันแม่นี้ใครเล่าจะเข้าหา
ไหว้มารดาอุ้มชูดูแลเขา
กตัญญูผู้มีคุณช่างบางเบา
ปล่อยแม่เราเหินห่างช่างแชเชือน.*
************************
*ความรู้คุณกตัญญุตาบิดรมารดา
ย่อมนำพาสู่สถานอันสุขสงบ แม้ในพุทธกาล
พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังยกย่องสรรเสริญ
ภิกษุบวชใหม่บิณฑบาตนำมาเลี้ยงมารดา
และเฝ้าปรนนิบัติมารดาที่แก่ชราและมอบ
อาหารที่บิณฑบาตมาได้ให้มารดาทานก่อน
จนถูกร้องเรียนว่าทำให้ศรัทธาของผู้ทำบุญเสื่อม
พระพุทธองค์จึงต้องประชุมสงฆ์แล้วตรัสเทศนา
ยกย่องความกตัญญูของภิกษุสงฆ์รูปนั้น
ท่ามกลางเหล่าสาวกทั้งปวง แสดงถึงความกตัญญุตา
ว่าไม่มีความผิดจนเป็นปฐมเหตุให้พ้นจากอาบัติทั้งปวงแลฯ*.
.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
9 สิงหาคม 2548 12:15 น.
แก้วประเสริฐ
*หัวใจเหงาเคล้าฝน*
ฝนพร่างพรายกระจายทั่วกรุงเทพ
แสนปวดเจ็บแสบทรวงเมื่อหวนถึง
เคยพรอดพร่ำรำพันครั้นรำพึง
มันขาดผึงตรงกลางอย่างฝนโปรย
ยามที่เกิดความรักสุดหักคิด
ยามวิปริตจิตพะวงตรงแห้งโหย
ยามเคล้าคลอพะนอไว้ใยล่วงโรย
ยามกอบโกยมิกลับแต่ลับตา
ที่รักจ๋ารู้ไหมหัวใจเศร้า
ที่หนีเราจากไปสุดตามหา
ที่คงเหลือทิ้งไว้ไม่หวนมา
ที่ชักพาหัวใจให้ละลาย
ใจเอ๋ยใจใยเราเฝ้าครวญคิด
ใจบอกนิดสักหน่อยอย่าพลอยหาย
ใจสองดวงควงคู่ยามฝนปราย
ใจสิ้นสลายคลายรักมิกลับคืน
ฉันคนเดียวเฝ้าคิดจิตโหยหวน
ฉันปั่นป่วนหัวใจสุดได้ชื่น
ฉันมองฝนลมพาพลิกมาฟื้น
ฉันสะอื้นหัวใจรักที่จากจร
เหงาจริงนะแม่สุคนธ์ปนกลิ่นหอม
เหงาพยอมเพราะรักถูกหักศร
เหงาด้วยฝนวันนี้ที่เปียกปอน
เหงาสะท้อนกร่อนใจไร้ดวงจินต์
ใครนี้หนอจะสร้างกระจ่างจิต
ใครเล่าคิดผูกพันเพื่อฉันถวิล
ใครคนนั้นฉันเฝ้าเป็นอาจินต์
ใครโบยบินบอกหน่อยไม่น้อยใจ
เล่าความหลังครั้งนี้ที่ฝนจาง
เล่าถูกร้างหักอกจนหมองไหม้
เล่าเรื่องเก่าเฝ้าคำนึงถึงความนัย
เล่าเมื่อได้สิ้นสลายในฝนปรอย
ปลอบหัวใจที่สลายในครั้งนี้
ปลอบชีวีที่หมกมุ่นสุดสอย
ปลอบความรักครั้งนี้ที่หลุดลอย
ปลอบรักน้อยละห้อยหายามอาลัย
ขวัญเอ๋ยขวัญจงอยู่กับเนื้อตัว
ขวัญอย่ามัวหงอยเหงาเฝ้าสดใส
ขวัญชีวิตอย่าพะวงหลงผิดไป
ขวัญจงได้อยู่กับข้าอย่าแรมรอน
เราสิ้นรักครั้งนี้เมื่อฝนหาย
เราถูกสลายเมื่อเขาเฝ้าหลอกหลอน
เราคิดหวนคืนกลับเหมือนตื่นนอน
เราสะท้อนอารมณ์นี้มิมีใคร
มองฝนปรายโปรยอยู่เหมือนรู้เห็น
ทุกประเด็นพรูพร่างใจที่ได้ไว้
สิ้นรักนี้เหมือนฝนที่จากไป
ทิ้งหัวใจให้เหงาเคล้าอารมณ์.
(ยาม ที่ ใจ ฉัน เหงา ใคร เล่า ปลอบ ขวัญ เรา)
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
8 สิงหาคม 2548 11:45 น.
แก้วประเสริฐ
*น้ำมือเคียว*
* งามท้องทุ่งรุ้งตระวันทรงกลด
สีทองจรดท้องนาพาสู่ฝัน
รวงข้าวพลิ้วอ่อนไหวใจผูกพัน
แสงสีสันแววสะท้อนซ่อนวิไล
ทุ่งตระการผ่านมืองามยามตวัด
สีทองจรัสพราวพร่างสว่างไสว
มือหนึ่งโน้มรวบกวัดจัดพฤกษ์ไป
ไฉไลใช้เคียวเรียวเกี่ยวข้าวมา
หยดน้ำเหงื่อรินหลั่งทั้งสองแก้ม
ลิ้มร่องแซมใบหน้าแต่หรรษา
งามผิวผ่องละอองนวลทั้งหน้าตา
เพียงวาสนาได้ยลล้นทับทรวง
รวงข้าวเมล็ดวางลงตรงสู่พื้น
ยิ้มระรื่นสายตาน่าแหนหวง
ผืนนาน้อยส่งเจ้าเข้าตักตวง
ข้าวทุกรวงมีค่าสร้างอารมณ์
สายลมทุ่งหมุนสู่ผืนนากว้าง
หมุนเคว้งคว้างแลคิดจิตสับสน
อยากสนิทชิดสาวนามาอับจน
ด้วยเป็นคนต่างถิ่นดินแดนไกล
ยิ่งเพ่งพิศสาวน้อยแม่ร้อยช่าง
แม่ดูงามถือเคียวเหนี่ยวข้าวไว้
สวยผุดผาดนวลอนงค์ทรงไฉไล
เหตุใยไฉนเกี่ยวเราเฝ้ารัญจวน
จิตถึงเสียงเพลงหนึ่งพึงหวนคิด
ทุ่งรวงทองเย้าจริตลิลิตป่วน
สู้แลมองน้องนางแม่เนื้อนวล
เยื้องย่างล้วนใฝ่ปองสู่ท้องนา
เพียงยลพิศชิดนางข้างริมทุ่ง
ดมกลิ่นปรุงกายเล่าเคล้านาสา
อยากอิงแอบแนบเนื้อทั่วกายา
คิดนำพาตัวเจ้าแนบเคล้าทรวง
ลมโชยพัดโรยกลิ่นดินอวลฟุ้ง
หอมจรุงมุ่งพินิจยิ่งคิดห่วง
แลมองดูรอบข้างสิ่งทั้งปวง
เวลาล่วงดวงตะวันจะลับไป
กลิ่นสาบควายไอทุ่งคลุ้งเข้ามา
สร้างสิเน่หาแบบหนึ่งพึงสดใส
มวลพื้นดินยวนเย้าเร้าสู่ใจ
ทุกสิ่งไร้มายามิน่ากลัว
แสงสีทองล้วนกลับลับทิวไม้
ท้องฟ้าใสมืดครึ้มอึมคลึมสลัว
เห็นนวลนางสาวนาที่พาตัว
กลับยิ้มยั่วชายตามาแลมอง
ต้อนควายพุ่งมุ่งสู่เคหาพัก
เหมือนจะควักดวงใจสู่ในหนอง
เรือนร่างงามแลลับกลับเฝ้าปอง
โอ้นวลน้องทิ้งพี่ไว้ให้คำนึง
แลเดือนเสี้ยวเลี้ยวพ้นยอดทิวไม้
ดูประกายดวงดาวพราวคิดถึง
วันเวลาผ่านมาใจให้รำพึง
ทุกสิ่งตรึงวอนเว้าเฝ้าภิรมย์
อยากจะฝากชีพไว้สู่ในทุ่ง
ละทิ้งกรุงมุ่งนาหากเหมาะสม
เคียงอยู่คู่สาวนาด้วยอารมณ์
รัก..เชยชมแค่ฝันแต่รัญจวน. *
๙๙๙ *แก้วประเสริฐ* ๙๙๙