5 กันยายน 2548 11:54 น.

* กลิ่นกากี *

แก้วประเสริฐ


               *  กลิ่นกากี  *

      รวยระรินสดชื่นระรื่นรส
แทรกซึมจรดสู่ห้วงดวงใจผวน
ป่วนฤทัยให้หวามกายเนื้อนวล
แสนรัญจวนสุดถวิลโชยกลิ่นมา

      หอมลมโชยโปรยกลิ่นนางยิ่งนัก
ซึ้งตรึงรักใฝ่รำพึงคำนึงหา
สิ่งใดฤาจะเท่าเจ้ากานดา
ผ่าวอุราอารมณ์สมเปรมปรีดิ์

      เฉิดฉะวัดมัดลึกผนึกห้วง
ดุจดังล่วงเล้าโลมแม่โฉมศรี
สู่สัมพันธ์กลั่นกรองผองชีวี
แนบไมตรีเกษมรักประจักษ์ตรง

      อลงการผ่านงามอล่องฉ่อง
แม้นนวลน้องมีใจใฝ่ประสงค์
เคยเคียงคู่มอบรักกับยอดอนงค์
จนเฝ้าหลงในรักยามตักตวง

      มาดแม้นพี่บินได้สักหมื่นลี้
โอ้ชีวีนี้จะคว้ามาจากสรวง
แม้องค์อินทร์เทวายากมาทวง
ยากลุล่วงหวงเจ้ามิให้ชม

      กลิ่นหอมเจ้าเคล้ารักสมัครแล้ว
ยังเพริศแพร้วฝากไว้ได้เหมาะสม
แสนอบอวลชวนรักยังฝากดม
เพียงระทมครุฑมานำพาไป

      อกของเราเฝ้ารำพึงแม่นางเอ๋ย
เคยชิดเชยดมเคล้าเจ้าอยู่ไหน
ปานฉะนี้แหลกลงหลงมือชาย
สุดเสียดายเหลือไว้กลิ่นได้ดม

      โอ้นางเอยหอมหวนล้วนยิ่งนัก
อบอวลรักอยากชิดสนิทสนม
ขจรฟุ้งซาบซ่านพล่านอารมณ์
เกี่ยวเป็นปมฝังไว้กลิ่นในกากี.

   ๙๙๙  แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
				
3 กันยายน 2548 14:25 น.

* เดียวดาย *

แก้วประเสริฐ


                                 *  เดียวดาย  *

    ..๏ เย็นค่ำย่ำสนธยา................หมู่นกกาบินเวียนว่อน
ส่งเสียงเพรียกคู่นอน...................จิตร้าวรอนห่อนฤทัย

    ..๏สายน้ำไหลเวียนวน.............พฤกษ์ไพรสณฑ์ดูหวั่นไหว
ลมโชยพัดแกว่งไกว.....................ดวงหทัยให้อาวรณ์

   ..๏มัจฉาพาแหวกว่าย.................ดูหลากหลายใจสะท้อน
ขุนเขายังร้าวรอน...........................เหมือนตัวหม่อนอยู่เดียวดาย

     ..๏นกเขาขันจุ๊กกรู.....................บอกให้คู่อย่าผันกลาย
คนข้างร้างดวงใจ.............................คร่ำครวญไห้อาลัยนาง

     ..๏ขุนเขาแลแมกไม้...................ยังหวนไห้ไฟเผาร้าง
หมดสิ้นสุดอ้างว้าง............................เหมือนใจว่างของน้องหญิง

     ..๏รักเอยเคยรักแท้...................ใยผันแปรแม้ใจจริง
เอ่ยปากมอบทุกสิ่ง...........................โอ้ละทิ้งเหลือเศร้าหมอง

    ..๏รอนรอนใจแทบขาด................สายสวาทหักสุดปอง
เพียงเงายังมิสนอง...........................สิ่งหมายปองมิชื่นชม

       ..๏โลมเอยเคยบ่มฟัก................มาแปรพักตร์รักขื่นขม
นอกในเคยได้ชม.............................คงเหลือลมที่ลอยไป

        ..๏เรื่อยเรื่อยเดินเลี่ยงเลี่ยง......ตะวันเฉียงแลเบี่ยงหาย
สุดแสนจะเสียดาย.............................ความมืดไซร้ครองใจเอย.๚ะ๛

                             ๙๙๙  แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
				
2 กันยายน 2548 14:39 น.

* แสงทองส่องลิขิต *

แก้วประเสริฐ


              *  แสงทองส่องลิขิต  *
       ดวงประทีปส่องทางกลางชีวิต
บันดาลจิตสรรค์สร้างกลางวิถี
ความมืดมนหม่นหมองของชีวี
เปลี่ยนแปลงสิ่งที่หวังทั้งใจกาย

      หมุนวนเวียนเพียรเฝ้าเคล้าลิขิต
สิ่งที่ผิดติดพะวงจนเกือบสาย
คดเคี้ยววกกดเกี่ยวเหนี่ยวฤทัย
ใยทั้งหลายพัวพันปานเกลียวปม

      มัดแน่นเหนียวเกี่ยวรัดสะบัดย่าง
สู่อ้างว้างสร้างใจจนได้ขม
จริงหรือเท็จเท็จหรือจริงสิ่งระทม
ฝังใส่จมบ่มจริตติดคล้ายเงา

      สิ่งมืดมนหม่นหมองสู้ลองคิด
เรื่องน้อยนิดยังติดจิตหมองเศร้า
สรรค์ผูกพันผันผวนล้วนสู่เขลา
ยังหลงเฝ้าเพียรหาละล้าละลัง

      ความใกล้ชิดเกิดก่อพอสู่ฝัน
สุดเสกสรรพันผูกดุจมนต์ขลัง
นั่งยืนนอนอารมณ์จมภวังค์
ดั่งถูกขังในกรอบสอบพะวง

      แสนละเมอเพ้อพกหมกสิ่งนี้
ดุจชีวีคล้ายกรองที่รองผง
ผ่านเข้าออกมิได้ในเจตจำนง
ด้วยลุ่มหลงคงเหลือเชื้อแห่งใจ

      แสงสีทองผ่องผ่านประทีปแก้ว
เลอเลิศแล้วหนทางกระจ่างใส
ตรองคิดหวนล้วนผ่านสู่ทรวงใน
เลิกวางไว้สร้างใจให้บันเทิง

      ครั้นวางชีวิตที่คิดจิตปนเศร้า
ดุจผ่านเข้าออกธารอันสิ่งเหลิง
สิ่งไตร่ตรองกรองขจัดใจระเริง
ไฟสุมเพลิงมอดสลายในโคมทอง.

    ๙๙๙  แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
				
1 กันยายน 2548 13:41 น.

* ยอดหญิงแลมิ่งมิตร *

แก้วประเสริฐ


              *  ยอดหญิงแลมิ่งมิตร  *

      แสงสีทองส่องพื้นหล้าฟ้าบรรเจิด
จริยาเลิศสุดสล้างสว่างฟ้า
ช่างงดงามทาบลงตรงพสุธา
ละอองน้ำหยาดนภารุ้งลาวัลย์

      รัญจวนให้ใฝ่คำนึงถึงชายหญิง
หยดย้อยยิ่งรูปลักขณาหาเสกสรร
ดุจดั่งอัปสรเทพเทวัญคู่เคียงกัน
สุดวิลาวัลย์เคียงจรดบนฟากฟ้า

      หยาดสู่พื้นจากหล้าพสุธาสล้าง
งามสว่างพินิจทำมะชาดหนา
รัศมีผ่องยองใยจากในนภา
ดุจดั่งฟ้ามาชโลมประโลมใจ

      มวลแมกไม้สกุณาพาขับกล่อม
ลมพัดไผ่ไหวล้อมกล่อมเสียงใส
สดุดีสองคู่สร้างกังวานไพร
เฉิดวิไลดนตรีสวรรค์ครั้นสู่ห้วง

      เหล่ามัจฉาในธาราพาสุขสันต์
แสนสำราญพ่นน้ำนำสู่สรวง
หยาดละอองพวยพุ่งเป็นใยยวง
เข้าลุล่วงสู่คู่ฟ้าพาเบิกบาน

      ตระการยิ่งจริงหนอพอเป็นเพื่อน
แสนตรึงเตือนเหมือนสวรรค์มาขับขาน
กล่อมหมู่ชาวเหล่านารีที่สำราญ
อีกบุรุษนั้นยิ่งสราญบันเทิงรมย์

      เปรียบดั่งแก้วมณีรัตน์อันโชติช่วง
ร้อยด้วยห่วงสุขสันต์นั้นเหมาะสม
ประโลมรักห่วงใยใฝ่ภิรมย์
สิ่งตรอมตรมยามพบหน้าพากระจาย

      โอ้วันคืนชื่นบานที่สราญนี้
ยากจะมีหวนกลับคงมิสลาย
ทะมะชาดพินิจจิตกวัดด้วยหัวใจ
ฝังลึกไปสู่ในห้วงช่วงวิญญาณ.

   ๙๙๙  แก้วประเสริฐ.  ๙๙๙
				
31 สิงหาคม 2548 13:18 น.

* รัศมีดาวประกาย *

แก้วประเสริฐ


          * รัศมีดาวประกาย *

 งามเอ๋ยแม่งามเพียงหยาดฟ้า 
      ตะวันรอนอ่อนระยิบพริบไสว
โลมลูบไล้พฤกษาคราวสันต์
กระแสน้ำไหลล่องกระฉอกพลัน
เสียงกระชั้นมัจฉาพากันรุม

      อาหารโรยโปรยปรายจากมือแม่
ร่องรอยแท้ในน้ำใจที่ใฝ่สุม
ด้วยเมตตากรุณาสู่ปลาชุม
หวังโอบอุ้มมัจฉามาเรียงราย

      ประกายนี้จะมีได้ในฟากฟ้า
มวลดาราเจิดจรัสประภาสสาย
งามบรรเจิดเลิศลักษณ์ประจักษ์ใจ
ยามยลได้ให้คำนึงนึกถึงนาง

      ดุจสายฝนพรมพร่างกระจ่างจิต
ยิ้มแย้มปลิดสิ่งเศร้าที่หม่นหมาง
ใสบริสุทธิ์ดุจดารามาเรียงวาง
แม่สล้างสร้างโลกไว้เฉิดไฉไล

      งามจริงเอยแม่งามอร่ามนัก
ช่างน่ารักแย้มวจีที่สดใส
กังวานแผ่วแนวทุ้มสู่ดวงใจ
เป็นบุญไซร้ได้แลชะแง้คอย

      เพียงหยาดฟ้าสู่ดินถิ่นคนยาก
กลับมาพรากดวงใจยากได้สอย
ดุจจันทร์ดารามาสู่จนใจลอย
ยามเคลื่อนคล้อยดุจมัจฉาในวารี

       สลักเสลารูปกายคล้ายวีนัส
ยิ่งผูกมัดวิญญายามตาหยี
ประกอบด้วยรอยยิ้มพริ้มนารี
สั่นชีวีห้วงห่วงหาครารัญจวน

      รัศมีดาวประกายเรียงรายจรด
เร้ารึงรดซาบทรวงล้วนห่วงหวน
ดุจดอกไม้โชยกลิ่นหอมอบอวล
ดมดอมล้วนชวนระลึกตรึกใจจำ.

  ๙๙๙  แก้วประเสริฐ.  ๙๙๙
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแก้วประเสริฐ