11 กันยายน 2548 15:12 น.

* ชิงรักหักสวาท *

แก้วประเสริฐ


                * ชิงรักหักสวาท *

     ตะวันเลื่อนเคลื่อนคล้อยลอยตรงสิงขร
สาดส่องชอนสู่บัญชรเป็นรอนสาย
จอมปักษินล่ำลารักหักอาลัย
ด้วยจวนใกล้ได้เวลาพบปะกัน

      สั่งยอดชู้ขวัญชีวาพี่ลาก่อน
แล้วรีบจรกลับมาอย่าโศกศัลย์
แต่งตัวตนเร็วรี่ผลีผลันพลัน
สะดุดขั้นทวาราพาเซซวน

     ทรงตัวได้เขม่นซ้ายนัยน์ตาระริก
หทัยวิบติ๊กตึ๊กตั๊กแสร้งเสสรวล
หันมากล่าวเจ้ายาหยีแม่ยียวน
พี่จะด่วนกลับมาหา ณ ยาใจ

      นาฏกุเวรไรจำแลงที่แฝงอยู่
หัวเราะดูแต่ใจไม่ผ่องใส
ใจประหวั่นนึกพรั่นในทันใด
กลัวเวนไตยไม่หวนสู่พารา

      ณ กรุงพารณสีท้าวพรหมทัตอยู่
แฝงกายสู่ในวังแล้วกล่าวหา
เล่าเรื่องราวหนหลังครั้งไปมา
ยอดกานดาอาลัยรักในพระองค์

      แล้ววางแผนวาดทางวางกลไว้
เพื่อให้เจ้าเวนไตยที่ใฝ่หลง
นำกากียอดเสน่หามาอย่าพะวง
มาคืนองค์ทรงไทด้วยอาลัย

      ท้าวพรหมทัตรับฟังคลั่งพิโรธ
ขอทรงโปรดระงับไว้มิให้สงสัย
ให้พระองค์ทรงเล่นสกาเวนไตยไว้
ข้าจะได้เริ่มแผนดำเนินการ

      เสียงพิณแก้วแว่วหวนล้วนระริก
เพลงกลอนประดิษฐ์ร้องทำนองหวาน
คร่ำครวญถึงตรึงเสน่หาแม่นงคราญ
รสสวาทพล่านสุดหักใจยามไล้ปอง

      สองเต้าตึงองค์เอวงามอร่ามน้อง
กายที่ต้องหอมหวนจริงยิ่งสนอง
เคล้าคลึงรักสุเมรุเอนดงงิ้วรอง
วิมานทองสีชมพูดูงามตระการ

      เสียดายยิ่งจริงนักลักลอบเขา
เป็นชู้เอาเคล้าเมียเพื่อนสู่สนาน
ผิดศีลข้อกาเมนี้ชีพวายปราณ
เห็นต้องถูกไฟผลาญในอเวจี

      ฤาสร้างหนทางที่ผิดคิดแก้ไข
หรือจะให้เลิกวางนางโฉมศรี
ใจเอ๋ยใจข้ารันทดแทบหมดชีวี
โอ้บาปนี้ไฉนให้เกิดแก่เรา

     แต่ก็แสนเสียดายในรสรัก
แม้นประจักษ์ผ่านไปให้โง่เขลา
ศักดิ์ศรีกูเกริกก้องมิบางเบา
หากถูกเขาจับได้คงให้ประจาน

   เจ้าเวนไตยฟังไปให้เคลิบเคลิ้ม
เพลงแรกเริ่มงดงามยามประสาน
พิณคลอเคล้าเร้าหทัยให้เบิกบาน
พอท่อนกลางอารมณ์สั่นพรั่นหัวใจ

      นึกถึงกลิ่นสาบสางครั้งละล่อง
ตอนเข้าสู่อยู่กากีน้องแปลกไฉน
กลิ่นควรหายจางไปไม่กลับกลาย
คงวนเวียนคลุกไปในห้องนิทรา

      เก่าก่อนนี้หามีกลิ่นนี้ไม่
ชักสงสัยใจประหวั่นเป็นหนักหนา
หรือจะมีชายอื่นแปลกแทรกมา
ร่วมเสน่หากับกากีที่ข้าครอง

      ยิ่งคิดไปยิ่งหัวใจให้พลุ่งพล่าน
ความสนุกสนานในสกาหาสนอง
ใจยิ่งฟุ้งคลุ้งเสียงเพลงและทำนอง
ช่างสอดคล้องประหนึ่งพึงเห็นมา

      นิสัยสัตว์สำแดงสัญชาติญาณ
แต่กระนั้นชั้นเทพจัดไว้สูงค่า
จึงมีสติคิดได้กว่าธรรมดา
แสร้งเฮฮามาถามไถ่นาฏกุเวร

      เสียงเพลงกล่อมเจ้าได้แต่ใดมา
ช่างนำพาแสนเสนาะไพเราะเหลือเข็น
นาฏกุเวรน้อมตนปนเรื่องประเด็น
ได้พบเห็นนางในฝันเมื่อวันมะรืน

     พบเห็นหญิงนางหนึ่งซึ่งงามนัก
กลิ่นกายจักหอมหวนล้วนผิวละลื่น
จึงเข้าร่วมเสน่หามาเจ็ดคืน
เป็นชู้ระรื่นชื่นรักมิอยากลา

      สะดุ้งตื่นขึ้นมาพาสั่นระริก
กลัวถูกจิกลงห้วงบ่วงเวรหนา
เป็นบาปกรรมนำสร้างด้วยใจพา
ในอุราให้ประหวั่นจึงกลั่นเพลง

      เพื่อน้อมใจลงไว้ในเพลงนี้
ให้เป็นที่มิเลือนเตือนข่มเหง
มิเป็นชู้สู่เขาเพื่อเราเกรง
ทั้งเสียงเพลงเตือนสติผู้สบฟัง

      จอมปักษินยินกล่าวเล่าเหตุนี้
ยิ่งเป็นที่ระแวงไปใจคลุ้มคลั่ง
มองกุเวรเห็นซื่อถือจริงจัง
ไม่อาจนั่งฟังเล่นสกาอีกต่อไป

      พลางหันลาพรหมทัตกษัตริย์เฒ่า
วันนี้เล่าเล่นสกาหาผ่องใส
วิงเวียนศีรษะไม่รู้เหตุอันใด
อีกเจ็ดวันไซร้จึงได้สู่พระองค์

       พรหมทัตทราบเหตุเลศนัยอยู่
ทำไม่รู้สบพระทัยในสิ่งประสงค์
หยิบห่อทองของระลึกแล้ววางลง
เวนไตยน้อมก้มบังคมลาแล้วมาจร.

    ๙๙๙  แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
				
9 กันยายน 2548 23:18 น.

* บทรักนาฏกุเวรคนธรรพ์ *

แก้วประเสริฐ


            *  บทรักนาฏกุเวรคนธรรพ์  *

      สิ้นตะวันผันผายไร้แสงสี
แสงเก็จมณีนพรัตน์รัศมีฉาย
ดูแวววับพราวพร่างสว่างขจาย
มองโลมไล้นางกากีที่ปัจถรณ์

     งดงามจริงแท้แม่เอยอรชร
สายสมรนอนนิทราพาสะท้อน
ฤทัยป่วนล้วนภาพแม่เนื้ออ่อน
ดั่งเพลิงร้อนแรงฤทธิ์พิศสวาทคลุม

      นาฏกุเวรคนธรรพ์พลันคืนร่าง
รูปสำอางพักตร์บานดั่งโกสุม
หนวดเรียวงามแต้มแต่งดุจเชิงชุม
สะพายคลุมด้วยพิณกลิ่นกำจร

      ประนมมือร่ายเวทย์วิเศษศักดิ์
มนต์ดลรักเป่าลงตรงอัปสร
ให้หลงใหลในตัวข้า ณ บังอร
ด้วยฤทธิ์รอนเวทย์มนต์จงดลใจ

      หย่อนกายลงเคียงข้างนางที่รัก
ก้มจุมพิตพวงพักตร์อิ่มเอิบฉาย
นางสะดุ้งปัดป้องน้ำมือชาย
ตื่นวุ่นวายพลันพบสบตางาม

      ตาต่อตามองจ้องสองเนตรสบ
สะเทิ้นหลบเอียงอายให้วาบหวาม
ด้วยฤทธิ์แห่งมนตรามาผ่อนตาม
นาฏกุเวรรู้ความเอื้อนสิ่งที่ผ่านมา

      แล้วเล่าเหตุพรหมทัตจัดมาให้
เพื่อจะได้เจ้าคืนไปสู่หรรษา
แต่ขอร่วมความรักจ้าสักครา
ด้วยสิเน่หากานดาตั้งเนิ่นนาน

      จะปิดถ้อยเนื้อความตามที่เห็น
มิให้เป็นเรื่องราวร้าวแตกฉาน
พระยาครุฑฝากไว้แก่นงคราญ
ขอสำราญเคียงคู่ชู้เชยชม

      นางตะลึงนึกมิถึงซึ่งเหตุนี้
ยินยอมที่ร่วมรักจักเสพย์สม
นาฏกุเวรดีใจจะได้ภิรมย์
แล้วเข้าโลมโน้มกอดยอดชีวัน

     บรรจงลูบไล้ใคร่ปลดภูษาปิด
แสงมณีติดอร่ามฉ่องต้องกระสัน
ขาวสล้างงามทุกสิ่งผิวพรรณ
อูมอวบอั้นเต่งตั้งบานคู่ครอง

      เล้าโลมเน้นเฟ้นพุ่มตุ่มเกสร
ดุจภมรชอนไชได้บุบผาสนอง
ระริกซ่านผ่านห้วงช่วงทำนอง
แรงสะท้อนรองรับจับนัยน์ตา

      เสียงครวญคร่ำร่ำใฝ่ ณ ริมโอษฐ์
เริงเร้าโลดระรื่นรสจรดนาสา
ทั่วเรือนร่างสั่นระริกพลิกไปมา
จุมพิตกายาชิวหาพาหลงระเริง

      อสุนิบาศก์ฟาดเปรี้ยงเสียงดังลั่น
พายุพลันหมุนเวียนเปลี่ยนจนเหลิง
ใบไม้ลู่พัดหญ้าเอนเห็นกระเจิง
ฝนระเริงชโลมน้ำผิดฤดูกาล

      ลมสวาทพัดผ่านซ่านปรากฏ
อิ่มเอมรสจรดไว้ในสิ่งกระสัน
ผ่อนกายาพากวัดรัดเคียงกัน
ผูกชีวันสัญญาไว้ไม่คลายคลอน

      ทุกวันคืนระรื่นรสมิหมดสิ้น
รวยระรินกลิ่นเคล้าดุจเฝ้าหลอน
ครบเวลาเวนไตยคืนสู่คอน
เฝ้าอาวรณ์รอนฤทธิ์รักประจักษ์ใจ

       กลางคืนเห็นเวนไตยเคล้าสู่เล่น
กลางวันเป็นนาฏกุเวรผลัดผ่องใส
จวบเจ็ดวันนั้นสัญญาสู่พาราไป
นัดเล่นสกาไว้ท้าวพรหมทัตเจ้าธานี.

        ๙๙๙  แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
				
9 กันยายน 2548 10:44 น.

* พิศวาสพระยาครุฑ *

แก้วประเสริฐ


          * พิศวาสพระยาครุฑ *

      ลอยละลิ่วพลิ้วไสวในอัมพร
ผ่านช่วงตอนสีสันดรมหาสมุทร
เลยหิมพานต์ชั้นเทวามารวดรุด
เร่งเร็วสุดสู่สุเมรุคีรีดงงิ้วที่อาศัย

      บัดหนึ่งถึงวิมานฉิมพลีสีชมพู
ร่างที่อยู่กลายกลับแลลับหาย
ผ่องอร่ามงามสง่าสมชาติชาย
ปรากฏกายไร้บุรุษมาเทียมทาน

      จอมเวนไตยให้มองวิมานรัก
สนเท่ห์นักแปลกใจในสถาน
เคยหอมหวนนวลเนื้อกลิ่นนงคราญ
ซาบซึ้งซ่านผ่านห้วงในดวงกมล

      กลับมีกลิ่นสาบสางมิอย่างเก่า
เดินวนเวียนวกเข้าเฝ้าสับสน
หรือเราบินหมื่นลี้ที่ทานทน
กลิ่นกายตนติดมนุษย์สุดละวาง

      งามสล้างกระจ่างราตรีนี้เจ้าหนอ
หวานที่คลอแอบชิดสนิทข้าง
รัดรึงใจฝากไว้ได้แนบกลาง
รสรักสร้างอารมณ์ยามชมเชย

      นึกถึงเฒ่าพรหมทัตเพื่อนชักฉงน
ยามนางปรนเปรอรักมักเขนย
อูมอวบอิ่มพริ้มพักตร์ดั่งกูบเกย
แสนเสบยฤาลุล่วงช่วงผูกพัน

      คิดรัดรึงตรึงหทัยยามใฝ่ต้อง
แลนวลน้องครานิทรามาดังฝัน
จิตเริงโลดโชติช่วงคิดล่วงกัน
รีบเสกสรรจัดสร้างวางลวดลาย

      ประโลมลูบจูบลงตรงพวงพักตร์
ดึงนงลักษณ์คลึงเคล้าเจ้าโฉมฉาย
แนบสนิทล้วนกายเนื้อสู่เยื้อใน
รสกำซาบใจฝนคลั่งหลั่งธารา

      ไรนาฏกุเวรแฝงกายในพระสูตร
เกือบจะหลุดจากม่านผ่านผืนผ้า
เสียงภาพซ่านระริกกระพริบตา
บทเสน่หาจอมปักษินได้ยินชม

      ล่วงราตรีทิวามาเสพย์สุข
จำต้องทุกข์ห่างจรมิเหมาะสม
โอ้อกเอ๋ยต้องพรากจากระทม
เฝ้าบังคมองค์นารายณ์ได้สัญญา

      พี่ต้องร้างห่างแล้วแก้วตาเอ๋ย
มิละเลยเสร็จสรรพกลับเคหา
จะรีบด่วนมาเคล้าเจ้ากานดา
หมั่นรักษาตัวคอย ณ กลอยใจ

      เฝ้าล่ำลาอาวรณ์สะท้อนสวาท
อดมิขาดพาดใยรักฝากไว้
เฝ้าเพ่งพิศกรตวัดรัดนอกใน
โลมลูบไล้ได้เวลาผันจากจร.

    ๙๙๙  แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
				
8 กันยายน 2548 13:08 น.

* แรงฤทธิ์สิเน่หา *

แก้วประเสริฐ


              *  แรงฤทธิ์สิเน่หา  *

      มองชีวิตบิดผันแสนสะท้อน
ความร้าวรอนแฝงตรงลงสู่ไว้
เคยร่วมรักสมัครสมานทุกวารไป
เสพย์สุขในเกมส์รักยามหักตรม

      เสียงพิณแว่วแผ่วซ่านฝานใจล่วง
รักสุดห่วงหวงอารมณ์มิเสพย์สม
ถูกพรากรักจากไปสุดแสนระทม
เกิดรอยปมแฝงไว้เจ้าไกลตา

      ความเงียบเหงาเข้ารุกปลุกใจพล่าน
แสนสงสารยิ่งนักเป็นหนักหนา
จะช่วยคิดกอบกู้คืนสู่วิญญา
เพียงรอเวลาที่หวนกลับทวนคืน

      อกเอ๋ยอกอกเราก็เศร้าสร้อย
กลิ่นเจ้าร้อยสู่ห้วงจนดวงสะอื้น
เคยลอบมองน้องนางระหว่างยืน
ยิ้มระรื่นยามค้อนแย้มซ่อนไว้

      เสียงพิณแผ่วคร่ำครวญล้วนใจแฝง
ความร้อนแรงสู่สายกว่าไหนไหน
นิ้วบรรเลงสั่นระริกยามพลิกไป
สำเนียงไกลสั่นสะท้านดั้นด้นนาง

      กาลพ้นผ่านวันเวลามาย่ำค่ำ
บรรจงร่ำร่ายเวทย์เสกสะสาง
มนต์ทั้งหลายร่ำเรียนมิละวาง
สร้างกระจ่างใจจิตเพื่อคิดสอบ

      ถึงเวลาพระยาครุฑรุดเข้าพบ
ยามจรดเกมส์ไว้ไม่รุกรอบ
อ้อยอิ่งเรื่อยเฉื่อยเอียงดูมิชอบ
ผิดระบอบการเล่นเห็นเด่นชัด

     ช่างร้อนรุ่มมีจิตดูผิดสังเกตุ
ดั่งสร้างเหตุเจตนามาติดขัด
พ่ายแพ้ทุกกระบวนล้วนถูกมัด
ก่อนเคยจัดรัดไว้ในเกมส์กีฬา

      แสร้งอ้าปากฝากหาวใจเร้าหญิง
แกล้งแอบอิงปวดหัวตัวหนักหนา
รีบปฏิเสธที่เขาจัดวางหยูกยา
พลันขอลากลับเคหาแล้วพาจร

      มาถึงสวนล้วนกลายร่างปักษิน
ทะยานบินสู่เวหาพาเริงร่อน
ไรน้อยจำแลงแฝงลงตรงขนอ่อน
แรงฤทธิ์รอนข้ามสมุทรสุดเวิ้งว้าง

      วิมานรักฝากไว้ยอดภูผา
คิดถึงยอดกานดามาสะสาง
เจ้าฝากรอยสิเน่หามิอาจวาง
ฤทธิ์แห่งนางซาบซ่านส์พล่านฤทัย.

     ๙๙๙  แก้วประเสริฐ.  ๙๙๙
				
7 กันยายน 2548 13:16 น.

* วันแห่งกาลเวลา *

แก้วประเสริฐ


           * วันแห่งกาลเวลา *

      วารเวลาสิ้นสุดแล้วแก้วตาเอ๋ย
ยอดทรามเชยเคยชิดสิเน่หา
ความหวานชื่นรื่นรสจากกานดา
ล้วนนำมาซาบซึ้งตรึงทรวงตรม

      เพียงลมลมแล้งแล้งเจ้าแฝงไว้
สร้างบ่วงใยอาลัยหาพาขื่นขม
ช่วงเคยสุขสนุกสนานพลันระทม
สุดตรอมตรมขมแฝงแห่งรสรัก

      เคยละเมอเพ้อเรียกยามรสหวาน
เพียงแค่ฝันผ่านนั้นสุดช้ำนัก
อารมณ์เราเฝ้าตรึงซึ่งจมปลัก
ดุจถูกผลักลงเหวรักหักรัญจวน

      สิ้นสุดแล้วสิ่งรักประจักษ์แจ้ง
ยามแสดงผลมักจักกำสรวล
ครั้งอิ่มเอิบเบิกบานนั้นยิ้มยวน
ด้วยสิ่งล้วนเสพย์รสสดอารมณ์

      สิ้นเสียงสั่งดั่งฟ้าคราพินาศ
ดุจสายฟาดอกแยกแตกหักล่ม
สิ้นความรักหมดเยื้อใยสิ่งได้ชม
ความระทมขมขื่นลื่นไหลตาม

      วันแห่งกาลเวลาคราพบอีก
เมื่อแยกฉีกหัวใจสิ่งวาบหวาม
สิ้นรักแล้วเหตุใดใยติดตาม
ช่างคิดหยามดูหมิ่นสิ้นเชิงชาย

      รักที่ไหลรินหลั่งครั้งพ้นอก
เปรียบน้ำตกแรงยิ่งกว่าสิ่งไหน
ทำลายสิ่งกีดกั้นแทบบรรลัย
สิ่งทั้งหลายจะพังมิรั้งรอ

      สิ้นรักแล้วจงไปตามทางเถิด
อย่าหน้าเชิดอ้างสิ่งที่อิงหนอ
สวาทเจ้ามากล้นยากจะพอ
จะมิขอตายลงห้วงดวงมาลย์.

   ๙๙๙  แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแก้วประเสริฐ