23 กันยายน 2548 11:50 น.
แก้วประเสริฐ
* เยื้อใยอาลัยถวิล *
เสียงก่อนแจ้วแว่วหานิจจาเอ๋ย
รสที่เคยหอมหวานครั้นถวิล
ล้วนซ่านซึ้งตรึงห้วงเป็นอาจินต์
แทบหมดสิ้นลิดลงคงเหลือรอย
ตะวันรอนอ่อนแสงยังแฝงกลด
แสงทองลดสีสันต์พลันเฉิดฉาย
ประกายแก้วแววฟ้ามาขจาย
ด้วยลวดลายหลากชั้นอนันต์กาล
เคยเสียงแผ่วแว่วคำนึงลึกซึ้งจิต
เหมือนลิขิตจากฟ้ามหาไพศาล
สดซาบซ่านผ่านรสของวันวาน
ยังสะท้านผ่านห้วงช่วงอารมณ์
ค่ำคืนนี้แสงดาวพร่างสว่างฟ้า
อีกบุหลันดั้นเมฆาเข้าสู่สม
ลอยละล่องท้องฟ้าพารื่นรมย์
อีกทั้งลมโชยอ่อนก่อนจากลา
มีแต่เราเฝ้ารำพึงเดียวดาย
แม้ถูกหน่ายก็ยังคงร่ำหา
ยิ่งรอยลึกผนึกซ้อนสู่อุรา
ยากงามตาสุขสันต์วันคืนนี้
น้ำค้างโปรยลมโชยสู่ยอดหญ้า
สะท้อนตาแวววับจับแสงสี
ประกายรุ้งพุ่งวาบจากวารี
สะท้อนสีแลงามดั่งทรามเชย
อนิจจาอกเอ๋ยเคยประจักษ์
หวานซึ้งนักดั่งน้ำช้ำระเหย
ดุจเกสรผ่านภมรร่อนชมเชย
ถูกละเลยเหลือไว้ให้เดียวดาย.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
21 กันยายน 2548 23:51 น.
แก้วประเสริฐ
* โศกผสมซึ้งตรึงรัก *
โศกซึ้งตรึงฤทัยสิ่งใดเล่า
มิเทียบเท่าถูกรักที่ผลักไส
ผลชอกช้ำรัญจวนจนกวนใจ
แม้หลับใหลยืนนั่งยังคลั่งตรม
พิศวาสรุมเร้าเข้าซุกซ่อน
ย่อมสะท้อนสู่ใจเป็นใยผสม
ดั่งเรือน้อยลอยล่องสู้คลื่นลม
หรือเกลียวปมผูกมัดรัดฤดี
อันความรักคิดไปดูให้แปลก
ครั้นจำแนกแยกแยะโดยเร็วรี่
ความละเอียดในรักหรือภักดี
ล้วนแต่มีเหตุผลทั้งกลลวง
สุภาษิตบางบทรจนาบอก
สิ่งลวงหลอกซ่อนไว้อย่าได้หวง
สวยทั้งเล่ห์เสน่หานำมาลวง
รักทั้งปวงใฝ่หลงคงระทม
ดูช้านั้นกล่าวว่าดุจพร้างาม
ย่อมนำความสุขใจมิได้ขม
ด่วนเร็วไปเหลือไว้ให้ระบม
แรกดีชมตรมหมองสู่บั้นปลาย
ถึงคำพูดจะแถลงแจ้งไว้หมด
ก็มิอดเสน่ห์เล่ห์รักสลาย
ดุจตาบอดคลำช้างหวังทำนาย
ยังวอดวายเสียรู้ต้องสู้ทน
หมุนไหลเวียนวกวนสู่บริโภค
สิ่งเศร้าโศกซาบซึ้งพึงสับสน
ดุจลงว่ายในอ่างมักเวียนวน
จนสับสนรักขื่นยากฝืนใจ
เป็นโศกผสมซึ้งตรึงสู่ห้วงจิต
จงใฝ่คิดทางออกนอกในไว้
หากพ่ายแพ้ต่อรักจงหักอาลัย
ยากหาใครมาช่วยด้วยสิ่งรัก.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
19 กันยายน 2548 10:09 น.
แก้วประเสริฐ
* นิราศห้วยแก้วที่รัก *
๏ ลำนำคำนึงนึกถึงซึ่งเชียงใหม่
ดูเปลี่ยนแปลงแฝงวิไลสิ่งสดใส
ด้วยตั้งใจไปสู่ห้วยหมายธารา
ระหว่างทางมองไปให้อ้างว้าง
แลสองข้างว้างเวิ้งเสียนักหนา
ยามครั้งก่อนเคยพบประสบมา
ต้นไม้ป่ามาภูเขาเหลือทำเนา
ตลึงโศกซึ้งเวิ้งว้างกลางห้วยแก้ว
เคยเพริศแพร้วรอบวนาแนวป่าเขา
ภาพน้ำไหลหลั่งหินผาเสียงซ่าเบา
ลมโชยเคล้าแมกไม้คล้ายดนตรี
ตามซอกหินน้ำหลั่งรินขังรอบ
เซาะตามขอบวนเวียนวกเร็วรี่
หมู่มัจฉาพาว่ายเคล้าล่องวารี
แล้วแอบหนีหลบซ่อนชะง่อนผา
ไม้ป่าสูงทะยานปานเหยียบฟ้า
บ้างโน้มมาคลอเคียงเบี่ยงเข้าหา
ร่วงสลัดใบดอกพลิ้วปลิวลมมา
สู่ธาราไหลละล่องลอยฟ่องไกล
คาคบไม้นกไฟสีแดงชาด
สลับคาดเขียวฟ้าใบหน้าใส
ส่งเสียงร้องเพรียกคู่แลดูไกล
ขมิ้นไพรโบยบินหาไปมาจร
หมู่แซงแซวแว่วเสียงเลี่ยงกวัด
ลงโฉบตวัดตัวแมลงแฝงกิ่งอ่อน
แมงปอผึ้งหมู่ภมรร่อนเวียนว่อน
เป็นเงาสะท้อนสายน้ำช่างงามตา
มาบัดนี้ฝังแล้วห้วยแก้วเอ๋ย
แต่ก่อนเคยพาหญิงรักหรรษา
ลงว่ายน้ำลำห้วยด้วยกันมา
เหลือภูผาแอ่งแห้งอยู่เดียวดาย
ห้วยแก้วเอยเป็นไฉนใยทุกสิ่ง
ภูเขาอิงสายธารพลันเหือดหาย
เหลือแต่หินโขดผามาเรียงราย
น้ำสลายเหลือน้อยมิร้อยใจ
กิ่งไม้หรือหดหายหนีไปไหน
เหล่าแมลงไพรนกป่าหามีไม่
ความร่มรื่นชื่นฉ่ำแลหายไป
คงเหลือไว้สิ่งซากตากตะกอน
ช่างกรีดช้ำน้ำใจ ณ ห้วยแก้ว
สิ่งเลิศแล้วจบสิ้นเหลือสิ่งหลอน
คงแต่เพียงแลเจ้าเฝ้าอาวรณ์
อดสะท้อนอดีตเก่าผ่านเข้าใน
ถึงอย่างไรใจอุทรอาวรณ์หา
คอยเวลาเขาบำรุงมิให้สลาย
เพื่อเข้ามาฟื้นฟูสู่กลับกลาย
ยังอาลัยห้วยแก้วขอวิงวอน
ทรุดกายลงตรงหินหลังอิงฟ้า
แสงสุริยาประกายสู่หมู่สิงขร
เคยร่มเย็นที่เก่าเศร้าอาวรณ์
เก็บสะท้อนความรู้สึกผนึกจำ
อนาถแล้วจริงหนอพอเห็นเศร้า
แต่ก่อนเก่าเข้ามางามเลิศล้ำ
ล้วนแมกไม้เขียวชอุ่มสุมทุมนำ
สร้างจัดทำซ้ำแต่งดูเบ่งบาน
เคยลานตาไม้ดอกออกเกสร
หอมขจรตามหุบผาฟ้าเสกสรร
แนวพฤกษาพงไพรมีหลายพันธุ์
เขาลือลั่นเชียงใหม่คล้ายวิมาน
ฤาบัดนี้สิ้นแล้วห้วยแก้วจ้า
มวลพฤกษาป่าไม้ดุจถูกผลาญ
ดูเตียนโล่งโปร่งเลี่ยนสิ่งเบิกบาน
สิ้นสำราญลำธารห้วยสู่แนวไพร
มองทุกสิ่งอิงภูผาเพื่อหาสุข
กลับเพิ่มทุกข์สุขมิพบสลดไว้
คงแต่ซากความจำสู่ห้วงใจ
ที่เหลือไว้ให้ถวิลถิ่นห้วยแก้ว
โอ้ลาก่อนที่รักชักรอนจิต
ใคร่ลิขิตวิงวอนก่อนจบแล้ว
หวังเพียงคนอนุรักษ์ป่าทุกแนว
สู่ห้วยแก้วพลิกฟื้นคืนสู่เอย.๚๛
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
17 กันยายน 2548 11:43 น.
แก้วประเสริฐ
* น้ำตาของลูกผู้ชาย *
ตะวันพลบกลบแสงสุรีย์ฉาย
เปรียบน้ำใจของชายที่ไร้หญิง
แสงดวงดาวพราวเพริศฟ้าคราอิง
น้ำใจหญิงสุดร้างแลห่างไกล
ภายในดวงใจไม่มีใครจะรู้ว่า
หยาดน้ำตาของชายไม่ผ่องใส
ดุจเมฆทับดับดาวเศร้าหัวใจ
สิ่งผ่านไปเหมือนไร้เดือนตะวัน
ยอมเหนื่อยกายเพื่อนางสุดที่รัก
ยอมวางรักเพื่อนางให้เฉิดฉันท์
ยอมทุกสิ่งเหมือนควักหักชีวัน
เพื่อเธอนั้นจะได้ไม่หมองตรม
เสียงครวญคร่ำร่ำร้องฟ้าคราฝน
ดั่งจะป่นหัวใจคล้ายเรือล่ม
พายุพัดซัดเซรักลอยลม
ยากจะข่มอาวรณ์ถอนฤทัย
ช่างแสบทรวงล้วงซ่อนตอนถูกควัก
ยามคนรักกลับกลายหัวใจสลาย
สู้สละถนอมสิ่งสุขยอมทุกข์กาย
สิ่งที่ได้คือใจคล้ายผงธุลีดิน
อนิจจาฟ้าเอ๋ยใยพิโรธ
อย่าลงโทษเธอเลยข้ายอมสิ้น
เพื่อสิ่งรักหักลงแล้วแม้ชีวิน
ขอเธอผินบินสู่ฟ้าหาดวงดาว
น้ำตาลูกผู้ชายคราไหลหลั่ง
ดุจฟ้าคลั่งฝนหลั่งจากห้วงหาว
แผ่นดินแยกแตกระแหงแฝงเรื่องราว
ป่นคลุกเคล้าเฝ้าระบมขมทรวงใน
หลับตาลงส่งน้ำไหลซึมซาบ
สุดจะปลาบแปลบปวดรวดร้าวไว้
ผ่านในทรวงห่วงหาแสนอาลัย
ยากสิ้นสลายเหมือนตะวันนั้นลับจร.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
16 กันยายน 2548 11:38 น.
แก้วประเสริฐ
* นี่หรือสิ่งรอคอย *
เหม่อฟ้าคราใดดวงใจสะท้อน
นึกถึงตอนฟ้ากระจ่างสว่างใส
สิ่งอิ่มเอิบพุ่งพล่านซ่านฤทัย
ความสดใสแผ่ซ่อนอ้อนฤดี
วันจำลามาพรากสิ่งจากฝัน
ลบตระการหลบลี้ดูหลีกหนี
ความสดใสซาบซ่านผ่านชีวี
ทิ้งส่วนที่เหลือไว้ไห้นำพา
เพราะเวลาวันนั้นครั้นใกล้ชิด
ยังตรึงติดแนบรำพึงคำนึงหา
ยากลุล่วงผ่านบ่วงที่ล่วงมา
แสบอุรายากผ่านฝันเลื่อนลอย
พอเวลาวันนี้มีมาถึง
ยิ่งคำนึงฝันใฝ่ใจละห้อย
มองเมฆาละล่องไร้ร่องรอย
สู่เฝ้าคอยชะเง้อหายามราตรี
เฝ้ารำพึงคำนึงหามาพบเจ้า
รอวันเข้าสู่ซึ้งซึ่งสดศรี
ใยผันเปลี่ยนหักร้างวางชีวี
ดุจจะมีปีศาจมากวนใจ
บัดนี้เล่าฟ้าโปรยโรยน้ำฝน
ยังสู้ทนตากมาหาสิ่งใส
ด้วยน้ำจิตมิตรไมตรีที่มีไว้
ช่างทำได้ใยร้างดั่งฝนโรย
ความชื่นฉ่ำเย็นเร้าเคล้าร้อนรุ่ม
ดุจไฟสุมกลางน้ำช้ำสุดโหย
โรยสิ่งร้างดุจดั่งฟ้าฝนโปรย
ลมฝนโชยแลลับดับดวงดาว.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙