9 กุมภาพันธ์ 2549 22:33 น.
แก้วประเสริฐ
แพน้อยลอยรัก
แพเอ๋ยแพน้อย
ยามล่องลอยน้อยใจในคนชัก
ฝ่ากระแสคลื่นลมขื่นขมนัก
ให้ประจักษ์ในรักมักสั่นคลอน
แม้นวันที่สิบสี่มีความหมาย
ใยเหตุใดไหวหวั่นสรรค์หลอกหลอน
แกว่งสะบัดซัดเซพเนจร
เจ็บร้าวรอนตอนท่องละอองธารา
รักเอ๋ยรักแท้
เหตุผันแปรเปลี่ยนไปไม่หรรษา
หัวใจน้อยคอยไว้ในกาลเวลา
สู้อุตส่าห์เฝ้าถนอมกล่อมห้วงใจ
ฝืนความทุกข์เพื่อสุขคลุกแพน้อย
แสนละห้อยรอยยิ้มอิ่มสดใส
แม้ดวงจิตผิดแผกแตกอย่างไร
ขอทั้งหลายได้สุขนั้นเพียงพอ
จันทร์เอ๋ยจันทร์เพ็ญ
ช่างงามเด่นพริ้มพราวสกาวจริงหนอ
ละอองดาวฝากฟ้าไว้เหมือนใจรอ
ฉันเพียงขอรอรักในวาเลนส์ไท
แสงสีนวลริมแก้มแซมแย้มยิ้ม
เพริศพรายพริ้งอิงฟองน้ำเป็นสาย
แว่วเสียงเสนาะไพเราะเพราะคนไป
แต่ดวงใจคล้ายแพน้อยที่ลอยรัก.
* แก้วประเสริฐ. *
8 กุมภาพันธ์ 2549 14:41 น.
แก้วประเสริฐ
เสียงครวญจากใจ
ระบัดใบไม้พลิ้วลิ่วระลึก
สิ่งหวนนึกชวนให้หัวใจพล่าน
วนเวียนเว้าเฝ้าคำนึงถึงก่อนกาล
อกสะท้านรักเอ๋ยมิเคยแล
ยามล่วงโรยดุจฟ้าคราเสกสรร
ครั้นผูกพันใกล้ชิดดังติดแห
วันคืนเล่าเฝ้ารำพึงถึงดวงแด
ความผันแปรแฝงไว้จนให้จำ
บัดนี้เล่าเจ้าเอยสิ่งเคยผ่าน
ดังตะวันอ่อนแสงแฝงสิ่งช้ำ
แม้นจันทราเผยสว่างยังระกำ
ดาวเลิศล้ำนำชักยังจักมัว
นี่แหละหนอพอรู้สึกระลึกซ้ำ
ถึงความจำพร่ำวอนจรไปทั่ว
รักที่หวังตรองไว้สร้างใจระรัว
แฝงสิ่งยั่วขึงขังทั้งอ่อนโยน
แม้นเคยปองจองไว้มองไกลห่าง
แสนจืดจางอ้างว้างดังต้นโสน
หวานที่ซึ้งตรึงไว้คล้ายเอนโอน
เหมือนถูกโดนลมพัดขจัดกรู
โธ่เจ้าเอ๋ยเคยเห็นเด่นลอยฟ้า
พร่ำเรียกหาใยพามาหรุ่บลู่
เหมือนดวงใจที่ไร้คนเอ็นดู
จึงหดหู่มองดูสู่ดาวเดือน
สิ้นแล้วหนอพอเถิดนะที่รัก
หัวใจควักมอบไว้คล้ายถูกเฉือน
เหตุความหลังฝังสลายมิได้เยือน
แต่ลับเลือนเหมือนนภาคราอ้างว้าง
ให้ครวญคร่ำพร่ำหวนชวนร้องเรียก
สำเนียงเพรียกก้องกู่ดุจภูร้าง
ปราศทุกสิ่งอิงไว้ดุจได้วาง
แม้นจะสร้างแต่รันทดต้องจดจำ.
* แก้วประเสริฐ. *
6 กุมภาพันธ์ 2549 11:09 น.
แก้วประเสริฐ
จันทร์หมอง
แสนเสียดายองค์ทรงพร่างพราย
ช่างงมงายหลงคอยเฝ้าดวงฉาย
รอนฤทัยให้หมองหม่นข้างใน
นึกถึงใครสร้างฝันนั้นรอคอย
นวลอนงค์เพียงเอ่ยเผยแย้มยิ้ม
ช่างจิ้มลิ้มพริ้มพรายแล้วใช้สอย
หลงละเมอเพ้อทำจนใจลอย
ปั่นป่วนพลอยน้อยใจเขาได้ลา
อันต้องหมองปองหม่นปนความเศร้า
แสนรอนร้าวเฝ้าคำนึงถึงสิ่งหา
โอ้จันทร์เอ๋ยเคยเห็นในนภา
ใยจึงมาพาแสงแหล่งแห่งช้ำฟก
จะหลบหลีกหลบรักเพื่อพักจิต
แนบสนิทติดรักจากพรากอก
สลักตรึกผนึกกักมักวิตก
สรรค์ฟูมฟกตกผลัดแล้วจัดคิด
อเนจอนาถพลาดนิดมิคิดกอด
ปลักที่พลอดหลอกวกพกทุกข์จิต
วิมุติเกิดเชิดรักแม้จักนิด
สู่ชีวิตผิดโศกติดโรคนัก
แม้หลีกหลบพบมักจักเด็ดขาด
ก็มักพลาดอาจกลับนับพบรัก
นุชนาฏอนาถหนออย่าขอพัก
สัญญาลักษณ์ภาพนุชสุดจักพอ.
* แก้วประเสริฐ. *
2 กุมภาพันธ์ 2549 23:17 น.
แก้วประเสริฐ
* หลงรักมักวุ่น *
๏ แรกรักมักส่งให้.......................สุขใจ
ทุกสิ่งพลันสดใส.............................ยิ่งแท้
ผิวชนลุ่มหลงใหล...........................รักใคร่ ใดฤา
สูงต่ำมิแยกแม้...............................ต่างชั้นพลันสรรค์ ฯ
๏ แรกรุ่นมักครุ่นซึ้ง....................ตรึงความ
ผิดถูกมิสนยาม...............................ใฝ่บ้า
ดำฤษณางดงาม..............................รูปร่าง
เพียงแต่ถูกใจข้า............................สิ่งนั้นฉันสนอง ฯ
๏ อุปมาบุปผาแย้ม.......................กรุ่นหอม ยวนนา
มวลหมู่ภมรตอม..............................ยั่วเย้า
รสหวานซ่านดมดอม........................โรยล่วง ปวงแฮ
สิ้นสุดประกายเค้า............................โศกเศร้าเงาสวรรค์ ฯ
๏อนาถใจใฝ่ใคร่แท้.....................วัยซน
ซบกอดมิอายคน..............................ผ่านจ้อง
คอซองยิ่งเหลือทน............................มองซ่าน ร่านเฮย
อกเอยยากเรียกร้อง.........................วอนเจ้ากลับใจ ฯ
๏ ใยเป็นไปเช่นนี้.........................ชายหญิง
พ่อแม่หน้าแตกยิ่ง.............................แน่แท้
มีลูกผูกใจจริง....................................คงเสื่อม วงศ์นา
ใครเล่ามาช่วยแก้.............................นอกเจ้าเรียนสูง ฯ
๏ อนาคตคงสุดสิ้น..........................จริงนา
หากไม่ใฝ่วิชา...................................กอบกู้
การงานบ่ปัญญา................................ขานส่ง สูงนา
ตกต่ำยากหาญสู้................................สู่ฟ้าพาสลาย ฯ
๏ วัยเอ๋ยวัยรอบรู้...........................พากเพียร
จงหมั่นขยันเล่าเรียน.........................ท่องไว้
ฝึกหัดจัดขีดเขียน..............................เล่าท่อง มองแฮ
จักส่งชีพเราให้..................................เลิศฟ้านภาสวรรค์ ฯ
๏ จันทร์เพ็ญเด่นฟากฟ้า................ราตรี
ปัญญาหากเรามี.................................มากล้น
ดุจแสงเทียนรัศมี..............................นำส่อง ทางเฮย
ภัยพิบัติจักหลุดพ้น.............................คนซ้องสรรเสริญ. ๚๛
* แก้วประเสริฐ. *
1 กุมภาพันธ์ 2549 14:09 น.
แก้วประเสริฐ
หยาดน้ำเพชร
หวนคำนึงถึงรอยยิ้มอันพริ้มพร่าง
ทั้งสองข้างแก้มน้อยรอยน้ำไหล
หยดรินพราวราวหัวใจสลายไป
ดั่งรอยไหม้แฝงไว้คล้ายอำลา
หวีดหวิวเสียงเพรียกพร่ำดุจร่ำร้อง
พระพายก้องคร่ำครวญล้วนเรียกหา
ใบไม้แผ่วแว่วสะบัดเหมือนพัดลา
หยาดน้ำตานางฟ้าอำลายุพิน
บัดนี้หนอรอยรักจักเลือนหาย
เหลือเพียงใจฝากไว้คล้ายหวนถวิล
สิ่งที่เหลือห้วงหทัยได้โบยบิน
ดูหมดสิ้นกลิ่นเจ้าเฝ้าเคล้าจันทร์
บางคืนเฝ้ามองนภาอนิจจาเอ๋ย
สิ่งที่เคยมองเห็นเด่นเดือนนั้น
อีกดวงดาวพราวพร่างสล้างพลัน
ล้วนมีอันเหือดหายคล้ายใจเรา
ต่อไปนี้ใครเล่าเฝ้าโลมสมร
กล่อมบังอรนอนหลับมิอับเฉา
แทรกซึมเสียงพัดเจ้าดุจดังเงา
ประโลมเร้าเคล้าคลอล้อเอาใจ
สิ้นแล้วนะน้ำตาคราหยาดเพชร
แวววาวเกล็ดมณีที่ลอดไหล
แก้มเปล่งปลั่งสองข้างสร้างวิไล
ไร้เจ้าไปคล้ายจันทร์นั้นลับตา.
* แก้วประเสริฐ. *