3 กุมภาพันธ์ 2551 15:39 น.
แก้วประเสริฐ
** นวลจันทร์ **
งามระเด่นเพ็ญฟ้าแสงใสสว่าง
ยลพักตร์นางสีไสวคล้ายนวลแข
ระยิบพราวกระจ่างสร้างดวงแด
สถิตย์แดนแลเลิศล้ำยากกล้ำเกิน
รัชนีกรราตรีแสงแฝงสิ่งหอม
เย้ายวนดอมผกากลิ่นระรินเถิน
ทั้งสูงต่ำน้ำตกแสนเพลิดเพลิน
สุดจะเมินยุรยาตรมาดเรืองรอง
ปทุมมาศผาดผ่องปองสิ่งสล้าง
ใสสดสว่างสร้างเฉิดเลิศสนอง
อรชรอ้อนแอ้นแสนหมายปอง
งามละอองแดนสวรรค์อันวิไล
ในความมืดจืดจางนภาวิจิตร
งามประดิษฐ์นวลนางกลางแขไสว
โชยเนื้อกลิ่นสล้างกลางพฤกษ์ไพร
ยากห่างไกลเสน่ห์ผกาลาวัณย์โปรย
มาดแม้นพิศคิดเพลินจำเริญจิต
ที่สถิตชิดเพียงพบประสบโหย
ดั่งมิแม้นอาจเพียงใกล้ไกลโชย
เสมือนดุจโปรยทิพย์อมฤตวารี
ยิ่งประกายนวลจันทร์ประชันโฉม
แสงเล้าโลมประเทืองเรืองสดสี
ส่องประกายอิงแอบแนบเนื้อทวี
งามโฉมศรีผุดผาดสาดแสงจันทร์
แม้นมิกล้าเข้าใกล้เหมือนใจถวิล
ห้วงวาสินรัญจวนชวนเสกสรร
ผกามาศแนวถิ่นเถินเพลินรำพัน
น้ำตกลั่นเสียงสนานอันออเซาะ
ราตรีนี้เพริศพริ้งจริงล้ำเลิศ
สิ่งเคล้าเกิดภิรมย์อารมณ์เสนาะ
งามยิ่งนักนวลเคียงเสียงไพเราะ
ด้นเลี้ยวเลาะชมนางกลางแสงจันทร์.
*** แก้วประเสริฐ. ***
1 กุมภาพันธ์ 2551 01:31 น.
แก้วประเสริฐ
** ดั่งนางสวรรค์ **
งามเยิ้มหยาดรัตนามาเสกสันต์
ยลลาวัลย์ปานหนึ่งตรึงอัปสร
พักตร์เพริศพริ้งอิงไว้ในบังอร
ช่างอรชรยวนยิ้มพริ้มแย้มนาง
ปานประหนึ่งเทพีศรีแมนสรวง
งามทั้งปวงจากฟ้าครายามสาง
ชมพฤกษาผกากรองต้องริมทาง
เมฆหมอกจางปฐพีแสงรวีคลาย
แม้นแต่องค์เทวัญยังผันพักตร์
ยลนงลักษณ์แย้มยิ้มพริ้มเฉิดฉาย
เหล่ากัญญาวิจิตรคิดเอียงอาย
แสนงมงายจำรัสวิทัศน์สราญ
หลงเพลินชมนงนาถพิลาสพฤกษ์
ยามหวนนึกรำพึงคำนึงสนาน
ที่อิงแอบแนบก่อนย้อนวันวาน
มิเท่ากาลมาเทียบเปรียบลักขณา
ยิ่งยลเฝ้าเพ็ญอนงค์หลงใจจิต
เมื่อหวนคิดเก่าก่อนเว้าวอนหา
มิอาจเท่าเคล้าเคียงเยี่ยงแลมา
แสนตรึงตาเหล่าผกาโอบนารี
ตะวันย้อนอ่อนแสงแฝงสิ่งใส
เลิศสิ่งใดมาเคียงเยี่ยงเฉิดฉวี
ยิ่งพินิจจิตสนองดุจปองเทวี
สุมนามณีแฝงแห่งแพรวสกาว
ยามหยอกเย้าเคล้ามาลีลาไสว
มาคว้าไขว่เล้าโลมดอกผกาขาว
หอมระรินกลิ่นเนื้อเอื้อมาพราว
แนบเนื้อสาวเคล้ามาลีแม่ศรีสุดา
ช่างอิจฉาเจ้าพฤกษามาลีไสว
หากเปรียบไกลเลิศนักยากจักหา
ที่แนบเนื้อนวลนางกลางมรรคา
ยากจะหาใดเทียบเปรียบนางเลย.
*** แก้วประเสริฐ. ***
29 มกราคม 2551 16:04 น.
แก้วประเสริฐ
** สิ้นสุดสุดสิ้น **
รักมีมากเพียงใดฤทัยป่วน
สิ่งรัญจวนเคยปองมิสนองฝัน
แม้นเปลี่ยนวนระคนสุดทนกัน
พลิกยามผันเมื่อคนึงเคยซึ้งวอน
น้ำใจหนออิงไว้ดุจคล้ายน้ำ
ช่างเหลือล้ำฝากไว้ดังใคร่หลอน
เปลี่ยนวกอิงสิ่งไปช่างได้คลอน
เซาะซอกซอนฝังไว้สุดให้รวน
นี่นะหรือหญิงเราเคยเฝ้ารัก
ตามใจนักห่วงใยจึงได้ฉนวน
ก่อสิ่งเกิดเปี่ยมไว้แสนไร้นวล
พลิกสิ่งล้วนคำไว้ดุจคล้ายเงา
วิเวกแว่วสำเนียงเคยเสียงแจ้ว
สิ้นสุดแล้วเหลือไว้ดูกรายเขลา
มุ่งมั่นสร้างสถานอิงเพื่อสิ่งเรา
เหลือเพียงเฝ้าสิ่งพรากที่จากไป
โถหัวใจคนเราแสนเคล้ายาก
แม้นจะฝากสิ่งหวังแต่ยังสลาย
ถึงแม้เงาเพียงคนึงช่างซึ้งหทัย
ความวิไลใฝ่ถวิลน้ำจินต์ครวญ
ลาแล้วหนอเรือนรักที่พรักพร้อม
ก่อนห้อมล้อมพฤกษาผกาสวน
ส่งกลิ่นโชยใฝ่ย้อมมาหอมชวน
แสนรัญจวนเด็ดดมเฝ้าชมนาง
เมื่อสิ้นสุดสุดสิ้นถิ่นประจักษ์
สิ่งพำนักลาก่อนเพื่อผ่อนสล้าง
เจ้าคอยก่อนเพื่อรอไม่ขอวาง
จะไม่ร้างหอสร้างระหว่างใจ
พบรักแท้ข้างหน้าหวนหาเจ้า
เฝ้าโลมเล้าสาวสงวนที่ล้วนไสว
สวนผกาพฤกษ์บ้านสำราญหทัย
มิห่างไกลจากเจ้าเพื่อเฝ้าสำราญ.
*** แก้วประเสริฐ. ***
27 มกราคม 2551 15:30 น.
แก้วประเสริฐ
** จรรยาสูตร **
สูตรหนึ่งคำนึงคิดถึงจิตเขา
สูตรสองมองเราเฝ้าสอบสวน
สูตรสามยามเจรจานำพาชวน
สูตรสี่ควรตรวจตราหาเหตุเรา
สูตรห้าหาเหตุผลบรรจงสร้าง
สูตรหกสล้างสิ่งคิดอย่าติดเขลา
สูตรเจ็ดพูดสิ่งใดอย่าคล้ายเงา
สูตรแปดเราอย่าเก่งเกินกว่าใคร
สูตรเก้าเฝ้าไพเราะเสนาะเสมอ
สูตรสิบเสนอสนองตรองสิ่งใส
สูตรสิบเอ็ดหวานซึ้งตรึงวิไล
สูตรสิบสองครองใจใฝ่กระทำ
สูตรสิบสามมั่นคงบรรจงปัก
สูตรสิบสี่หมั่นทักอย่ามักขำ
สูตรสิบห้าหฤทัยใฝ่ความจำ
สูตรสิบหกนำอยู่สู้ทุกทาง
สูตรสิบเจ็ดเบ็ดเสร็จอย่าเข็ดช้ำ
สูตรสิบแปดเมื่อทำจงสะสาง
สูตรสิบเก้าเฝ้าตามอย่าระวาง
สูตรยี่สิบมิขวางจงสร้างตาม
สูตรยี่สิบเอ็ดเหนื่อยอย่าเมื่อยล้า
สูตรยี่สิบสองหาฝ่าเกรงขาม
สูตรยี่สิบสามจรดให้งดงาม
สูตรยี่สิบสี่พยายามยามผิด
สูตรยี่สิบห้าตัวอย่ามัวเก่ง
สูตรยี่สิบหกเร่งพามาสถิต
สูตรยี่สิบเจ็ดทางสร้างใฝ่คิด
สูตรยี่สิบแปดคงจิตไตร่ตรอง
สูตรยี่สิบเก้าปองสิ่งมุ่งหมาย
สูตรสามสิบอย่ามลายใฝ่สนอง
สูตรสามสิบเอ็ดเบ็ดเสร็จได้ครอง
สูตรสามสิบสองได้ไร้อกตรม.
*** แก้วประเสริฐ. ***
(ฉบับแก้ไขตัวเลขครับ)
24 มกราคม 2551 16:03 น.
แก้วประเสริฐ
** อนธการ **
สหัสรังสีสิ้นแสงดุจแฝงชีวิต
แปรเปลี่ยนคิดสู่ภวังค์ครั้งสดใส
เหลือเพียงฝันย้อนยอกละลอกใน
ว้าเหว่ใจเปล่าเปลี่ยวเลี้ยวลัดตอน
วกเวียนวนปนเปเสสู่ห้วง
ยากจะล้วงคืนกลับนับอิงขอน
ดุจผาหินกล้าแกร่งแห่งบังอร
เปรียบอัปสรจุติมาแล้วพาจร
ดรุณีเฉิดโฉมประโลมสรวง
เป็นใยยวงผิวงามยามถอดถอน
สร้างหลงใหลใฝ่คิดมาร้างรอน
ยากวิงวอนหฤทัยสลายดวงจินต์
ห้วงเวลาวัฒนาแลหาไม่
หนีจากไปเหลือไว้เพียงใฝ่ถวิล
วันเปลี่ยนแปรอุปมาฝากราคิน
สร้างชีวินหายลับนับลอยลม
เปรียบผกาแรกแย้มแซมพฤกษา
สิ้นโรยลาเหี่ยวแห้งแฝงขื่นขม
เสมือนชีวิตสร้างไว้ทำไมตรม
ความระบมสู่ไว้ยากใคร่ครอง
มธุรสฉ่ำหวานเพียงผ่านปาก
ดุจดั่งซากอ้อยตาลผ่านสิ่งของ
ดวงหทัยหมายเก็บไว้ใฝ่ปอง
ดังละอองหลีกหนีที่ลาเลือน
แสนเสียดายเวลาคราวันฝาก
รู้ว่ายากยังติดแม้นปลิดเฉือน
เหลือเพียงฝันสู่สนิทติดใจเตือน
ยากจะเลือนสิ่งหมายมิคลายใจ
โอ้สุริยันจันทรายามมาพราก
ยังมิจากประสพพบสิ่งใส
แต่ตัวเรานี้หนอช่างท้อไป
เหตุอันใดจึงเป็นเช่นมืดมน.
*** แก้วประเสริฐ. ***