15 กุมภาพันธ์ 2551 16:15 น.
แก้วประเสริฐ
** สายสุธารา **
ณ ชายหาดสาดคลื่นระรื่นจิต
เพริศพราวพิศระยิบแสงแฝงฉวี
ประกายพริ้งเจิดจรัสวิรัชราตรี
เพลงดนตรีมณีกาลสราญรมย์
ราตรีหนึ่งซึ้งทรวงล่วงล้ำลึก
งามสิ่งนึกคงไว้คล้ายเสพย์สม
ผ่องแผ้วอิงสงวนไว้ให้เชยชม
รัศมีบ่มดาวเดือนเคลื่อนนภา
เอกอุดมฟองคลื่นชื่นวิจิตร
ยามเพ่งพินิจจิตชื่นระรื่นหรรษา
ดารดาษแสงทองส่องประกายมา
ตราบซึ้งอุราใฝ่สนองปองหฤทัย
ละอองขาวพราวพุ่งจรุงฟ้า
ยากจะหาเพลินพบประสบไศล
แนวสูงต่ำฟาดภูผามาเริงใจ
สุดวิไลลอยละล่องท่องสายธาร
ประดุจตรึกสาวน้อยละห้อยคิด
ซึ้งวิจิตรสนิทไว้คล้ายประสาน
มิอาจเอื้อมพริ้งพิศติดเดือนกาล
เปรียบวิมานฝันใฝ่ดวงหทัยปอง
เธอดุจดังชาวฟ้าในแมนสรวง
หลากทั้งปวงเลิศล้ำซ้ำเจ้าของ
ยังห่วงหาอาลัยยากหมายครอง
มิอาจสนองเคียงไว้เพียงใฝ่ชม
ดั่งเงาเดือนแลระยิบประกายล้ำ
คลื่นสาดน้ำงามสนิทจิตเสพย์สม
กลายละอองผ่องแผ้วแล้วลอยลม
มิอาจภิรมย์ฝากไว้คล้ายเลือนราง
ยืนมองธารพลันซัดสาดยังฝั่ง
ดุจประดังหวังสุขเมื่อคลุกขวาง
เหลือเพียงฝันฝากไว้ในสิ่งกลาง
ปล่อยอ้างว้างดั่งน้ำร่ำร้องเพลง.
*** แก้วประเสริฐ. ***
12 กุมภาพันธ์ 2551 11:20 น.
แก้วประเสริฐ
** อนิจจาตัวเรา **
ทุกวันนี้เปรียบได้คล้ายไม้ผุ
มิบรรลุเป้าหมายทำลายหวัง
ก่อกำเนิดหลากสิ่งไม่จริงจัง
ดั่งทรายพังครั้งก่อสร้างเจดีย์
สิ่งที่หวังมลายไม่ล้ำเลิศ
ยากจะเชิดชูหน้าหาศักดิ์ศรี
เพียงแค่ปองสนองหม่นชีวี
ดุจสุรีย์แตกคงเป็นผงควัน
โอ้ดาวเดือนยังส่งพะวงแสง
ราตรีแห่งรัตติกาลแปรผัน
ดั่งชีวิตหมั่นสู้เพียงละวัน
แสนปลุกฝันแค่สิ่งอิงชีวา
ยากยิ่งหาผู้ใดเข้าใจได้
คิดฝันใฝ่ไม่กล้ามาสู่หา
ยิ่งคิดติดอยู่แห่งกาลเวลา
คงจะมาหัวร่อล้ออกดวง
ดุจนกน้อยลอยฟ้าบินระลิ่ว
แม้นจะหิวยังสู้เพื่อสู่สรวง
สิ่งเรืองรองปองสิ้นใยยวง
มิลุล่วงความหมายในใจเรา
ขาดคำนึงถึงพลังสู่กาลหวัง
มลายกำลังหวังไว้ให้อับเฉา
สูญสิ้นสิ่งทะลายได้เพียงเงา
จึงสู่เฝ้าหลงใหลในเลือนราง
โอ้ชีวิตของฉันต้องฝันเสมอ
แสนละเมอรำพันหมั่นสะสาง
จินตนาสร้างไว้คล้ายเลือนราง
เพื่อระหว่างเพ้อเจ้อเผลอลืมตน
อนิจจาตัวเรารวดร้าวชีวิต
เสมือนลิขิตฝากลงตรงสับสน
มีสิ่งคิดความอ่านนั้นประปน
เปรียบคล้ายฝนทั่งผุแสนกู้คืน.
*** แก้วประเสริฐ. ***
10 กุมภาพันธ์ 2551 13:03 น.
แก้วประเสริฐ
** วาเลนไทม์ **
วันความรักเรียกหาพาร่ำร้อง
ดั่งทำนองเพลงพลิ้วละลิ่วหวน
บทเรียนน้อยคอยสวาทรัญจวน
ใยปั่นป่วนเย้ายวนเฝ้าเปรมปรีดิ์
กุหลาบแดงแสงสีทวีวิจิตร
ดุจลิขิตบ่งบอกหยอกเย้าศรี
มาลัยน้อยเรียงร้อยสร้อยมาลี
แสนปลื้มวจีสิ่งหลังมักฝังใจ
ใส่แจกันวางไว้ไม่คลายจิต
หวานชีวิตผนึกไว้ในสดใส
เฝ้าแลมองกลับมาทุกคราไป
ห้วงหทัยใฝ่ปองละอองแวว
หวานสิ่งยิ้มที่พักตร์ลักแก้มบุ๋ม
งามเนื้อนุ่มทั้งวจีที่ซึ้งแผ่ว
หัวใจสุขปลูกไว้ในเลิศแนว
เพริศพริ้งแพรวระยับประดับดาว
สิ่งวกกลับพลันหวนล้วนอีกครั้ง
กุหลาบยังแดงไว้ไม่เปลี่ยนขาว
แม้นมาลัยคล้องมาลีมิเพริศพราว
แต่ยังสาวความหลังที่หวังปอง
ถึงจะเหี่ยวแห้งไปไม่ได้เปลี่ยน
ความวนเวียนยังฝังครั้งสนอง
ฤดูกาลความรักที่ปักครอง
ยังต้องหมองปองไว้ในสิ่งเดิม
วันความหลังกลับมาคราปีนี้
ดั่งแสงระวีสาดส่องละอองเสริม
เหลือเพียงเก่าเคล้าไว้ไม่เพิ่มเติม
มิเหมือนเดิมกุหลาบแดงแฝงมาลัย
เหลือบแจกันใบน้อยละห้อยหา
สิ่งได้มาคงไว้คล้ายปราศรัย
ผู้มอบให้ลืมเก่าแสนเศร้าหทัย
คงหวนไปเหลือรักฝากเพียงเงา.
*** แก้วประเสริฐ. ***
7 กุมภาพันธ์ 2551 15:18 น.
แก้วประเสริฐ
** วาบหวาม **
คลอเคียงเคล้ารำไพพิไรพฤกษ์
งามตรึงตรึกหฤทัยสุดให้หวาม
เสียงเรไรร่ำร้องก้องเขตคาม
วิเวกยามเสียงแผ่วแว่วไพรพง
แขแสงสีประกายในเวหาส
นิภาสาดดงไพรวิไลระหง
พิศนวลพรรณระยับประดับวง
นภาส่งกลมโค้งโปร่งชมเชย
ดุจประหนึ่งมณีรัตน์จัดระยับ
ล้วนประดับภูผามาเปิดเผย
ทั้งพฤกษาลาวัลย์สุดละเลย
ต้องชมเงยรัชนีที่เปรมปรีดิ์
ระลอกคลื่นสายธารอันแวววับ
สะท้อนจับแสงแขแม้นวลฉวี
ส่องประกายไพรพฤกษ์ตรึกฤดี
พริ้มพราวสีสอดแสงแฝงชีวัน
บังเกิดเป็นอารมณ์ภิรมย์สถิต
เสมือนเนรมิตพฤกษามาเฉิดฉันท์
แว่วน้ำตกจากผาคราอเนกอนันต์
เฉกสร้างฝันวิมานแก้วแพรวพราย
หอมดอกผกากลิ่นมาลีที่โชยแผ่ว
วาบหวามแนวชมเคล้าเจ้าเฉิดฉาย
ซึ้งในทรวงล่วงล้ำแสนกร่ำกราย
ประดุจคล้ายน้ำค้างพลางเยือกเย็น
หาเขตแดนแคว้นเล่าจะเท่านี้
ประกายทวีแสงแขส่องมองเห็น
กลิ่นพงไพรงามจรดปลดลำเค็ญ
หวานเคยเน้นหายวับกับนัยน์ตา
จวบนวลล่วงลอยลับจะกลับฟ้า
น้ำค้างมาโรยพฤกษ์ตรึกหรรษา
พริ้งเพริศพราวราวสวรรค์ดารา
ระยับพาจิตสว่างกระจ่างวิญาณ.
*** แก้วประเสริฐ. ***
4 กุมภาพันธ์ 2551 21:00 น.
แก้วประเสริฐ
** เทวีที่เป็นสอง **
แสนเสียดายกัลยามามือสอง
มิเป็นรองคนอื่นพันหมื่นแสน
แม้แต่องค์เทวัญชั้นเมืองแมน
ทั่วทั้งแดนพิศวงหวังหลงปอง
รวมคนธรรพ์ยักขาเทวาครุฑ
ฤษีพิสุทธิ์มนุษย์จ้องคิดครองสอง
รวมเทพไท้เทวันฤทธิ์เรืองรอง
ใฝ่สนองหวังภิรมย์เพื่อชมนาง
นับประสาอะไรในแว่นแคว้น
ทั้งหวงแหนใฝ่ปองยังต้องขวาง
สับยุทธ์เกณฑ์โยธามาจัดวาง
สะท้านสร้างหวั่นไหวในปฐพี
หวังเพื่อนางซึ้งไว้ในลักขณา
แม้นกัลยาเป็นสองรองศักดิ์ศรี
แสนผุดผ่องยองใยหวังในเทวี
ดั่งรัศมีพร่างพราวสกาวเดือน
โอ้ชีวันขวัญชีวาเจ้าข้าเอ๋ย
ใยละเลยนงนุชประดุจเฉือน
ให้โศกเศร้าโศกาน้ำตาเยือน
สั่นสะเทือนเหว่ว้าดุจฟ้าทลาย
ดั่งรัชนีสบค้างระหว่างเสี้ยว
เพชรเรือนเกี้ยวหักสิ้นบิ่นสลาย
มวลเทพเทวัญชั้นฟ้ามิอาจคลาย
โอ้เสียดายมณีแก้วที่แพรวสกาว
แม้นเทวีเป็นอื่นสะอื้นโศก
แสนวิปโยคเป็นดำยากพร่ำขาว
เหลือใยรักปลูกฝังยังพลั้งพราว
ยากสืบสาวย้อนคืนระรื่นภิรมย์
คงเสียดายนักหนาฟ้าครวญคร่ำ
เทพเทวัญย้ำหวนยังชวนขื่นขม
ท้าวแว่นแคว้นบีฑาหวังมาชม
ต่างอกตรมเลิกร้างหนีห่างไกล.
*** แก้วประเสริฐ. ***