8 กรกฎาคม 2551 15:43 น.
แก้วประเสริฐ
*** แม่ยอดยาหยี ***
นงลักษณ์เลิศเพริศพริ้งดั่งอัปสร
สวยอรชรอ้อนแอ้นปานแมนสรวง
ย่างเยื้องย้ายไสวเรืองประเทืองยวง
หอมนวลปวงกลิ่นกายหมายไล้ดม
อีกวงพักตร์งามแย้มแซมพิสมัย
เรืองไฉไลสวยโขนงโก่งเสกสม
ล้นอุบลผ่านตระการซ่านเชยชม
ซึมซาบจมล้วนหวังจนคลั่งทรวง
ยิ่งสำเนียงจากโอษฐ์โสตถ์เสนาะ
แสนไพเราะซึ้งซ่านดั่งผ่านสรวง
สรรค์ประกายผ่านซึ้งตลึงทั้งปวง
ดุจคล้ายบ่วงจากสวรรค์ผูกพันใจ
พสุธามาพิลาสพาดเรืองศรี
สิ่งเปรมปรีดิ์ลักขณาพาสดใส
เยื้องผ่านพ้นพิลาปฉาบไฉไล
ผันแปรไปสู่ถวิลจินต์ร่ำครวญ
แม้แต่เทพบนสวรรค์ชั้นแมนฟ้า
ล้วนพร่ำหาใฝ่ถวิลจินต์กำสรวล
หวังภิรมย์เคียงเขนยเชยรัญจวน
ยังปั่นป่วนแดนสรวงปวงอลวน
โอ้แม่ยอดยาหยีเทพีเอ๋ย
หากแม้นเชยอนงค์ปลงสับสน
ความเบื้องหลังทิ้งไว้ไม่ปะปน
ชมเชยจนปรีดิ์เปรมเกษมฤดี
มาดแม้นใฝ่สิ่งใดจะให้เจ้า
ยกเดือนดาวมิอาจบาดหมองศรี
หลากพื้นหล้าไขว่คว้ามาให้เทวี
หากชีวีหมายปองสนองนวลนาง
ยิ่งเพ่งพิศจิตสวาททอนบั่นคิด
สวรรค์ลิขิตฟุ้งซ่านหวั่นสะสาง
อึงคนึงป่วนหฤทัยยากใคร่วาง
แสนอ้างว้างตลึงแลชะแง้มอง.
*** แก้วประเสริฐ. ***
6 กรกฎาคม 2551 16:34 น.
แก้วประเสริฐ
*** สุดขอบฟ้า ***
แสงทองจากขอบฟ้า ยามยลมาอุษาสาง
ระลิ่วพลิ้วจนจาง กระฉอกวางกลางริมฝั่ง
พวยพุ่งละอองฝอย ทบแสงน้อยร้อยสะพรั่ง
เป็นรุ้งงามประดัง ดุจมนต์ขลังกลางดวงใจ
ระลอกคลื่นระยิบ มองกระพริบความฝันใฝ่
เยือกเย็นดูห่างไกล สิ่งเฉิดฉายละลายพลัน
เหลือไว้ให้รำพึง ความคิดถึงป่วนใจอนันต์
ขอบฟ้าแม้นเฉิดฉันท์ ผ่านซึ้งวันซ่านสู่ทรวง
ต่อไปใครเหลียวหา หวานนำมาสร้างสิ่งสรวง
เหลือลงคงคล้ายยวง สิ่งแสนหวงพลันลับตา
อกเอยแสนอ้างว้าง ลิดรอนทางใฝ่ฝันหา
เหลือเพียงโขดหินมา ภิรมย์พาคลื่นละออง
หวิวหวิวใจสั่นริก แสนสุดจิกเลือดสาดนอง
ทาบไว้ในสิ่งปอง สรรค์พลิกสองเราเปลี่ยนแปร
กระแสสายน้ำล่อง ทบผิวส่องไร้ดวงแข
อ้างว้างกลางดวงแด มิเผื่อแผ่แก่สิ่งฝัน
ระยิบกระพริบส่อง หานวลน้องที่แปรผัน
แม้นเงาที่ผูกพัน ยากคืนวันหวนกลับมา
เหลือไว้ในขอบฟ้า สุดเสน่หามินำพา
แม้นใจที่แกร่งกล้า อ่อนใจล้าดุจคลื่นน้อย
แปรเปลี่ยนเวียนเศร้าจิต ยามหวนคิดแสนละห้อย
อกเอ๋ยเคยหวานกลอย สิ่งชดช้อยลอยห่างไกล
ลิขิตสุดสร้างสรรค์ อิงจำนรรจ์แสนวิไล
หลงเหลือมิเอื้อใย ความยากไร้เกิดก่อครอง
นี่แหละคือชีวิต ย่อมผันปลิดสู่เราสอง
เงินตราคือสิ่งปอง ดุจแสงทองของนารี
ระลอกคลื่นแลลับ กระทบกับโขดราวี
เกิดปมปั่นป่วนทวี เกิดแสงสีที่ลวงตา
ขอบฟ้าสุดไกลโพ้น ดั่งรักโยนสิ่งเสน่หา
คงไว้ยากนำพา เปลี่ยนทางมาสู่เดียวดาย
ฟ้าแจ้งแล้วซิหนอ ขอเพียงพอต่อสิ่งสลาย
เหลือร้อนทบสู่กาย ลาผันเปลี่ยนเสี้ยนหัวใจ.
*** แก้วประเสริฐ. ***
4 กรกฎาคม 2551 19:59 น.
แก้วประเสริฐ
*** รอรักเรือนร้าง ***
แลสายฝนเสียงฟ้าคำรามก้อง
แวบวับร้องเวหนลมบนหา
พายุหมุนเร่งเร้าเคล้าเมฆา
สู่พฤกษาลู่ไหวใฝ่ลิดรอน
หลังคาจากหลุดลิ่วปลิวลอยห่าง
สิ่งของวางพลิกคว่ำซ้ำผ้าผ่อน
พลิ้วระลิ่วตามลมขมขื่นตอน
บันทึกว่อนเก็บไว้หลังได้ชม
ดูสะพรั่งกระจายคล้ายสายฝน
สุดอลวนเสียดายให้ขื่นขม
หลายปีเฝ้าเก็บไว้ได้ภิรมย์
บัดนี้ล่มสิ้นมลายสุดสายตา
ตัวแทนเพียงสิ่งเก่ายังเฝ้ารัก
เจ้าของจักนำมาโชว์เสน่หา
บัดนี้หายไกลลับไม่กลับมา
รอเวลาความหลังครั้งผูกพัน
ดูสิ่งสภาพเรือนร้างที่สร้างไว้
สาวนาได้ร่วมสรรค์วันสิ่งฝัน
ครั้นฝนจางห่างหายทำลายมัน
แม้นกระนั้นคอยอยู่ดูเลือนจาง
จะซ่อมแซมขึ้นใหม่ไว้คอยเจ้า
มุ่งคอยเฝ้ากลับมาเพื่อสะสาง
ผ่านวันคืนเดือนปีมิปล่อยวาง
สู่บอบบางจิตใจไม่พลิกแพลง
รักเรือนร้างสู่ถวิลจินต์ป่วนยิ่ง
อยากแอบอิงสาวนายากมาแถลง
หลงคอยนวลหวนจิตมิคิดแคลง
หลายครั้งแสดงหัวใจใยลิดรอน
ใจข้าจะขาดแล้วน้องแก้วเอ๋ย
หวานที่เคยหอมไว้มิได้ถอน
แม้แต่นาคอยเจ้าเคล้าวิงวอน
ทุยยังอ้อนร้องครวญชวนสู่นา
บัดนี้เล่าเหลือไว้ในสิ่งหลอน
ห้วงสั่นคลอนสิ้นหวังดังไขว่หา
กลิ่นไอดินคลุ้งเคล้าเฝ้าลอยมา
ต้นข้าวกล้าฝ่าลมภิรมย์ครอง
ไม่เท่าไหร่แล้วนะจะตกท้อง
เป็นรวงทองผ่องไสวสิงสู่สนอง
หวนถึงสิ่งผ่านวันสรรค์ครรลอง
ล้วนทั้งสองเกี่ยวข้าวเฝ้าเก็บมัน
อดีตกาลผันผวนป่วนสิ่งสวรรค์
ผ่านวันวารสิ่งไสวไม่สบสันต์
เรือนรักร้างนาทุ่งพวยพุ่งอนันต์
ท้องทุ่งพลันแตกไสวไม่คล้ายเรา
มองท้องทุ่งเหลืองอร่ามงามวิจิตร
อยากเปลี่ยนชีวิตลิขิตพลันเศร้า
หลงละวางสร้างไปคล้ายมึนเมา
ที่คอยเฝ้าเชือดเฉือนสะเทือนลง
เหลือบแลจ้องเรือนร้างสร้างสิ่งรัก
ความประจักษ์รอไว้ให้คล้ายผง
ยามธุลีดินแห้งแล้งแคลงมั่นคง
เปลี่ยนยืนยงแปรไปในสิ่งงาม
จะผันเปลี่ยนสิ่งรอขอเป็นทุ่ง
จิตหมายมุ่งควายพยุงไม่เกรงขาม
บากบั่นสร้างวาสนาฝ่าเขตคาม
หมายพยายามพลิกนาท้าฟ้าดิน
ครั้นฝนพรากจากไปฝากในชื่น
ความขมขื่นแม้นรักจะหักสิ้น
เหลือเรือนร้างอนุสรณ์รอนชีวิน
ฝากแค่ถิ่นเรือนร้างกระจ่างพนอ.
*** แก้วประเสริฐ. ***
(ภาพของคุณพุดไพร สาวบ้านนา)
2 กรกฎาคม 2551 15:32 น.
แก้วประเสริฐ
*** ทรวงสะเทือน ***
๏ วิกาลแปรเปลี่ยนพลิ้ว ผันไป
พรากรักแสนไฉไล จากแล้ว
กลับผันลิดรอนไกล เกิดก่อ ฝากแฮ
เคยแอบอิงสิ่งแพร้ว ยากสิ้นคืนเรา ๚
๏ คืนจันทร์สกาวฟ้า แรมรอน
เงาสิ่งหอมออดอ้อน บ่มไว้
ไอแนบอุ่นสะท้อน เพียงกลิ่น นางเอย
อวลสิ่งฝากคลั่งไคล้ สุดเศร้าทรวงครวญ ๚
๏ ดาวเอ๋ยเคยฝากไว้ ระยิบ จริงนา
เมฆหมอกยากกระพริบ ฝากสิ้น
ดุจรักที่ร้างลิบ มิกลับ คืนนอ
หวังที่มาหักปลิ้น แตกไว้คลายสลาย ๚
๏ ฤดีชวนป่วนไว้ สุดคนึง
เกิดก่อไว้รำพึง ป่วนแล้ว
วิจิตรที่คิดถึง ยังกลิ่น ฝังเฮย
มีสิ่งรักเพริศแพร้ว เคลื่อนคล้อยลอยลม ๚
๏ นวลจันทร์ส่องทบหล้า หรือเรา
ฝืนกลับพลิกแม้เงา ห่างร้าง
รัตติกาลแสนเขลา รอนลิด ทรวงแฮ
อยู่สิ่งเหลือฝากสล้าง สู่พลิ้วปลิวกระจาย ๚
๏ มาดแม้นกาลผ่านแล้ว ล่องลอย
ฝังสิ่งแสนจะคอย ฟากฟ้า
ใจยังคิดคว้าสอย เพื่อก่อ รักนา
คงสิ่งมิอาจคว้า จากสิ้นแสนไกล ๚
๏ ไอแนบเพียงอุ่นไว้ ภิรมย์
แม้นจากวันลอยลม หมดแล้ว
อนิจจารักเชยชม สิ้นสุด แน่เฮย
ทรวงที่ภิรมย์แคล้ว ขาดสิ้นจินต์สลาย ๚
๏ รัตติกาลผ่านสิ้น ถวิลครวญ
รักที่เคยรัญจวน จบแล้ว
เหลือเพียงสิ่งที่หวน เคยก่อ หวานนา
แม้ฝากจันทร์ดาวแคล้ว พรากสิ้นจินต์ครวญ.๚ะ๛
*** แก้วประเสริฐ. ***
30 มิถุนายน 2551 16:26 น.
แก้วประเสริฐ
*** ดาวจรัสฟ้า ***
เธอเป็นดาวพราวพุ่งหวังจรุงฟ้า
ดุจดาราเปล่งทวีสีแห่งแสง
ที่บรรเจิดอักษราพาโรยแรง
ด้วยมวลแฝงริษยามาบรรจง
เพื่อหวังครองผู้เดียวเสี้ยวแห่งจิต
ปั่นความคิดคนอื่นรื่นประสงค์
หวังก้าวข้ามหัวเขาเฝ้ามั่นคง
เพื่อยืนยงรัศมีปรีดิ์เปรมอุรา
ว่าข้าเก่งอาจหาญชาญฉลาด
ดุจนักปราชญ์ล้ำเลิศเชิดสิ่งหา
คอยบั่นทอนรอนลิดคิดนำพา
ให้คิดว่าผลงานผ่านเกรียงไกร
มิส่องเงาดูหน้ายามฟ้ารุ่ง
มืดดำพุ่งคมหอกตอกสิ่งไสว
หวังล่วงหล่นจากฟ้าเวหาไกล
สู่หลงใหลแก่ตนคนเหนือคม
อันสิ่งแท้แน่นอนซ่อนสิ่งไว้
เขามิได้ประกาศงานเสพย์สม
กลับซ่อนคมสู่ในครั้นใครชม
หวานภิรมย์ถ่อมไว้ในกายตน
เสมือนดังฝึกทั่งฝนจนได้เข็ม
เขาเพียงเล็มสิ่งสล้างกลางสิ่งสน
เก็บแหลมคมซ่อนสนิทมิคิดปน
ถ่อมเสียจนดูเขลาเศร้าปัญญา
มิอาจเอื้อมวางตนให้คนรัก
ผิดพลาดจักชมเชยเผยเสน่หา
สร้างกำลังใจมอบเพียรวัฒนา
เพิ่มนำพาผลงานถึงการแสดง
ดังสายรุ้งพวยพุ่งจรุงเวหน
ปราศจรดลในสิ่งอิงแอบแฝง
จะจริงใจไม่อวดโม้พลิกแผลง
ส่งถ้อยแถลงวงการสั่นลิดรอน
ขอเพียงเธอปราศไร้ใยมัวหมอง
หนีคะนองลมปากฝากถอดถอน
หรือกลเล่ห์มากมายให้สั่นคลอน
เป็นดาวสลอนบรรเจิดเชิดประกาย.
*** แก้วประเสริฐ. ***