10 สิงหาคม 2551 13:26 น.
แก้วประเสริฐ
*** คืนหนึ่งนั้น ***
เหมือนฟ้าฟาดกลางทรวงแทบล่วงลับ
ช่างแตกยับสิ้นสลายจากใจฉัน
ตลึงแลพวงผกาวิลาวัลย์
กลิ่นหอมนั้นส่งกลิ่นจินต์รัญจวน
สายสวาทพาดพันจนสั่นสะท้าน
หวานเคยพล่านซาบซึ้งตรึงกำสรวล
วิมานแก้วพลันลับนับเรรวน
แสนปั่นป่วนหฤทัยในราตรี
วจีถ้อยร้อยสำเนียงเคยเคียงข้าง
กลับอ้างว้างเปลี่ยวเปล่าเศร้าราศี
คงเหลือไว้เพียงเงาเฝ้าเปรมปรีดิ์
สุดแสนทวีชอกช้ำย้ำหัวใจ
สิ่งเคยบอกดุจสายลมพรมผ่าน
รักเคยพล่านแปรกลับลับสดใส
มิหลงเหลือแม้คำย้ำยองใย
วาดฝันใฝ่สิ้นแล้วแคล้วจากจร
ความเหนื่อยยากพากเพียรเวียรผันกลับ
ขาวดำสลับยอกซ่อนย้อนสังหรณ์
ครั้งสุดท้ายฝากคำดุจย้ำอาวรณ์
แสนสะท้อนน้ำเสียงเยี่ยงมืนชา
ค่ำคืนนี้เหลือไว้ในความฝัน
ยากหวนหันหวั่นฤดีเสียงโหยหา
มีสำเนียงกึกก้องร้องครวญมา
เสียงนกมาผ่านไปในเที่ยงคืน
ช่างโดดเดี่ยวเดียวดายคล้ายต้นหญ้า
เหยียบย่ำมาผ่านไปไร้ขัดขืน
นี่หรือรักฝากไว้ให้ยั่งยืน
เปลี่ยนเป็นอื่นใครทำย่ำลิดรอน
อันคำรักเคยวอนอ้อนฉอเลาะ
ขอช่วยเพาะตบแต่งมิแฝงหลอน
ต่างกันสร้างวางไว้ให้เป็นตอน
เหลืออาวรณ์ฝากให้หัวใจจาง.
*** แก้วประเสริฐ. ***
6 สิงหาคม 2551 14:49 น.
แก้วประเสริฐ
*** รัญจวนใจ ***
คนึงตรึงซึ้งสะท้อน เปี่ยมอาวรณ์ออดอ้อนเหลือ
ฝากไว้คล้ายจุนเจือ เคยหลงเชื่อมิเหลือใด
ซ่านสนองผ่านครองรัก นวลนงลักษณ์ยิ้มแย้มใส
อดีตกาลผันแปรไป สร้างสิ่งไว้สู่ห้วงฤดี
เบื้องบนล้นเพียงฝัน ภาพดวงจันทร์นั้นเปรมปรีดิ์
ท่ามกลางแสงนที ยวนเย้ายีนวลสีทอง
คลื่นน้อยลอยล่องพลิ้ว แลลับลิ่วผิวงามผ่อง
สายน้ำฉ่ำละออง เคยแนบน้องฟ้าหมองมัว
แสงดาวพราวระยับ มืดประดับวิจิตรสลัว
เสมือนรักกลางสิ่งกลัว แสนพันพัวยอกย้อนยล
คลื่นลมลอยละล่อง พลิกผันผ่องครองสับสน
หมู่เมฆวนเวียนจน เข้าปะปนวิมลคลาย
ลืมสิ้นทุกสิ่งสร้าง มาลบล้างบ่อนทำลาย
ตักหนุนเคยแนบกาย สิมากลายเลือนลบลา
เสน่หาเคยฝากไว้ ถูกทำลายในพริบตา
ม่านรักมินำพา สิ้นวาสนาเรียกกลับคืน
เสียงสะอื้นชายหาด จินต์ประหลาดคงสุดฝืน
เหมือนเราตอนมายืน พลันพลิกตื่นดุจคล้ายเงา
สาวน้อยใยร้องไห้ คงพลาดไว้ในโฉมเฉลา
เปล่าเปลี่ยวหทัยเอา จึงหวนเฝ้าเคล้าคร่ำครวญ
เรื่องรักช่างหนักจิต แสนวิปริตคิดกำสรวล
คงพรากจากชายชวน ทำให้หวนสิ่งหลงปอง
สองเราคงถูกหลอก ฝากช้ำชอกมาตอกสนอง
สิ้นสิ่งอิงหมายปอง สิ่งเรืองรองแปรเปลี่ยนไป
เสียงคลื่นเลาะริมฝั่ง สิ้นกำลังฟองกระจาย
เป็นละอองผ่องขจาย ดุจรักสลายโลมไล้เยือน
เหมือนสาวเคล้าลำเค็ญ แม่เนื้อเย็นเช่นถูกเฉือน
ความหวังมาลบเลือน อยู่เป็นเพื่อนร่วมราตรี
สองเราไร้วาสนา หมองอุรามาย่ำยี
พลิกเปลี่ยนแปลงชีวี ขอเปรมปรีดิ์มิวอดวาย
ฝากลมบ่มวิปโยค สิ้นทุกข์โศกคงกลับกลาย
เสียงคลื่นก้องกำจาย ลบทิ้งสลายฝากในทะเล.
*** แก้วประเสริฐ. ***
4 สิงหาคม 2551 13:39 น.
แก้วประเสริฐ
*** คนแก่ใครแลเล่า ***
จะเขียนกลอนสักครั้งยังลำบาก
แสนเหนื่อยยากเหลือเข็ญเช่นมะเขือ
ที่ถูกเผาเหี่ยวแห้งแฝงสิ่งเจือ
มิเอื้อเฟื้อยังถูกคนบ่นมากมาย
คิดจะสร้างจินตนาหาสิ่งฝัน
สู้แบ่งปันความสุขทุกข์มากหลาย
ถูกคนหนุ่มตราหน้าว่ากลับกลาย
ดั่งสิ่งสลายเหยียบย่ำจนช้ำทรวง
เขียนเรื่องรักเพื่อสนุกคลุกสิ่งสร้าง
แสนอ้างว้างหมายนักมักมาหวง
ช่างเหยียดหยามว่าแก่แม้ทั้งปวง
เหมือนสร้างบ่วงผูกมัดขจัดหวัง
ไร้เยื้อใยสิ้นซากยากจะฟื้น
ไม่กลับคืนสู่หลังสร้างสิ่งฝัง
เพื่อให้ตายไร้ยืนหยัดจัดพลัง
แม้นเบื้องหลังผ่านพ้นล้นทวี
หรือคิดว่าเป็นหนุ่มชุ่มตลอด
ไม่วายวอดเป็นแก่แน่นอนฉวี
ทั้งผิวพรรณขันชะเนาะเพาะรวี
เปล่งแสงสีมิรู้สิ้นจินต์มากมาย
ขออวยพรให้เป็นเช่นดังหวัง
หากพลาดพลั้งรู้แน่ว่าแก่หลาย
จะเกิดทุกข์ผูกสนิทลิดรอนกาย
ด้วยทั่งหลายอนิจจังหมายยั่งยืน
แล้วจะนึกถึงสิ่งทั้งหลายนี้
ฝากคำวจีผ่านหนุ่มกลุ้มสุดฝืน
แม้นสู่วัดพร่ำมนต์ล้นกลับคืน
มิอาจฟื้นหวนกลับคอยนับวัน
ลืมอนิจจังทุกขังแลอนัตตา
จะเปลี่ยนมาวนเวียนเพียรเฝ้าฝัน
ดุจดั่งเราเฝ้าหมองครองกำนัล
มองใครนั้นเขาคิดว่าจิตทราม.
*** แก้วประเสริฐ. ***
30 กรกฎาคม 2551 16:04 น.
แก้วประเสริฐ
*** หวังกลับคืน ***
..๏ เคยมาดแม้นไขว่คว้า สาวสวรรค์
อิงแอบมาจัดสรรค์ มอบให้
เปรียบดั่งสิ่งผูกพัน ตรึงสู่ ใจแฮ
ปราศสิ่งนางพึงได้ ฝากเจ้าหนีไกล ๚
..๏ อบอวลกลิ่นลูบไล้ นวลนาง
เหลือสิ่งจัดที่วาง สู่ไว้
ฤทัยหม่นหมองกลาง ทรวงแนบ จริงเฮย
รอนลิดสถิตคลั่งไคล้ ผ่านหล้าคราคนึง ๚
..๏ มองจันทร์กระจ่างฟ้า ราตรี
รักดั่งเมฆทับทวี รอบข้าง
บั่นแสงบังเฉิดฉวี นวลปิด สนิทเฮย
ใยสิ่งหลงเหลือสร้าง ชอกช้ำทวีคูณ ๚
..๏ อกเอ๋ยเคยแนบเคล้า คลึงจันทร์
จวบจนสุรีย์พลัน เจิดฟ้า
ล่วงลับเล่าเพียงฝัน หวานสู่ ถวิลนา
คอยกลับคืนสู่หล้า แมกไม้พนาสัณฑ์ ๚
..๏ มองภาพที่ถ่ายไว้ นวลอนงค์
ท่องเที่ยวในพฤกษ์พง ใหม่แล้ว
ยืนหมองหม่นจิตคง ตลึงซ่าน วิลาสแฮ
วจีเอ่ยให้ผ่องแผ้ว ใฝ่ซึ้งคนึงครวญ ๚
..๏ หนีพรากทิ้งสิ่งแพร้ว หลงปอง ยิ่งเฮย
แสนป่วนฤทัยครอง จากเจ้า
บิดเบือนสิ่งมิสนอง ยากยิ่ง จริงนา
ฤดีป่วนชวนอิงเคล้า แนบน้องกลิ่นขจร ๚
..๏ คืนวันคอยพบน้อง ครองใจ
เช้าค่ำปราศสดใส แม่นแล้ว
อิงแอบแนบพฤกษ์ไพร คืนสู่ คู่เฮย
คงสิ่งอิงคลาดแคล้ว สิ่งแคว้นแมนสรวง ๚
..๏ ทุ่งทองเคยผ่องซึ้ง ตลึงแล
ไพรพฤกษ์ตรึกดวงแด มั่นไว้
สารธารตกกระแส รินหลั่ง ฉ่ำนา
หวังกลับคืนฝากให้ ใฝ่ซึ้งตรึงสรวง ๚ะ๛
*** แก้วประเสริฐ. ***
28 กรกฎาคม 2551 16:28 น.
แก้วประเสริฐ
*** ถวิลครวญ ***
เสียงเสนาะไพเราะซึ้งคนึงซ่าน
ไหวพลิ้วผ่านรัญจวนชวนสนอง
วิงวอนหวานผ่านฤดีทวีทำนอง
สอดสู่คล้องปองหวังครั้งเชยชม
ดั่งใบล่วงจากต้นระคนฝาก
ดุจพลันจากละล่องเคยครองขม
น้ำพาหยาดจากฟ้าลอยมาภิรมย์
สู่อารมณ์เปลือกในสลายหัวใจ
หวานวจีแว่วซ่านผ่านไพรสัณฑ์
แสงนวลจันทร์เด่นสกาวพราวสดใส
หวานพลิ้วเสียงซึมซาบฉาบความนัย
เปรียบฤทัยคล้ายรันทดหยดผ่านทวี
ถ้อยน้ำคำย้ำคล้ายไว้ฝากฟ้า
ล้วนวาจาผ่านนัยคลายเกษมศรี
หมองสร้างไพรโขดหินสิ้นเปรมปรีดิ์
ผสานราตรีสรรค์ถ้อยร้อยแง่งอน
สำเนียงซ่านล้วนเสนาะฉอเลาะเล่า
ดุจดั่งเฝ้าสำเหนียกเรียกสิ่งหลอน
อีกทำนองเศร้าหมองคล้องวิงวอน
ดั่งออดอ้อนเสมือนเขลาเร้าอาจิณ
ล้วนคำนึงคลึงคล้ายสร้างห่วงไว้
เสมือนดวงใจแนวเดียวเกี่ยวใฝ่ถวิล
แว่วขานแผ่วสิ่งสล้างกลางแนวกวิน
คล้ายเหล่านลินสิ้นหอมยากย้อนมา
เสียงสะอื้นลอยลมพรมแผ่วพลิ้ว
ล่องผ่านปลิวสู่ทรวงหน่วงหนักหนา
เหมือนก่อนนี้เคยฝากไว้ในจินตนา
ตลอดเวลาผ่านหมองร้องเสียงเพลง
ผ่านราตรีแห่งพฤกษ์ตรึกใยเหมือน
ผ่านเสียงเยือนคร่ำครวญล้วนเฉวง
รัตติกาลคลึงคล้ายละม้ายกลัวเกรง
ยากจะเขลงชมจันทร์อันพร่างพราว.
*** แก้วประเสริฐ. ***