2 ตุลาคม 2551 13:48 น.
แก้วประเสริฐ
*** ช่างเลือนราง ***
ความคิดหวังสักครั้งยังแสนยาก
สร้างลำบากฤทัยให้ทอดถอน
บ่อนทำลายสิ่งสิ้นจินต์อาวรณ์
ล้วนอาทรปั่นป่วนหวนอาลัย
เปรียบชีวิตคิดไปคล้ายฟากฟ้า
กลางนภาเวิ้งว้างสร้างแสนใส
ยังมืดครึ้มดุจเปลี่ยนเวียนไฉไล
เสมือนสู่ในเป็นบ่วงห้วงโรยลา
ยังผันแปรแฝงไว้ในความฝัน
เดี๋ยวมีวันคล้ายทุกข์สุขหรรษา
ระเริงรื่นเลือนหายคลายเวทนา
ยากกลับมายืนยงต้องปลงคลาย
ยามตื่นขึ้นกลับกลายเหลือใยแจ้ง
ที่แอบแฝงเลือนรางกลางสิ่งสลาย
แม้นสิ่งหวังสร้างฝันพลันละลาย
ยังกลับมลายหายไปในห้วงจินต์
นับประสาอะไรปลายสิ่งฝาก
สู้แสนยากมุ่งหาพาสูญสิ้น
สิ่งที่เหลือฝากไว้คลายชีวิน
ดุจโรยรินยากคืนฝืนเลือนจร
นี่แหละหนอชีวิตคิดฝากไว้
แสนวิไลผันผวนล้วนสิงขร
ดูเห็นสิ่งวาบหวามยามอาทร
จนอาวรณ์เป็นแข็งแกร่งสู่ใจ
มิเหมือนใบระกามาเจื่อนแจ้ว
ที่เพริศแพร้วธรรมะละแก้ไข
ปลดทุกสิ่งอิงแอบแนบไฉไล
สรรค์แปรไปละวางร้างขุ่นมัว
ทุกวันนี้สร้างไว้คล้ายหมักหมม
ผ่านสิ่งตรมขมขื่นระรื่นหัว
คิดว่าฉลาดกว่าใครใจระรัว
พอเข้าตัวสิ้นหวังพังทะลาย.
*** แก้วประเสริฐ. ***
27 กันยายน 2551 11:41 น.
แก้วประเสริฐ
*** เสี้ยวห้วงหทัย ***
โอ้ชีวิตคิดไปใยหงอยเหงา
ผ่านสิ้นเศร้าฝากไว้ฤทัยหวน
ป่วนปันมักหักไว้กลายสิ้นชวน
สุดผ่านล้วนร้อยเล่ห์กระเท่ห์เงา
ยามมั่งคั่งมากมายในสิ่งฝาก
พอจนยากถ้อยคำนำสิ่งเศร้า
แสนชอกช้ำน้ำใจไม่คิดเรา
สิ่งเคยเก่าหนีพรากจากลี้จร
สู้โดดเดี่ยวเปลี่ยนไปใยสิ้นซาก
ล้วนลมปากหวานซึ้งกึ่งสิงขร
กีดกั้นขวางสิ่งไว้คล้ายนิวรณ์
มิอาทรความเก่าแสนเศร้าใจ
ดุจสิ้นแสงตะวันอันเฉิดฉาย
สุดเดียวดายดาวเดือนเลือนสิ่งใส
แม้นพฤกษาผกามาศปราศไฉไล
เหลือสิ่งไว้ยอกย้อนทอนอารมณ์
นี่แหละหนออกเอ๋ยเคยพิลาส
พอผิดพลาดแปรไปในเสกสม
สิ่งเล้าโลมเพียงเงาเฝ้าคล้ายชม
ปลอบขื่นขมดวงใจได้เพียงฝัน
เหงาเหลือเกินสิ่งหลังพังพินาศ
คิดฉลาดพอเคลื่อนเพื่อนขบขัน
สร้างเยาะหยันพลันมานินทากัน
แปรเปลี่ยนผันเบื้องหลังครั้งมั่งมี
อันชีวิตคิดไปในโลกนี้
ยากจะที่แน่นอนเกษมศรี
หมุนจนเวียนวกวนปนฤดี
ยากสุดที่สร้างไว้ในดวงแด
มิแน่แท้ย่อมผันกระสันจิต
สิ่งที่คิดแน่นอนผ่อนกระแส
ล้วนมั่งมียากจนยากพ้นแปร
แสนแน่แท้เวียนผันหันสู่เรา.
*** แก้วประเสริฐ. ***
23 กันยายน 2551 15:00 น.
แก้วประเสริฐ
*** เพ้อฝัน ***
จุมพิตนางกลางแก้มแซมผมสลวย
อ่อนระทวยหอมซึ้งตรึงใจฉัน
แนบอิงแอบรัญจวนป่วนชีวัน
โชยกลิ่นนั้นพิลาสสวาทหทัย
พลิ้วสะบัดรัดห้วงดวงใจหวิว
แทบจะปลิวลอยล่องท้องฟ้าใส
เพื่อเกี่ยวดาวพราวเพริศเลิศวิไล
ประดับไว้แซมสร้างกลางสกาว
ประทุมมาศลอยเด่นเน้นสิ่งสล้าง
เอวองค์กลางขอดกิ่วพลิ้ววัยสาว
งามยวดยิ่งเฉิดไสวคล้ายดวงดาว
พราววับวาวไออุ่นกรุ่นทาบทรวง
ผุดผาดผ่องภิรมย์ชมกลิ่นรื่น
หอมที่ยื่นอวลไว้คล้ายแมนสรวง
แนบอิงแก้มแซมผกาลาวัลย์ยวง
กลิ่นทั้งปวงยากแม้นในแดนดิน
ดุจสลักเสลาเฝ้าพิศคิดมธุรส
แสนเจิดจรดนวลอนงค์ส่งถวิล
พจมานมอบสู่ห้วงในดวงจินต์
มิอาจสิ้นยามอนงค์คงคร่ำครวญ
สร้างฝากไว้แนบข้างกลางสถิตย์
แสนประดิษฐ์สำนวนล้วนใฝ่หวน
ซาบซึ้งซ่านหวานรสหมดจดนวล
รำลึกชวนเบื้องหลังยากหวังคลาย
ขาวสล้างปานหิมะปทุมมาศ
งามดารดาษชมพูเคียงคู่ขยาย
ลอยเด่นดวงดุจดาวพราวขจาย
พิลาสพรายกระพริบระยิบพราว
โอ้เราฝันละเมอกระนั้นหรือ
เพ้อจนปรือหวานสิ่งว่าอิงสาว
ดุจแนบแน่นเหลือล้ำย้ำเรื่องราว
เปลี่ยนจากขาวเป็นดำเลิศล้ำครวญ.
*** แก้วประเสริฐ. ***
22 กันยายน 2551 11:03 น.
แก้วประเสริฐ
*** รักเอ๋ยรัก ***
รักเอ๋ยรักมักหลอกจนไหลหลง
ความพะวงห่วงหาอาลัยหา
เยือกเย็นช้ำน้ำใจมินำพา
สิเน่หาอย่างไรไร้สิ้นมอง
เฝ้าแต่ปองคิดใคร่อาลัยหวน
ยิ่งปั่นป่วนเหลือล้ำนำสนอง
สู้คิดถึงคำนึงพึงใคร่ครอง
ดุจแสงกรองเมฆหมอกย้ำล้ำฤทัย
ดั่งนกน้อยลอยล่องท้องฟ้ากว้าง
เปล่าเปลี่ยวว้างเสียสิ้นถิ่นอาศัย
เหลือบพสุธาหาเพื่อนสิ้นเยื้อใย
แสนวิไลหม่นหมองครองอาจิณ
ท่องเที่ยวไปโดดเดี่ยวเปลี่ยวฤดี
พฤกษาที่เคยอ้อนวอนหมดสิ้น
คอนเคยขันขับร้องหมองชีวิน
ดวงแดวิ่นขาดคืนฝืนหมายปอง
โอ้ความรักใหญ่ยิ่งอิงไพศาล
ช่างร้าวรานเสียสิ้นจินต์แผ่วผอง
เหล่านกอื่นตื่นเต้นเปี่ยมคู่ครอง
สู้เรียกสนองสานเสียงเหลือเพียงเรา
แสนโดดเด่นบินไปไร้จุดหมาย
มิอาจคลายปล่อยใจหมองสุดเขลา
แม้นดวงใจฝากไว้เพียงใต้เงา
รำพึงเฝ้าคร่ำครวญหวนคำนึง
ไปเถิดหนอคลอเคียงเพียงปลายฟ้า
มินำพามหาสมุทรสุดคิดถึง
แม้นขาดใจขอได้เพียงให้คนึง
สิ่งเคยตลึงแสนรักหมายจักยืน
บินหลาเอ๋ยแผ่วแล้วแจ้วสำเนียง
ขมิ้นส่งเสียงฝันเสนาะไพเราะฝืน
เหลือดวงใจสู่หมายมุ่งผดุงคืน
ยากใคร่ยื่นสิ่งรักเพียงฝากฤทัย.
*** แก้วประเสริฐ. ***
14 กันยายน 2551 11:24 น.
แก้วประเสริฐ
*** รักหักสลาย ***
ยามรุ่งอรุณฟ้าสางระหว่างชีวิต
แนวลิขิตเปลี่ยนแปรแผ่ไพศาล
แสงทองอ่อนผันผกวกเวียนกาล
สิ่งสร้างผ่านเวิ้งทางกลางนภาลัย
จะหมุนเวียนเร่าร้อนสะท้อนสิ่ง
ที่แอบอิงผ่านสล้างกลางนิสัย
หลงในสิ่งรอบข้างกลางหทัย
ดุจดังวลัยเวียนวนจนสู่อนันต์
ดั่งตะวันยอกย้อนเมื่ออ่อนแสง
มาถูกแปลงเมฆบังดังอาสัญ
เปรียบชีวิตของรักมักจากกัน
ที่ผ่านนั้นเกิดจิตแฝงคิดคลาย
มิมาดแม้นรักษาปัญญาสลับ
แปรผันกลับหักสิ้นจินต์สลาย
คิดแน่นอนความหวังพังทลาย
สิ้นละลายต่อสิ่งหมายอิงครอง
ความเร่าร้อนลุ่มหลงพะวงคิด
ดวงใจจิตหวังคืนต้องฝืนสนอง
สิ่งสิ้นหวังคงคลายสู่หมายปอง
แม้ครรลองหมายหวังยังไร้งาม
สิ่งแน่นอนผันเปลี่ยนเวียนทุกข์ยิ่ง
ความเป็นจริงครองไว้ใต้คมหนาม
เปลี่ยนชีวิตทั้งหลายคล้ายคุกคาม
ลิดรอนลามไร้ปองสนองภายใน
ความมีรักมักคลายสลายสูญสิ้น
แม้นสร้างจินต์สู่หมายไร้ผ่องใส
ดุจม่านหมอกปิดร้างกลางไฉไล
เคลือบแคลงในปิดผนังดังตะวัน
ความวกวนเวียนว่ายในความรัก
บ้างก็หักปลิดผลักยากเสกสันต์
สิ่งไม่แน่เปลี่ยนแปลงแฝงรำพัน
เท็จจริงนั้นลอยเลื่อนเยือนหฤทัย
เท็จคือจริงสิ่งแนบแอบอิงไว้
ย่อมเปลี่ยนไประวิงเข้าพิงสลาย
จริงแปรไปเป็นเท็จดุจเม็ดทราย
มีพร่างพรายแวววับระยับพราว
สิ่งทั้งหลายย่อมหมุนกลับลับแสง
ข้อขัดแย้งแฝงมนุษย์ยากหยุดสาว
ดั่งตะวันเลื่อนลอยพลอยลับสกาว
เมื่อถึงคราวควรตรองสนองปัญญา.
*** แก้วประเสริฐ. ***