คิดถึงเสมอ สู่ลมหนาวแผ่วพลิ้วปลิวไสว ใบไม้ไหวกิ่งก้านผ่านลำแสง อวลอบกลิ่นมาลีที่ร้อนแรง รวีแฝงลอดช่องพฤกษาไพร เลาะเลี้ยวสู่ลำธารผ่านคุ้งน้ำ เย็นชื่นฉ่ำหัวใจให้สดใส ม่านบุบผาคละคลุ้งจรุงใจ ห้วงฤทัยหวนหาแสนอาดูร น้ำตกสาดละอองผ่องฟุ้งซ่าน แว่วขับขานดนตรีที่จะสูญ ก่อนนี้เล่ามวลไม้ให้เกื้อกูน ก่อไผ่หนุนซ่านเสียงเยี่ยงกวี เหลือสิ่งนี้มิมีแล้วแนวสณฑ์ ถูกโค่นจนเตียนราบฉาบแสงสี อีกน้ำเล่าคร่ำครวญล้วนมากมี แต่บัดนี้แห้งแล้งแฝงโรยลา เดินชมป่าฝ่าร้อนอ่อนใจนัก ยากจะพักลมร้อนผ่อนหรรษา ประดู่เจ้าเหลือตอท้อแสงมา ก่อนนั้นหนาชูช่อล้อเล่นลม นี่นะหรือเคยหนาวเฝ้าชื่นจิต เปลี่ยนชีวิตผันแปรแผ่ป่าขม มีเพียงไว้แนวหนึ่งซึ้งเคยชม ก่อนภิรมย์ฉ่ำชื่นระรื่นทรวง นั่งลงข้างน้ำตกอกสะท้อน ให้อาวรณ์สิ่งนี้ที่ผ่านห้วง คิดถึงเสมอผ่านในฝากใยยวง ลึกเป็นบ่วงจรุงไว้ให้รัญจวน โอ้คนหนึ่งสุดซึ้งกึ่งแมนสรวง งามทั้งปวงมธุรสจรดหวน สู้ห่วงหาอาวรณ์รอนสั่นกวน แล้วผันผวนดั่งน้ำยามไหลริน ม่านฟ้าแก้วพร่างพรายดุจใส่ห้วง โปรยใยยวงฝากไว้สุดใคร่ถวิล เสียงนกร้องฝากพร่ำย้ำดวงจินต์ ภมรบินชมผกาผ่านหน้าไกล น้ำตกเคยเสียงดังฟังโครมคึก บัดนี้ผนึกกลั่นลงปลงสดใส ป่าก็โปร่งน้ำแห้งแฝงภายใน มวลวิไลหายห่างสร้างอาวรณ์ อกหนออกดุจเจ้าเฝ้าครวญถวิล จะลารินหรือเปล่าเขาเฝ้าสลอน กลิ่นไอล่องโชยสบัดมัดใจวอน นึกถึงตอนเก่าก่อนสะท้อนใจ เมียงมองรอบแนวเขตพนาสณฑ์ อวลแนววนผ่านมาผ่ามวลไสว หนาวมาแล้วกลับร้อนย้อนข้างใน เหลือเพียงไว้อารมณ์ข่มใจเรา คิดถึงเสมอคิดถึงเสมอเผลอห้วง ก่อไผ่ร่วงโปรปรายไร้สิ่งเฉลา ดุจหัวอกของฉันพาลแกว่งเอา แมกไม้เฝ้าครวญคร่ำพร่ำอาดูร. * แก้วประเสริฐ. *
รักที่ล่องลอย จะกี่วันเดือนปีมิล้าถอย ใจดวงน้อยพร่ำเพรียกเรียกร่ำหา ใครคนหนึ่งฝากไว้คล้ายโรยลา ย้ำเสน่หาคืนหนึ่งซาบซึ้งทรวง มองฟ้าหม่นซึมเศร้าคลุกเคล้าซ่าน ต่างวันวานดื่มด่ำย้ำแมนสรวง คลอคลึงเคล้าซ่อนเร้นเน้นพุ่มพวง ชูเน้นห้วงกลมกลึงซึ้งซ่านใจ หอมกลิ่นไออบอุ่นหนุนผ่านเคล้า วาบหวามเอาเบิกบานพลันสดใส ซบบนทรวงล่วงล้ำย้ำข้างใน หวามวิไลกรุ่นผ่านซ่านรัญจวน งามตระการผ่านฟ้าแม่มารศรี ห้วงใจนี้คำนึงตราบพึงหวน กระแสน้ำฟุ้งฟาดผ่านเนื้อนวล อกปั่นป่วนชวนเย้าเฝ้าแลตลึง ระรินโรยโปรยผ่านคลองน้ำใส โอ้หัวใจแทบขาดปราศใยขึง ซบบนหล้านวลผ่องละอองตรึง สุดแสนซึ้งวาบหวามยามฝนโปรย ระริกระรี้พลีสุดที่รัก หวานจริงนักอารมณ์บ่มระโหย ถึงจะสิ้นชีวาจะกอบโกย พลิกผันโปรยหยาดน้ำพร่ำรัญจวน เธอคนนั้นพลันหายมลายจาก ดุจจะลากห้วงใจให้กำสรวล คำนึงคิดจิตซ่านผ่านเนื้อนวล ยากให้หวนคืนกลับนับวันคอย รักที่ลอยละล่องท้องฟ้าลับ ยากคืนกลับเหลียวแลแม้ละห้อย มองผ่านคลื่นซัดฝั่งนั่งตาลอย ฝนหยดปรอยอาบร่างมิจ่างเลย. * แก้วประเสริฐ. *
ฝนเอ๋ยฝน สายลมพัดพรมมาคราสดชื่น แสนระรื่นฉ่ำเย็นเน้นหรรษา โลมรำลึกตรึกไว้คล้ายนำพา โอ้วาสนาปมเด่นเน้นใจเรา สุรีย์แสงแข่งแขสดใสสล้าง งามกระจ่างพรายรุ้งมุ่งแลเฝ้า ใยลมหนาวพรูพร่างที่ร้างเงา ใจที่เขลาวูบวาบซาบซึ้งทรวง ทั้งสายลมแผ่เคล้าเย้าดวงจิต มานั่งคิดนอนฝันนั้นดุจสรวง รำลึกไว้ผู้เดียวมิเกี่ยวดวง อดเป็นห่วงดวงแดแม้ลำเค็ญ เคยถูกหลอกเย้ายั่วด้วยมัวเล่น พลิกผันเป็นหนามร้ายให้แลเห็น ทั้งทิ่มแทงภายในให้กระเซ็น หลบหนีเร้นมานั่งลำพังเดียว ฝนเอ๋ยฝนเปียกไว้คล้ายชุ่มชื้น กายระรื่นแนบไว้ไม่ฉุนเฉียว โอ้หนาวซิพลิกผันสั่นขนเกลียว มิแลเหลียวหลบหลีกแทบฉีกใจ นี่ก็หนาวแล้วหนาหาชื่นจิต ฟ้าลิขิตหยอกเย้าเคล้าสดใส ฝนและหนาวเข้ามาซิผ่านไป ที่คงไว้สายลมบ่มห้วงจินต์ หนาวฤดูเข้ามาข้าอกสท้อน คิดถึงตอนผ่านไปไม่สบถวิล ต้องนั่งเพ้อเหม่อเฝ้าเย้าชีวิน พอหลงถิ่นอำลาข้าเดียวดาย ฝนจ๋าฝนใช่ข้าหาคิดไม่ เหล่าพฤกษ์ไพรคิดถึงกึ่งสลาย รอฝนพร่างคืนอยู่พรูกระจาย สู่โลมไล้พสุธาข้าเหนื่อยแทน หนึ่งบวกหนึ่งเป็นสามงามไฉน เธอรู้ไหมฉันรอหนอเหนื่อยแสน เพียรฝากห้วงสายลมพรมดินแดน ทั่วแว่นแคว้นหลากค้นจนรำพัน ไม่คิดเลยวันนี้มีวันนั้น ผ่านโศกศัลย์พรรณามานึกขัน สีดอกเลาแซมไว้ในห้วงกัน ทุกทุกวันฉันเฝ้าเคล้ารำพึง อเน็จอนาถมาดแมนแล่นเผ่นหนี คงเหลือที่ซากศพลบความถึง เมื่ออายุผ่านไปคล้ายสิ่งกลึง ลบเหลี่ยมตรึงสู่แก้วแวววับคลาย ทั้งโลกนี้โลกหน้าฉันล้าแล้ว เหลือดวงแก้วคงไว้มิให้สลาย สร้างผูกจิตเหลือไว้มิให้กลาย ทิ้งร่างกายฝากนามยามลือชา ฉันอ่อนล้าห่วงใจในครานี้ โลดแล่นที่ค้นหามาไกลหนา เหลือเพียงรักฝากไว้ใกล้โรยลา ด้วยวาสนาเสน่หาปลิดลาไกล. * แก้วประเสริฐ. *
ตะวันลับฟ้า ๐ แสงสุริยาลาลับเหลี่ยมโลก เวลาเล่าเคล้าโบกโยกปีใหม่ กาลเก่าหนออำลาล้าหนีไป ใยเหตุไฉนรักเดิมมิเริ่มมา ๐ อนิจจาความฝันแสนบรรเจิด โอ้ตะเริดหายไปไม่หรรษา ทิ้งคนเก่าอ้างว้างซิโรยลา ดุจแสงลาทิ้งเราเฝ้าอาลัย ๐ ฝนเคยพร่างชื่นฉ่ำล้ำสู่จิต หนาวสู่ปลิดโบกมาข้าสงสัย หรือสาวเจ้าอ่อนล้าไม่อาลัย ทิ้งอาศัยห่วงหาพามืดมน ๐ กระต่ายน้อยเต้นรำย้ำสู่ห้วง สีแสงล่วงเหลี่ยมเขาเราสับสน ปีใหม่นี้เปลี่ยนไปคล้ายมืดมน วามเคยบ่มเพิ่มปีซิพลิกกลาย ๐ เขาเคล้าดาวเมื่อคืนระรื่นจิต แต่ฉันคิดคอยเจ้าเฝ้าลับหาย คล้ายตะวันลาลับนับละลาย กระวนวายใจเราหนอเฝ้ารอ ๐ วันนี้เล่าเจ้ากระต่ายพลิกสรวล ฉันปั่นป่วนจนดึกนึกฝากขอ สิ่งที่รักหมักหมมดมยาคลอ โอ้ละหนอเฝ้าเจ้าเคล้าอาดูร ๐ จะเหลือบแลหาเจ้าเฝ้าถวิล ซากแห่งจินต์อุบัติซิจัดสูญ จะมีใครไหนเล่าเคล้าเกื้อกูน โอ้เนื้ออุ่นเคล้าดาวเย้าหยอกกัน ๐ คิดถึงฉันบ้างไหมใครคนนี้ ที่ยอมพลีทุกสิ่งระวิงสันต์ แด่น้องนางฝากอิ่มยิ้มกำนัล ปีใหม่นั้นย่างมาข้าหลงรอ ๐ นั่งคนเดียวเคล้านี้ซิละห้อย หยดรินย้อยนี่หรือคือสิ่งขอ ดาวระยิบจิบไวท์ใส่ลงคอ สิ่งพนอพลุไสวในเที่ยงคืน ๐ จวบปีใหม่เที่ยงคืนระรื่นแล้ว โอ้หวานแจ้วรอบด้านฉันสะอื้น เขาสนุกฉันทุกข์คลุกเที่ยงคืน รอวันตื่นยามเธอเผลอเห็นใจ ๐ กระต่ายเอ๋ยเฉลยระคนแจ้ว สายลมแผ่วเย็นเยือกเกลือกไฉน ข้านั้นเพียงสิ่งอุ่นกรุ่นภายใน มิสดใสเหมือนเจ้าเฝ้าคอยนาง ๐ น้ำค้างพรมหยดแล้วเจ้าแก้วเอ๋ย กลิ่นรำเพยหลบลี้หนีอรุณสาง ดุจตะวันลาลับนับเลือนลาง สู่อ้างว้างหงายเก๋งเคล้งนิทรา. * แก้วประเสริฐ. *
๐ หยาดเทียนหยด ๐ ๐ คลองสานสานก่อแล้ว นงค์เลิศ จริงเฮย ระดะแวววับเชิด สุรสีห์ พร่างแพรวเปี่ยมงามเฉิด ก่อเกิด หญิงแฮ แสงวับจับหมื่นลี้ มากห้วงอนันต์กาลฯ ๐ งามดั่งจรุงฟากฟ้า ควันเทียน วูบวาบแพรววับเนียน แนบล้ำ ฝากสิ่งหลีกเบียดเบียฬ ล้ำลึก ธรรมก่อสานแนบย้ำ สู่ห้วงดวงกมลฯ ๐ พิลาสวจีเอ่ยเอื้อน ฝากคำ ภวังค์แฮ ฟ้าแนบควันจรุงนำ บ่วงฟ้า อวลวนสิ่งงามขำ เผยแผ่ ฝากเฮย ล้ำลึกมิอ่อนล้า แนบล้ำนวลถวิลฯ ๐ ประกายแก้วพร่างฟ้า คนึงอวล ล้ำม่านฝากไห่ชวน ผนึกสล้าง ฤากลิ่นฝากแนบนวล สรรก่อ หอมซ่านมะลายล้าง ชั่วพ้นแนบสวรรค์ฯ ๐ วิบวิบฝากหยดแพร้ว สรวงหยาด งามเฮย เทียนหลั่งธรรมพิลาส มณีย้ำ อวลอบกลิ่นเบญจมาศ พราวโชติ อวลแฮ ผกาจ่างดั่งเทียนล้ำ เยี่ยมฟ้าเลิศพรายฯ ๐ บงกชขาวพร่างล้วน กานต์ไสว ควันธูปหอมคลอไล้ นวลแก้ว วิไลเฉิดแกว่งไกว สรรเสก ชินสีห์เปล่งนางแพร้ว พลิกฟ้าเปลี่ยนทางฯ ๐ เฮยเอยงามมากล้ำ นภากาศ อวลนา ซิแม่เจ้าเพียงวาด ขจรซึ้ง หยาดเทียนหยดมณีสาด สูงเด่น ฟ้าเฮย วาววับแววสว่างบึ้ง สู่ห้วงธรรมสนองฯ ๐ นวลนางใยงามซึ้ง ธรรมแฮ ไสวสว่างดุจดั่งแข แผ่สล้าง แววเทียนวับจักแล เพริศก่อ เทียนหยดมิอ้างว้าง ก่อฟ้าสู่สวรรค์.๚ะ๛ * แก้วประเสริฐ. *