โอ้ยยย... เสียงร้องอย่างโหยหวนดังขึ้น ทำให้มิกาต้องตื่น ลืมตาขึ้นมามองเพดาน ท่ามกลางความมืด.... เธอไม่แน่ใจมากนัก ว่า เสียงที่เธอได้ยินนั้น อยู่ในฝันของเธอ หรือเรื่องจริง.. เสียงนั้นเงียบหายไป เหลือแต่ความเงียบ กับเสียงน้ำที่เธอเปิดก๊อกให้หยด ดังติ๋ง ติ๋ง อย่างช้าๆๆ.. ทุกอย่างปกติ เธอก็หลับตา นอนต่อ โอ้ยยย..โอ้ยยย.. มิกาสะดุ้งสุดตัว ...หูเธอไม่ได้แว่วแน่นอน เสียงนั้นดังมาจากไหน .. นี่มันกี่ยามแล้ว.. เธอตื่นหันไปเปิดสวิตโคมไฟที่หัวเตียง และเอื้อมมือไปหยิบนาฬิกาปลุก.. นี่มันตีสาม...เราหูฝาดหรือกินมากไป จิตหลอน หูแว่ว... หรือฝัน... เธอบ่นพึมพำกับตนเอง แล้วดึงหมอนให้พิงกับขอบเตียง และลุกนั่งกึ่งนอน ครุ่นคิด ไม่มีอะไรหรอกน่า ..นอนต่อเถอะ สงสัยจะฝันไป.. มิกาหลับสนิทจนถึงเช้า โดยที่ไม่ได้ยินเสียงนั้นรบกวนอีก.. ---- กริ๊งงงงง.. เสียงนาฬิกาปลุก ดังขึ้น ตีห้าครึ่ง.... มิกาคว้ามาและกดปิดเสียง ...เธอหรี่ตามองออกไปข้างนอก..ทุกอย่างยังเงียบสงบ ผู้คนยังหลับใหล ..เธอปิดเปลือกตาแล้วหลับต่อ ..น่าขออีกสักห้านาทีก็ยังดี.. หกโมงเช้า หล่อนลุกขึ้นมา บิดขี้เกียจ ยืดเส้น ยืดสาย แล้วดึงผ้าห่มออกจากตัว ดึงปลอกหมอนให้เรียบร้อย แล้วพับผ้าห่มวางไว้ที่ปลายเท้า จากนั้นเธอก็เอาผ้ามาคลุมเตียง....เดินไปหวีผมที่หน้ากระจก.... หยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่ขึ้นมา ถอดเสื้อผ้า ใส่ผ้าขนหนูแทน และเดินไปอาบน้ำ.. ขณะที่แปรงฟัน มิกาก็ยังไม่วาย คิดถึงเสียงที่เธอได้ยิน.. สักพัก ตาเธอก็ลุกโตเท่ากับไข่เต่า เธอได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง " โอ๊ะ ....โอ้ยยยย ........." แงๆๆๆๆ ผีหลอกกลางวัน แม่ขา พ่อขา ช่วยลูกด้วย อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลย จะกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลไปให้ แล้วเสียงนั้นก็เงียบไปอีกครั้ง สักพัก เสียงร้องก็ดังขึ้นอีก " โอ๊ะ......โอ้ยยยยย..คิดถึงจังงงเลยยยย..." ก๊ากกกก หมดกัน นั่นมันเพลงของแจ้ ดนุพล นี่นา...
24 ตุลาคม 2553 ณ.มุมเตียงเฉียงไปทางด้านขวาหน่อยๆ ถึงพี่น้องผองเพื่อนผู้มาเยือนชาน จากแม่กิ่งแก้ว กุ๊กๆ อุ๊กอิ๊ก....อย่ากวนหม่ามี๊สิคะ...เอนตัวไปทางซ้าย.. ขอหม่ามี๊ เขียนจดหมายถึงเพื่อนๆก่อน ลายมือยิ่งไม่ได้เรื่อง บอกลูกหมี..ไม่ใช่ลูกคนหรอกค่ะ แฮ่ๆๆ พักจดหมายถึงห้าเจ้าจอมไว้ก่อนนะคะ ด้วยกระแสน้ำกำลังไหลเชี่ยว ทุกสารทิศ ทำให้แม่แก้วแบมตามกระแสแรง จึงยากที่จะพักมือ มานั่งเขียนจดหมายต่อ เมื่อมีความนรักต่อกัน มีความผูกพันเสมือนญาติแล้ว จึงอยากแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้กัน เช่นภาพที่เก็บมาฝากทุกๆคน จากการที่ได้ไปร่วมสร้างฝายและเป็นส่วนหนึ่งของจิตอาสา อ้างอิง จาก เรื่องสั้นของผู้ดูแลระบบ แก้วฯเลยอยากให้ทุกๆท่านชมภาพประทับใจอีกครั้ง เพื่อให้เห็นความเป็นหนึ่งเดียวกันค่ะ อรุณสวัสดิ์ ต้อนรับวันใหม่ ดวงอาทิตย์เริ่มเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ พร้อมทอแสงสว่าง ถ่ายภาพขณะรอใส่บาตรกันค่ะ พี่น้องบ้านกลอน หนึ่งในนี้ มี จิ้งจอกน้อย ด้วยค่ะ อิ ไม่ชี้ตัวหรอกนะ เดาเอาเองครับผม หลังจากใส่บาตรเรียบร้อย เดินมาเสวนากันนิดหน่อย รวมภาพส่วนหนึ่งของสมาชิกบ้านกลอนค่ะ ท่องเมฆา แก้วประภัสสร อัลมิตรา มูแซง เงาสายลม กุ้งหนามแดง ร้อยฝัน กิ่งโศก จิ้งจอกน้อย นี่ก็เดาเอาไปแล้วกันน๊า ว่าไผเป็นไผ หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ไปฟังวิทยากร อธิบายก่อนที่จะลงมือกันทำบ้านดิน เนื่องจากเวลาจำกัด จึงจำเป็นต้องแบ่งเป็นสองกลุ่ม บางส่วนแยกก่อกำแพงที่ทำจากอิฐดิน บางส่วนแยกไปทำก้อนดิน โดยมีพี่ตี๋ คอยยืนให้กำลังใจและสร้างความสนุกให้พวกเราไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย ใจประสานใจ มือประสานมือ ร่วมแรงแข็งขัน คุณพระช่วย...อิ ภาพล่าง เพื่อนๆแม่แก้วแบม เห็นเพื่อนยิ้ม ก็หายห่วงแล้วค่ะ คำตอบที่ถามเพื่อนๆไปว่า ปีหน้าไปด้วยกันอีกมั้ย ทุกคนบอกว่า ไป... พักเที่ยงทานอาหารกลางวันเรียบร้อย คุณอัลแบ่งกลุ่มบางส่วน เพื่อไปปลูกต้นไม้ ไม่พลาดหรอกค่ะ เพราะอยากทำทั้งสามอย่าง กระโดดเข้ากลุ่ม ฉึบเลย อิ " คุณแบม มาดูนี่สิ ต้นมะเดื่อ เร็วๆ" กิ่งโศกพาเดินไปดูมะเดื่อ อ้อๆ ก่อนจะเดินไป ปลูกต้นไผ่ โรยเมล็ดพืชหยอดหลุมเรียบร้อยแล้วนะคะ 555 กลัวมีคนเข้ามาแซวอีก .. ขณะที่คุณกิ่งกำลังยื้อมือ เก็บมะเดื่อให้แม่แก้วฯ เราก็แบะลูกออกทันที ข้างในสีแดงๆ หอมๆ ส่วนคุณกิ่ง กำลังโอบแขนรอบต้นมะเดื่อ สายตาแก้วฯมองขึ้นด้านบน เพื่อหาภาพสวยๆ จ๊ากกกกก คุณกิ่งงงงงง งูๆๆๆๆ ทำให้เพื่อนๆที่มาปลูกต้นไม้ วิ่งกันใหญ่ ป่าววิ่งหนีนะคะ วิ่งมาดูงู 5555 5 ถ่ายภาพคนละฉับสองฉับ โชคดีค่ะว่า เป็นงูเหลือม ไม่งั้น..ปู่กิ่งเอ๋ย... เมื่อสมควรแก่เวลา พวกเราก็ไปอาบน้ำชำระร่างกาย ขึ้นไปบนศาลา กราบลาหลวงพ่อ ทุกคนก็ลากัน ต่างแยกย้ายขึ้นรถกลับบ้าน สิ่งที่เหลือไว้ในความทรงจำ คือรอยยิ้ม ความสุข และมิตรภาพ แก้วฯดีใจที่ได้พบทุกๆท่าน ดีใจที่โลกใบนี้ยังมีสิ่งสวยงามอยู่มากมาย ทำท้าทายว่า " ทำไม่ได้" สุดท้ายพวกเราก็พิสูจน์ได้ดูกันแล้วว่า " พวกเราทำได้ เพราะความสามัคคี " ขอบคุณบ้านกลอนอีกครั้งค่ะ แก้วประภัสสร * * * * * * * * * สองภาพสุดท้ายฝากให้คุณเพื่อนกีรฯจ้า ตามสัญญาค่ะ เชื่อยังๆๆ อิ
22 ตุลาคม 2553 ที่โต๊ะทำงานตัวเดิม เปลี่ยนคอมฯอีกตัว ถึงห้าเจ้าจอมที่รักทุกๆคน ... จากแม่แก้มแบ๊ว วันนี้เป็นอีกวันหนึ่ง ที่ก้าวข้ามขึ้นฝั่ง โดยไม่มีอุปสรรคใดๆ ถึงแม้ว่า น้ำจะเริ่มมามากขึ้นทุกวัน แต่ความฉลาด (แกมโกงโหน่ยๆ อิ ) ต้องไปยืนใกล้ๆกับผู้จาย ตัวโตๆ ไว้ก่อน หากว่า คลื่นมาแรง เรือโคลงเคลง หวังว่าเขาคงช่วยเราได้ เอ..หรือจะถูกผลักลงไปก่องหว่า อิ.. เมื่อวานจดหมายถึงเพื่อนฝน แต่พักฉบับต่อไปไว้ก่อนค่ะ วันนี้เขียนถึงห้าเจ้าจอม ซึ่งฉันมองเห็นมิตรภาพของพวกเขาแล้ว ทำไมนึกถึงหนังเรื่อง แฟนฉัน หรือ หลายๆเรื่อง รู้สึกดีกับสิ่งต่างๆ ที่ทุกคนมอบให้แก่กัน สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด คือความรัก ความเข้าใจ ไม่มีอะไรแอบแฝงระหว่างคำว่า " เพื่อน" ค่ะ เมื่อฉันได้พบกับทุกคนที่นี่ มันยากนะที่จะให้เดินจากไป เพราะรู้สึกว่า บ้านหลังนี้อบอวนไปด้วยมิตรภาพ เอาละ ....บ่นมายาวพอสมควรแก่เวลา อิ ทั้งนี้แนบภาพและคำบรรยายมาฝากสาวๆและทุกๆคนด้วยค่ะ เส้นทางที่เราไปกันค่ะ คดเคี้ยวเลี้ยวลด กันพอสมควร ชาวบ้านกำลังต้อนฝูงวัวไปหาอาหาร คุณกิ่งต้องชะลอรถ ปล่อยให้พวกมัน เดินย้ายสะโพกหลกบให้เราอย่างช้าๆ หลังจากฟังคำบรรยายเสร็จ ถ่ายภาพหมู่กันค่ะ นี่คือกลุ่ม Thai poem ในนี้ มี 9 ท่านที่เป็นเพื่อนๆของแก้วที่เดินทางไปร่วมสร้างฝายด้วยกันค่ะ ช่วงที่รอรถคันอื่นมาถึง แอ๊กชั่นกันหน่อยค่ะ หลังจากแบ่งกลุ่มกันเรียบร้อย กลุ่มบ้านกลอน ทำฝายที่ 3 ทุกคนขยันขันแข็ง หนุ่มๆ มีหน้าที่ ลงไปตอกไม้ไผ่เพื่อยึดทำเป็นแนวกั้น สาวๆ เด็กๆ มีหน้าที่ ขุดดิน ตักดิน ใส่กระสอบ บางท่านก็งมเก็บหินขึ้นมา เพื่อนำไปวางทับกระสอบกันค่ะ สิ่งที่มองเห็น คือความสามัคคี ทั้งหมด สลับ สับเปลี่ยนกัน หญิงเหนื่อย ชายก็ขุดต่อ บางคนขุดดินเป็นหลุมแผ่แบบกว้าง บางคนขุดหลุมเจาะลึกเหมือนจะหาพลอย อิ เหนื่อยกันทุกคน แต่สนุกมากค่ะ เย็นน้ำ ฉ่ำใจกันทุกคน เสียงคุณอัลฯบอกว่า ฝาย 3 เร่งๆมือกันหน่อย ฝายอื่นจะเสร็จแล้ว เร่งไม่ไหวอะคุณอัล หมดแรงข้าวต้มเจ 555 โชคดีที่ได้เพื่อนๆ จากฝายอื่นมาช่วยๆกัน คนละไม้ คนละมือ นี่แหละที่ทำให้แก้วทึ่งมากๆ มิตรภาพอยู่ทุกหนทุกแห่ง มิตรภาพอาบด้วยความมุ่งมั่น ทุกอย่างเราทำได้ ขอเพียงมีความสามัคคีกัน รวมเป็นน้ำหนึ่ง ใจเดียวกันค่ะ รอยยิ้มจากเพื่อนต่างกลุ่มที่มาช่วยเรา ซึ้งมากๆ งานเสร็จด้วยภาพแห่งความสุข ที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม * * * * * * หลังจากทำฝายเสร็จ ทุกคนต่างแยกย้ายกันขึ้นรถ เพื่อเดินทางกลับไปที่วัดลิ้นช้าง ทางที่รถจะขับ เป็นทางสูงชัน ต้องรอจังหวะ ให้รถคันหน้าเร่งเครื่องขับขึ้นไปให้เรียบร้อย รถคันต่อไป ถึงจะเคลื่อนตัวได้ ตอนขามา นั่งสงบ เงียบกัน อาจจะยังไม่คุ้นเคยกันเท่าไหร่ ตอนขากลับ รถเร่งเครื่องเพื่อขับขึ้นทางที่สูงชัน เสียงกริ๊ดดดด ดังลั่น พร้อมกับเสียงหัวเราะของพวกเรา จนทำให้กลุ่มต่อๆไป ที่กำลังเตรียมตัวตามมา หันมามอง แล้วพวกเราก็หัวเราะชอบใจ น้องซีน เด็กน้อยผู้น่ารัก ลูกสาวของเพื่อน เธอช่วยเหลืองานอย่างดี ไม่มีคำว่าเหน็ดเหนือย หรือแสดงอาการว่า เธอไม่อยากทำ แต่กลับสนุกๆสนาน ไม่ต่างกับผู้เป็นมารดา หรือแม้กระทั่งหลานชาย นายอำเภอ และน้องๆหนูๆ อีกหลายคน เสียงน้องซีนบอกว่า ขอแบบนี้อีกรอบ ชอบๆๆ ลูกเอ้ย รอบเดียว ป้าก็หัวใจไม่ทั่วท้องแล้ว อิ * * * * * * หลังจากกลับมาถึงวัด แยกกลุ่มกันไปที่พัก อาบน้ำเตรียมตัวทำวัดเย็น นอนเล่นกันก่อนค่ะ ช่างภาพปู่กิ่ง แหม..ปู่ขรา..เห็นสาวๆ มือไม้สั่น ถ่ายจ๋องภาพ ไม่ชัดทั้งสองภาพ ฮี่ๆๆ วันนี้ ขอจบจดหมายเพียงเท่านี้ก่อนนะคะ ฉบับต่อไป เราจะเปิดมาอ่านพร้อมๆกัน พร้อมทักทายกันว่า" อรุณสวัสดิ์" แต่ตอนนี้ ลาก่อน สวัสดีค่ะ รักนะห้าเจ้าจอม จ๊วบๆๆ แก้วฯ
21 ตุลาคม 2553 ที่โต๊ะทำงานกับคอมฯ 3 ตัว อิ ถึงฝนคนดีที่เพื่อนไม่เคยลืมเลือน จากแม่แก้วแบม รับปากเพื่อนว่าจะลงเรื่องสั้น และเขียนจดหมายถึงฝน หลังจากเคลียร์หนี้สินเสร็จ เอ้ย ไม่ใช่ๆ เคลียร์งานเสร็จจ้า เขียนตอนนี้เหมาะมากๆ เพราะคนอื่นไปกินข้าวหมดแล้ว อยากเล่าเรื่องที่ไปทำบุญ สร้างฝายกันมา แต่ว่า ก็อยากให้เพื่อนๆได้อ่านจดหมายฉบับนี้ด้วย เราจะเล่าแล้วนะ วันที่ 09 ตุลาคม 2553 06.30 ขนของที่เตรียมไปบริจาค พร้อมอาหาร และของที่จะเตรียมไปทำน้ำสมุนไพร กระเป๋า หมอน ผ้าห่ม มุ้งเต๊น ฯลฯ ล้อหมุนออกจากเคหะสถาน ผ่านตลาดในซอยที่บ้าน เราพยายามบีบตัวพร้อมรถให้เล็กลง เพื่อจะได้หลบหลีกผู้คนที่เดินกลางถนน โดยที่ไม่กลัวรถ อิ ถึงร้านเจ้หมวย กลางซอย จอดรถฉึก รีบเปิดประตู วิ่งๆๆ ลงไปช่วยกันยกผลไม้ ที่แก้วสั่งไว้เพื่อเตรียมไปงานนี้ " เดี๋ยวผมขยับรถให้สามล้อก่อน" คุณกิ่ง " ไม่ต้องๆคุณ ขอเขาแปบเดียว เขาคงไม่ว่าหรอกค่ะ" แก้วบอก แล้วแก้วก็ยกมือไหว้ โค้งคำนับพร้อมส่งสายตาบอกสามล้อที่ชะลออยู่ ว่าขอเวลาสักสามนาที " เจ้หมวย เท่าไหร่คะ " " เฮ้ย เอาไปก่อน เดี๋ยวค่อยกลับมาเคลียร์แล้วกัน อย่างละสิบกิโล ถูกนะ" เจ้หมวยพูด " โอเคค่ะเจ้ ไว้กลับมา ค่อยจ่าย " ตัดบท " ฮัลโหล เปิ้ล ถึงไหนกันแล้วคะ " แก้วโทรหาเพื่อนและเพื่อน ที่ไปกับรถตู้ " อ้อ ป้า.. เปิ้ลกำลังออกจากจุดที่คุณอิมนัดหมายค่ะ รถกำลังออกค่ะ" " จ้า ไว้เจอกันค่ะ " รถถึงร้านก๋วยเตี๋ยวปลาทะเล ที่สมุทรสงคราม ร้านที่อาจารย์ไกรนุช ท่านเคยพาแก้วไปทานในวันที่ไปทำบุญคราวก่อน บอกคุณกิ่งว่า เราจะแวะทานข้าวร้านนี้ แล้วค่อยเดินทางไป พอถึงร้าน " มีอาหารเจด้วยมั้ยคะ " ถามคนขาย " มะมีค่ะ มีแต่เย็งตาโฟ " พนักงานขาย ซึ่งฟังสำเนียง หม่องๆ ชัวร์ค่ะ " คุณ นั่งทานสิ เค้านั่งเป็นเพื่อน " เราพูดกับคุณกิ่ง " ไม่เป็นไรๆ คุณทานเจ ไปหาร้านที่เขาขายอาหารเจกันดีกว่า" ตัดบท ถึงอำเภอหนองหญ้าปล้อง ดูเวลา คาดว่า ขบวนรถตู้ของกลุ่มจิตอาสา คงยังมาไม่ถึง เลยแวะหาอะไรกินกันก่อน ถามทางไปวัดลิ้นช้าง จากพี่ตำรวจทางหลวงแถวๆนั้น เราเดินทางต่อไป เอ ..เริ่มแปลกๆ ทำไมไม่มีรถตามมาสักคัน จะเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวาดีอะคุณ มองเห็นด้านหน้า มีรถสองคัน จอดชะลออยู่ คนที่อยู่ด้านใน ใส่เสื้อสีเหลือง จำได้ว่า คุณอัลฯเคยบอก ว่าสตาฟใส่เสื้อสีเหลือง ชัวร์ เขาก็คงหลงทางเหมือนเรา อิ แก้วบอกคุณกิ่ง ย้อนรถกลับไปถามชาวบ้าน เขาบอกว่าให้เลี้ยวซ้าย แต่รถคันเสื้อสีเหลือง บีบแตรให้เราเลี้ยวขวา สุดท้าย เขาเห็นรถเรา ถามทาง ก็เลยตามกันมา ขณะที่ขับรถไปทางเส้นทาง ที่มีป้ายบอกเป็นระยะๆ เราคิดกันว่า เราสองคน ต้องไปถึงก่อนแน่นอน แต่ผิดคาดค่ะ พอไปถึงวัดลิ้นช้าง ทุกคนนั่งอยู่บนศาลากันหมดแล้ว เรามองหน้ากัน ทุกคน มาทางไหนอะ นี่แสดงว่า เรามาผิดทาง ถึงได้มาช้ากว่า รถจอด รีบเดินไปที่ศาลา สีส้ม สดใส มองหาเพื่อนๆ อ้อ อยู่กันตรงโน้น หลังจากหลวงพ่อกล่าวต้อนรับ คุณอัลฯแจ้งรายละเอียด แบ่งกลุ่ม เพื่อไปสร้างฝาย 7 ฝาย หลังจากนั้น เดินลงมาด้านล่าง แยกกลุ่ม แนะนำตัว กลุ่มบ้านกลอน มีหัวหน้ากลุ่ม คือผู้กองแยมค่ะ เราแนะนำตัวกัน ว่า ใครเป็นใคร ชื่อเสียงเรียงนาม นามจริง นามเล่น นามปากกา บอกมาให้หมด แฮ่ะๆ หลังจากนั้น นั่งรถกระบะ ไปทำฝาย เรานั่งด้านหลัง คนบอกทางให้หลบซ้าย ขวา ซึ่งเปรียบเสมือนผู้ถือหางเสือ คือผู้กอง กับปู่กิ่งค่ะ "ขวา หลบ" " ซ้าย หลีก" " ระวังครับ กิ่งไม้ ระวังครับ รถกำลังจะลงเขา ขึ้นเขา" อาจจะเป็นการผจญภัยกันครั้งแรก เราทุกคน นั่ง สงบเสงี่ยมเจียมตนมากๆ กลัวๆ อิ ว้า ..อยากเล่าต่อ ยังไม่ถึงไหนเลยจ๊ะฝน วันนี้คงจบจดหมายเพียงเท่านี้ก่อนค่ะ ไว้พรุ่งนี้จะเขียนถึงฝนอีกจ๊ะ ๑ ๑ ขอฉันเขียนในวันนี้ไว้ก่อน ถึงแม้ว่า จดหมายฉบับนี้ มันอาจจะไม่สมบูรณ์ หรือบกพร่อง เหมือนคนเขียน เพราะฉันไม่ทราบว่า วันรุ่งของพรุ่งนี้ จะมีอะไรเกิดขึ้น ฉันอาจหายไป หรือกลับมา ทุกสิ่งเป็นสัจธรรม รักนะ จุ๊บๆๆ แก้วฯ