เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เรา (คุณกิ่งโศก//แก้วประภัสสร)ได้มีโอกาสไปเยี่ยม คุณครูแก้วประเสริฐที่บ้านค่ะ คุณกิ่งมารับเราเก้าโมงเช้า ตามเวลาปรกติที่นัด หลังจากนั้นเราเดินทางขึ้นทางด่วนไปตามเส้นทางรามอินทรา เราเอาที่อยู่ที่ครูเขียนไว้ให้ขึ้นมาดู ท่านอยู่รามอินทราซอย109 หลงค่ะ ไปเจอซอยนวลจันทร์ ต้องไปกลับรถตั้งหลักใหม่ เราไปกลับรถกันที่ วัดนวลจันทร์ มองเห็นแล้ว ในใจนึกอยู่ว่า คุณกิ่งจะจอดรถให้เราลงไหว้พระก่อนมั้ย แต่รถเลี้ยวเสร็จก็ออกจากวัดไปเลย แต่ยังไงเสียเราก็รู้ว่า เขาใจดี ยังไงๆขากลับต้องพาแวะมาไหว้พระแน่นอนก็เลยไม่ทักอะไร หลังจากเราก็เข้าสู่ถนนรามอินทรา ผ่านซอยคู้บอน เราชี้ให้คุณกิ่งดูว่า เพื่อนสนิทรอยู่ในซอยนี้ ขับไปเรื่อยๆ จนถึงซอย109 เลี้ยวซ้ายเข้าค่ะ สู่ถนนพระยาสุเรนทร์ เข้าซอย แถวนั้นเป็นหมู่บ้านทหารกองหนุนค่ะ พอเลี้ยวสุดซอยซ้ายมือ เราก็พบต้นพิกุล "เจอแล้วๆๆ นี่ไงคุณต้นพิกุล ที่ครูบอก" เรามองเห็นป้ายหน้าบ้าน เขียนว่า "แก้วประเสริฐ" ถึงจุดมุ่งหมายแล้วค่ะ เรามองเข้าไปในบ้าน ไม่เห็นใครเลยเรียกค่ะ สุดท้ายครูแก้วฯก็เดินออกมา ยกมือไหว้ทักทายเรียบร้อย ครูก็เอาเก้าอี้มาวางสองตัว ลูกแก้วข้างซ้าย ลูกกิ่งข้างขวา ฟังแล้วดูน่ารักดีนะคะ แบมตั้งเองค่ะ แต่ไม่เอาลูกกรอกนะ ไม่ต้องมาพี่กลัว เอิ๊กๆๆ น่านนน จะออกนอกเรื่องอีกแล้วเรา ต่อค่ะ ครูเริ่มสอนและแนะนำทักษะการเขียนกลอน โครง และทิปต่างๆ ทำให้เราได้อะไรอีกมมากมาย การไปพบครูครั้งนี้ จริงๆแล้วตั้งใจไปเยี่ยมผู้ใหญ่ธรรมดา คือไม่ได้มุ่งหวังจะเป็นนักเขียน หรือแต่งกลอนให้เยี่ยม แต่การเรียนรู้ไม่เสียหลาย ยิ่งได้รับจากครูผู้มีประสบการณ์ด้วยแล้ว ถือว่าได้รับความเมตตาอยากมากค่ะ ครูสอนเราสองคน จนถึงเที่ยงได้เวลาทานอาหารค่ะ เราทำอาหารไปฝากครู(ทานด้วย ) ป่อเปี๊ยะหรือเมี่ยงปลาทู น้ำพริกปลาทู ปลาสลิดทอด ตุ๋นมะระ ผัดผัก ตอนแกะปลาให้วางใส่จานให้ครู เรารู้สึกว่า เหมือนได้นั่งแกะปลาให้คุณพ่อตอนท่านยังมีชีวิตอยู่ แวบๆหนึ่งงคิดถึงพ่อขึ้นมาเหมือนกันค่ะ หลังจากทานอาหารกลางวันเรียบร้อย ครูมาสอนต่อ เรื่องโคลงกับกาพย์ยานีค่ะ เริ่มภาคบ่าย คุณกิ่งยังอาการปรกติ นั่งฟังอย่างตั้งใจ ส่วนเราเริ่มหาวค่ะ เหมือนตอนเป็นเด็กเลยแหละ พอครูสอนจะง่วงนอน มองซ้ายมองขวา เอิ๊กๆๆ ได้เพื่อนเล่นแล้ว น้องหมามาคลอเคลียที่ขาเรา มามะมาเล่นกับพี่แก้ง่วงก่อน น้องหมาวนไปเวียนมา เราเห็นครูหันมามองเราเหมือนกัน อิ แต่หนูง่วงอะครู สุดท้าย สนุกๆ จ้องตาโทนี่ right left above below สี่คำ เราใช้นิ้วชี้ไปขวาที ซ้ายที ขึ้นบน ลงล่าง สักพักน้องเริ่มตาละห้อย คริ คริ และเขาก็ค่อยๆ นอนลงกับพื้น ได้ผลๆ เพราะเคยเล่นกับน้องหมาที่บ้านบ่อยค่ะ พอถึงเวลาต้องลาครูแล้ว ครูให้พระเราคนละองค์ หลวงพ่อเปิ่นค่ะ ครูแก้วยังดูหนุ่มๆอยู่เลย แม้อายุท่าน 67 เข้าไปแล้ว ครูเป็นคนอารมณ์ดี คุยสนุก ท่านขับเสภาให้เราฟังด้วยนะคะ ต้นพิกุลหน้าบ้านครูค่ะ ครูเดินมาส่งเราที่รถ หลังจากนั้นยังไม่ค่ำมากนัก คุณกิ่งโศกผู้ใจดี ก็พาเรากลับไปที่วัดนวลจันร์เพื่อทำบุญไหว้พระกันอีกครั้งค่ะ ภาพนี้จะส่งเข้าประกวดงานวัดค่ะ อิ อยากทราบจังเลยค่ะ ว่าเขาเรียกต้นอะไร เขาออกดอกตามโคนต้นค่ะ เห็นแล้วแปลกดีค่ะ เมื่อเบ่งบาน สักวันก็ร่วงโรยค่ะ ครูบอกว่า มองเห็นทุกคนคือ ชื่อ ไม่ได้มองภาพที่สวยงาม มองลึกเข้าไปคือกระดูก หนูแถมน้ำเหลืองให้ด้วยค่ะ พอแค่นี้ก่อนนะคะ ขอบคุณข้าวนุ่มๆที่บ้านคุณครูที่ศิษย์ได้มีโอกาสนั่งร่วมโต๊ะด้วยค่ะ ขอบคุณความรู้ที่ครูถ่ายทอด ศิษย์ไม่ได้หวังว่าจะเป็นคนเก่ง หรือไปแข่งขัน แต่การเรียนรู้ไม่มีวันจบค่ะ ตราบใดที่คุณยังเป็นคนใฝ่รู้ ใฝ่ศึกษา กล้า และกระตือรือร้น คุณจะไม่มีวันล้ม และหมดกำลังใจในตัวเอง ขอบคุณทุกท่านในบ้านกลอน ที่มอบมิตรภาพอันสวยงามให้แก้วประภัสสรค่ะ ขอบคุณจากใจอีกครั้ง
จิ้งจกกับตุ๊กแกเป็นเพื่อนรักกันมาก ทุกวันเขาจะเดินเล่นตามฝาผนัง บนเพดาน บ้างก็ลงมาหาแมลงกินกัน อยู่มาวันหนึ่งฟ้าคำราม ตุ๊กแกได้ยินเสียง ก็เลยนึกสนุก ชวนจิ้งจกมาประชันเสียงกัน จิ้งจกทั้งๆที่รู้ว่า ตัวเองสู้เพื่อนไม่ได้ แต่เพราะความรักเพื่อน ก็ยอมรับคำ ตุ๊กแกลองเสียงตัวเองก่อน "ตั๊บๆๆๆๆ แก...."เขายิ้มให้ตัวเอง และคิดว่า ยังไงเสีย จิ้งจกก็คงเสียงดังไม่เท่าตน เลยหัดร้องๆๆๆๆ ร้องไปเรื่อยๆ สุดท้าย "ตั๊บแก" เสียงเขาแหบลง จนแทบไม่ได้ยิน จิ้งจกนั่งฟังอยู่นาน แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะเปล่งเสียงร้องออกไปแข่งกับตุ๊กแก ทำให้ตุ๊กแกเกิดความสงสัยเลยถามเพื่อนไปว่า "ทำไมปล่อยให้เราร้องอยู่คนเดียว จนเสียงแหบเสียงแห้งเช่นนี้" จิ้งจกหันไปยิ้มให้และตอบไปว่า "เพราะเรารู้ว่า ถึงยังไงเราก็สู้ท่านไม่ได้ เลยขอนั่งฟังเสียงที่ไพเราะของท่านแทน ส่วนเสียงเรา เราจะร้องออกไปเมื่อเจ้าของบ้านกลับมา และจะร้องแทน เมื่อเพื่อนไม่มีเสียง" ตุ๊กแกได้ฟังเช่นนั้นก็รู้สึกรักเพื่อนจิ้งจกมากและบอกว่า ต่อไปนี้เราจะร้องก็ต่อเมื่อ เกิดภัยมาใกล้ตัว ไม่หวังชนะอีกแล้ว จบแล้วค่ะ เรื่องสั้นจาก แบ่มแบ้ม แก้มงาม งามเพราะ เสนาะหู คริ คริ แต่งสดๆค่ะ
ดูกันต่อนะคะ ท่านเณรกำลังตกแต่งต้นเทียนอย่างใจจดใจจ่อค่ะ ต้นเทียนจากวัดหลวง(ธรรมจักร)ค่ะ หลังจากนั้นเดินทางไปซื้อผ้าถุงสวยๆฝากคุณแม่ค่ะ ดอกบัวงาม แม่น้ำสองสีค่ะ หลังจากนั้น พาเข้าชมภายในสถานที่ ที่ทางจังหวัดกำลังจัดเตรียมแสดงงานแห่เทียนค่ะ ตุ๊กตาขี้ผึ้งจากประเทศอินโดนีเซียค่ะ ช่างกำลังขมีขมันแกะค่ะ จบแค่นี้ดีกว่าค่ะ อิอิ
ภาพโคค่ะ อิ ภาพจากวัดใต้ฯเช่นกันค่ะ ราหูอมจันทร์ค่ะ ส่วนหนึ่งของวัดใต้ฯค่ะ ภาพต้นเทียนที่กำลังแกะสลักอยู่ค่ะ คุณเห็นรอยยิ้มอย่างมีความสุข เหมือนที่แบมเห็นมั้ยคะ ออกจากวัดใต้ฯ เดินทางต่อมาวัดกลางค่ะ เป็นวัดที่เก่าแก่เช่นกันค่ะ ตั้งอยู่ใกล้ๆริมแม่น้ำมูล แต่วัดนี้ เราเดินไปถามพระรูปหนึ่งว่า ทำไมไม่เห็นต้นเทียน ได้คำตอบว่า ปีนี้ทางวัดงดจัดประกวดและทำต้นเทียนร่วมงาน เนื่องจากไม่มีปัจจัย เพราะต้องใช้ค่าใช้จ่ายมากเกือบสองแสนค่ะ ภาพจากวัดกลางค่ะ ถ่ายจากในวัด จะมองเห็นแม่น้ำมูลค่ะ ขอต่อภาคสี่นะคะ คริ
หลานชายอยากทานข้าวขาหมู แซวว่า "เอาขาน้าไปหม่ำก่องมั้ย ตอนนี้มังอวบกว่าขาหมูอีกนะ " คริ สวัสดีคราบบ ยินดีต้อนรับคราบบผม กล้วยไม้ที่หน้าบ้านเจ้าค่ะ เธอช่างสีสด งดงาม เหมือนเธอยิ้มนะคะ ต้นส้มโอพันธุ์ดีของพ่อค่ะ "แค่เอื้อม" แบมตั้งชื่อให้เธอ เพราะหากหมายจะเด็ด แค่เอื้อมมือ ก็ได้อร่อยแล้วค่ะ เขาคือหนุ่มหล่อประจำบ้านเราค่ะ ดูสิคะ ตาเขา เฉี่ยวเหมือนพระเอกหนังจีนเล้ย 5555 ตอนเช้าของวันที่ 5 พี่สาวพาไปวัดค่ะ นี่คือวัดศรีประดู่ เป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งของจังหวัดอุบลฯ มีสถาปัตยกรรมไทย โบราณคดีไทย ศิลปะไทย ศิลปกรรมไทย ประวัติศาสตร์ไทย อักษรไทย อักษรขอม อักษรธรรม ภาษาไทย ฯลฯ ภายในวัดศรีประดู่ค่ะ เป็นสถาปัตยกรรมที่งดงามจริงๆค่ะ นอกจากคุณจะได้สัมผัสรสพระธรรม เมื่อก้าวเข้าไปแต่ละวัด ของจังหวัดอุบลฯ คุณจะได้ศึกษาศิลปะ หลายๆแขนง ที่มีอยู่เกือบทุกวัด ของเราค่ะ ภาพต้นเทียนซึ่งยังแกะไม่เสร็จค่ะ อีกส่วนหนึ่งของต้นเทียนจากวัดศรีประดู่ค่ะ พระและผู้เชี่ยวชาญ กำลังใจขึ้นโคลงเพื่อหล่อและแก่สลักต้รเทียนค่ะ หลังจากไปวัดศรีประดู่แล้ว เราพามาทำบุญกันที่วัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อค่ะ ศ.2373 ในรัชสมัยรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ต่อมาวัดใต้ได้เปลี่ยนแปลงชื่อวัดเป้น "วัดใต้ พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ" เพราะเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปเก่าแก่ ...ถือเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองค่ะ ถ่ายภาพมาเยอะพอสมควร ขอมีภาคสามต่อนะคะ อิ