10 ส.ค. 2553 แก้วฯเดินทางกลับบ้านเยี่ยมแม่ โดยรถไฟตู้นอน ซึ่งเลือกตู้ใหม่ เพราะนอนแล้วไม่ปวดหลัง เนื่องจากตนเอง ไม่สามารถจะนั่งรถในระยะทางไกลๆได้นาน จึงเลือกตู้นอนค่ะ รถออกจากสถานีรถไฟหัวลำโพง ตรงเวลา 20.30 น. พอรถไฟเคลื่อนตัว ก็ขอให้พนักงานปูเตียง เราเลือกเตียงล่างค่ะ ตู้รถไฟจากญี่ปุ่น นิ่ม เก็บเสียงได้ดีพอสมควร ห้องน้ำสะอาด เท่าที่แก้วฯได้พูดคุยกับหลายๆคน ที่ใช้บริการตู้นี้ พูดเสียงเดียวกันว่า ชอบมาก ถึงแม้จะจ่ายแพงกว่าตู้นอนแอร์ของไทย ปรกติ เตียงนอนล่าง แอร์ ตู้ไทย 741 บาท ต่อเที่ยว แต่ตู้ของญี่ปุ่น เพิ่มอีกสี่สิบบาทเองค่ะ นาฬิกาจากมือถือ ปลุก ตีห้าครึ่ง แก้วฯลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ แปรงฟัน กลับมาที่เตียง หลายๆคน ปลายทางอยู่ที่ จังหวัดศรีษะเกษ , อุทุมพรพิสัย, อุบลฯ ซึ่งยังคงนอนหลับอยู่ แก้วฯหยิบหนังสือ ที่ได้รับการแนะนำจากน้องที่บริษัทว่า เป็นหนังสือที่ดีมากๆ ไม่เชื่อหรอก อิ ต้องซื้อมาอ่านก่อน ถึงจะเชื่อ ก่อนขึ้นรถ เลยแวะ ซื้อที่ร้านเซเว่น หนังสือชื่อ " หยุด ความเลว..ที่..ไล่ล่าคุณ.." ด้านล่างของหนังสือ เขียนไว้ว่า ของขวัญล้ำค่า... สำหรับมนุษย์ทุกคน...ที่มีแม่... เห็นมั๊ยละคะ แค่หน้าปก ก็น่าติดตามแล้ว อยากให้อ่านเองค่ะเนื้อหามีหลากหลาย ทั้งธรรมมะ และทำให้คืดตาม หัวข้อเรื่องที่แก้วฯ อ่านแล้วเห็นด้วยมากๆ " เหนือฟ้า ยังมีฟ้า" "เอามะม่วง มาสอนคน" และอีกหลายเรื่องราว ที่อ่านแล้วประทับใจ หลังจากอ่านจบเล่ม... แก้วฯสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ขอบคุณ พ.อ.(พิเศษ)ทองคำ ศรีโยธิน คุณ สมคิด ลวางกูร ที่เขียนหนังสือเล่มนี้ให้คนทั่วประเทศได้อ่านกัน มีประโยคหนึ่ง ที่ พ.อ. กล่าวกลับ คุณสมคิดว่า จะเขียนเรื่องที่ขออนุญาตท่านมาหลายครั้งแล้ว แต่ถูกคนอื่นให้เขียนตัดหน้าไปก่อน คุณสมคิดตอบว่า " พยายามต่อไปลูก..ความดีมันทำยาก.." หลังจากทุกคนตื่นกันหมดแล้ว เตียงบน คงเหลือ ชาวฝรั่งตัวสูงโย่ง อีกหนึ่งคน และแก้วฯ ที่ปลายทางอยู่ที่อุบลฯ เขาลงมานั่งเตียงล่างและถามแก้วฯเป็นภาษาอังกฤษว่า " คุณพูดภาษาอังกฤษได้มั๊ย" แก้วฯ ตอบว่า " พูดได้นิดหน่อย" เป็นธรรมดาค่ะ คนไทย อ่อนน้อม ถ่อมตนเสมอ .. แต่ความจริง พูดได้นิดหน่อยจริงๆค่ะ... แฮ่ะๆๆ หลังจากนั้น เราก็เริ่มบทสนทนา ซึ่งระยะทางที่เหลือ คือจากจังหวัดศีรษะเกษ ถึงอุบลฯ ลืมบอกไปว่า รถไฟเสียเวลา (ตามเคย) เกือบสองชั่วโมงค่ะ ปรกติ เจ็ดโมงครึ่งจะต้องถึงอุบลฯ แต่เรายังอยู่ที่ ศรีษะเกษ เราเริ่มคุยกันหลายเรื่อง เขามองที่กระเป๋าเดินทางของแก้วฯ แล้วพูดว่า "พูม่า " แก้วบอกว่า "ใช่ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ" "พูม่า และ อาดิแดส ผลิตที่เยอรมัน" "อ้อ งั้นคุณก็เป็นคนเยอรมัน ใช่มั้ย" แก้วถาม " ใช่ครับ ผมเป็นคนเยอรมัน" "อยู่เมืองไหนคะ " "ผมอยู่ ดุสเซ็นดอฟ " "อืม.. แล้วคุณมาสายการบินอะไรคะ ฉันเห็น สายการบินแอร์เบ.... ดูเหมือนว่า ราคาค่อนข้างจะถูก" "ไม่ครับ..ถูกก็จริง แต่ผมไม่ชอบ เขาไม่เซอร์วิสเหมือนสายการบินทางเอเซีย ทุกอย่างบนเครื่องต้องซื้อ ที่นั่งก็ไม่สะดวกสักเท่าไหร่" "อ้าวเหรอ..ฉันคิดว่าน่าจะดีสำหรับคนเดินทางเสียอีก แล้วคุณใช้ บริการสายการบินไหนคะ " "ผมชอบ สายการบินการ์....ครับ เขาบริการดีมากๆ ถึงแม้ผมจะเลือก ที่นั่งชั้นธรรมดา แต่พนักงานเดินมาถามตลอด ขาดเหลืออะไรบ้าง ผมชอบ รวมทั้งที่นั่งด้วย ไม่แคบเกินไปสำหรับคนตัวโต" เขาถามแก้วฯว่า "คุณไปอุบลฯ ไปเที่ยวหรือครับ " แก้วตอบว่า " ฉันไปเยี่ยมแม่ วันแม่ แต่ก็ไม่ได้เลือก หากฉันว่างเมื่อไหร่ ฉันก็จะกลับบ้านทันที" "แล้วคุณล่ะ ไปเที่ยวที่อุบลฯเหรอ" เขาส่ายหน้า " ไม่ครับ ผมจะไปลงอุบลฯ แล้วเดินทางต่อไปประเทศลาว" "อ้าว..ทำไมไม่เที่ยวที่เมืองไทยละคะ เมืองไทย ยังมีแหล่งท่องเที่ยว ที่สวยงามอีกมากมาย ไม่ว่า น้ำตก ภูเขา ทะเล " มาฟังคำตอบฝรั่งชาวเยอรมันคนนี้ดูค่ะ " ผมเคยชอบและฝันอยากมาเที่ยวเมืองไทยมาก แต่ว่า เท่าที่ผมพบมา หลายคน ชอบเงินมากกว่า ยิ่งผู้หญิง เขาชอบเงินมากกว่าผม..." แก้วฯอึ้งไปนิดหน่อย แต่ก็เข้าใจในสิ่งที่ฝรั่งคนนี้พูด มีสิ่งเดียวที่ฉันจะทำตอนนี้ ก็คือ อธิบายให้เขาเข้าใจ แม้ผลจะเป็นอย่างไร ก็ไม่ว่ากัน " ฉันไม่ทราบว่า คุณไปพบอะไรมาบ้างในเมืองไทย แต่อยากบอกให้คุณรู้ว่า คนไทย ไม่ได้เหมือนกันทุกคน .. บางคน เขาอาจจะจำเป็นที่ต้องนำเงิน หาเลี้ยงพ่อ แม่ ครอบครัว อีกหลายปาก หลายท้อง ที่รอที่บ้าน อยากขอให้คุณมองคนไทย ในแง่บวก ย้ำว่า นั่นไม่ใช่ทุกคน คนไทย ส่วนมาก จิตใจดี เมตตาค่ะ ผม ไม่ได้หมายถึงคนไทยทุกคน ผมขอโทษ ที่กล่าวแบบนั้น แต่เท่าที่ผมเจอมากับตัวเอง จะเป็นอย่างนั้นครับ หลังจากสนทนากัน จนรถไฟ ใกล้ถึงสถานีอำเภอวารินทร์ชำราบ จังหวัดอุบลฯ เขาเอ่ยปากถามว่า มีนามบัตรมั้ย แก้วฯตอบว่ามี พร้อมกับคว้านามบัตรบริษัท ยื่นให้เขา ดูปฏิกิริยา จากเริ่มพูดคุย และก่อนจะกล่าวลากัน ดูเหมือนว่า เขาเปิดใจคุยกับแก้วฯมากขึ้น หลังจากที่เขาหยิบนามบัตรแก้วฯไปดู แล้วยิ้มอย่างเป็นมิตร ผมชื่อ มาร์โค นะครับ ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก คุณมาร์โค ..แต่ ..ใช่มาร์โค โปโร มั้ยคะ แก้วฯพูดพร้อมกับหัวเราะ เขาหัวเราะตาม ซึ่งเรามักจะไม่ค่อยได้เห็น คนฝรั่ง หัวเราะ แบบนี้สักเท่าไหร่ ก่อนรถถึงสถานี แก้วฯเปิดกระเป๋า เพื่อหยิบเอา สมุดโน้ต เล่มเล็กๆ ที่แก้วฯเตรียมจะนำไปให้แม่ ไว้แจกเด็กๆ ในวันแม่ ยื่นให้เขา แล้วบอกว่า ฉันให้คุณ เขาคงไม่ได้ยิน ในสิ่งที่แก้วฯพูด เขารับไปดู แล้วบอกว่า สวยครับ มันเป็นอะไร เป็นสมุดโน้ต แบบพกพา ติดกระเป๋าไปได้ทุกที่ ฉันเตรียมไว้ให้แม่ มอบให้เด็กๆ วันแม่ค่ะ เขายิ้มและกลับด้านหลังมาดู มันเป็นกรอบรูปด้วยนะคุณ เขาชี้ให้แก้วฯดู ไหน..สมุดโน้ตต่างหากละ .. แหม ก็เราซื้อมาเอง นี่นา ไม่ๆๆ คุณดูสิ.... หลังจากใช้กระดาษหมดแล้ว คุณก็สามารถ ตั้งเป็นกรอบรูป ใส่ภาพสวยๆได้ แก้วฯชะโงกหน้าไปดู เออ..จริงแฮ่ะ ฝรั่งตาดี กว่าเราอีก คริ... เขายื่นของกลับให้แก้วฯ... แต่แก้วฯบอกเขาว่า ฉันให้คุณไง เอาไว้จดบันทึก ตอนคุณไปเที่ยวประเทศลาว ดูสีหน้าเขา ไม่ค่อยมั่นว่า ให้เขาจริงหรือเปล่า เขาเอาของชิ้นนั้น แนบอก แล้วพูดย้ำ อีกครั้ง คุณให้ผมจริงๆเหรอครับ ชัวร์ ฉันให้คุณ มันอาจจะไม่มีค่ามากนัก สำหรับคุณ แต่ฉันขอเป็นตัวแทนคนไทยอีกล้านๆคน มอบของให้คุณ ไว้เป็นที่ระลึกค่ะ เขากล่าวคำ ขอบคุณฉัน แล้วบอกว่า เขาจะจำ คนไทยใจดี ผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้ ตลอดไป เรากล่าวคำว่า โชคดี แล้วต่างคนต่างลงจากรถไฟ ฉันแอบยิ้มอยู่ในใจ สิ่งที่แก้วฯทำ คงไม่สามารถ ลบความรู้สึก ที่คุณมาร์โค คิดอคติ กับคนไทย ที่เขาได้พบมาได้ แต่หวังว่า หากทุกคน ทุกชาติ มองเห็นเพื่อนมนุษย์ เป็นเหมือน ญาติ พี่น้อง เหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน ยิ้มให้กันด้วยความจริงใจ บางที เขาเหล่านั้น อาจจะเปลี่ยนมุมมอง และความรู้สึกดีๆกลับมาก็ได้ค่ะ อ้าว....ยัยแก้ว ...ไหนบอกจะเขียนเรื่องขำๆ ในครอบครัวล่ะ.. อิ .. อ่านอันนี้ก่อนแล้วกันนะคะ แล้วจะเล่าเรื่องขำๆ ในบ้านให้ฟัง เรื่องต่อไป ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านค่ะ ขอให้มีความสุขกันทุกวันค่ะ ทางเดินระหว่างตู้ เตียงล่างก่อนปูเตียงค่ะ ขาวจั๊วะ น่านอนจังนิ ใครเคยเห็นบันใดบ้าง..ยกมือขึ้นสูงๆ... ว้าย...จั๊กแร้ดำเชียว....5555 กางแขนให้บันใดค่ะ สำหรับคนนอนเตียงบน ไฟหัวเตียง ไว้อ่านหนังสือค่ะ อ่างน้ำ ด้านในห้องน้ำค่ะ
ถนนหลายสาย .ย่อมมีทางแยก เพื่อมุ่งไปหลายที่.. บางสายอาจมุ่งตรงสู่เมืองใหญ่..เพื่อเสาะแสวงหาความรู้ ทำงาน หาประสบการณ์ บางสายอาจจะเป็นเส้นทาง ที่ให้หลายคนหวนวกกลับไปบ้าน บ้านหลังแรกที่เคยอยู่อาศัย... ถนนหลายสาย ยังคงรองรับผู้คนที่หลากหลาย ในวันแต่ละวัน โดยที่ไม่มีวันเหนื่อย.. เฉกเช่นกับรถไฟ เมื่อใดที่ผู้คุมหัวจักรทำงาน รถไฟก็ออกเคลื่อนตัว ไปตามเส้นทางสายต่างๆ ตามหน้าที่ เพื่อนำผู้คนไปถึงจุดมุ่งหมาย และปลายทาง โดยสวัสดิภาพ แต่เมื่อถึงเวลา ก็ต้องเสื่อมและชำรุดไปตามกาลเวลา.. คงไม่ต่างกับคน.. เมื่อวันหนึ่ง คนสองคน เดินทางเส้นทางสายยาว มั่นคง เป็นเส้นทางที่ราบรื่น... แต่เมื่อวันใดที่ทั้งสองคน จำต้องแยกทางกัน บนถนน... แต่คนละเส้นที่ตนได้เลือกแล้ว คนหนึ่ง..อาจจะเดินทางต่อไป โดยไม่มีจุดมุ่งหมาย.... เดินไปด้วยหัวใจอันปวดร้าว... อีกคนหนึ่ง... มุ่งหน้ากลับบ้าน ที่มีภาระและหน้าที่ยังรออยู่ ไม่ว่าเส้นทางที่ได้พบมา จะดีหรือร้าย ปวดร้าวมากเพียงใด จงจุดตะเกียงในใจให้เกิดขึ้นมา แม้จะรู้สึกโดดเดี่ยว อ้างว้าง เหมือนหลงอยู่ในป่าลึก"" ที่มีหมอกเทาโรยตัวแผ่คลุมให้หนาวเยือก * ขอให้เลือกหน้าที่มากกว่าหัวใจ ..* * เลือกครอบครัวแทนความปวดร้าว * จงจุดตะเกียงในใจคุณ ลุกขึ้นมาแล้วเดินต่อไป ไม่ว่าเส้นทางที่คุณเดินมา จะทำให้คุณเจ็บ ปวด ขื่นขมเพียงใด ไม่ว่าเส้นทางนั้น คุณจะไร้คนร่วมเดินทางด้วย แต่ขอให้คุณจำไว้ว่า . ยังมีคนรอคอยคุณมาชั่วชีวิต คือ พ่อ แม่ ท่านทั้งสอง ยังคอยคุณอยู่เสมอ ไม่มีรักใด จะยิ่งใหญ่เท่ารักของแม่ ไม่มีมือใด ที่จะอบอุ่นและปลอดภัย เท่ากับมือของพ่อ เขียนจากหัวใจของลูกคนหนึ่ง ถึง ลูกอีกหลายๆคน แก้วประภัสสร 09/08/2553
รถกระป๋องคันเล็กๆ บรรจุผู้โดยสารได้ไม่เกิน- 10 คน วิ่งอยู่ย่านฝั่งธนฯ ซึ่งคนทำงาน มักจะใช้บริการเจ้ารถแบบนี้กันเป็นประจำ แก้วฯก็เเช่นกันค่ะ เช้านี้ ขณะนั่งอยู่บนรถกระป๋อง แก้วฯได้หันไปพบผู้หญิงคนหนึ่ง นั่งอยู่ที่นั่งใกล้ๆกับทางลง เธอหน้าตาจัดว่าสวย ผมยาว มัดไว้ครึ่ง แล้วปล่อยให้สลวยไปด้านหลัง ชุดที่เธอสวมใส่ ดูรัดกุม แบบชุดทำงาน ดูมิดชิด และสวมรองเท้าคัชชูสีขาว แก้วฯแอบชื่นชมเธออยู่ในใจ อายุเธอน่าจะไม่เกิน 30 ด้วยท่าทางเรียบร้อย บวกกับความสวย ทำให้รู้สึกชอบ รถจอดรับผู้โดยสารในป้ายถัดไป คนที่ขึ้นมาเป็นคุณยายแก่ๆ เท่าที่เห็น ยายก้าวขึ้นรถอย่างช้าๆ แก้วฯเอื้อมมือไปช่วยถือตะกร้าไว้ เพราะกลัวรถกระชากแล้วจะพลาดพลั้งหกล้มลง คุณยายนั่งเอียงลงข้างๆ หญิงสาวคนที่แก้วฯแอบชื่นชม.. อีกมือหนึ่งจับราวริมทางลง มือหนึ่งจับตะกร้าที่วางบนตัก แก้วฯละสายตา..และหันมองออกไปด้านนอก ดูต้นไม้ ดูป้ายโฆษณาที่- อยู่สองข้างทาง ว่ามีอะไรแปลกๆ ใหม่ๆบ้าง สักพัก...แก้วฯเห็นหญิงสาวคนนี้ลุกจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว และย้ายมานั่งฝั่งตรงข้ามกับคุณยาย... แก้วฯรู้สึกไม่ปกติ เพระอาการที่เธอลุกเปลี่ยนที่พรวดพราด เลยชำเลืองตามองดูเธอ...ว่าเกิดอะไรขึ้น.. ภาพที่เห็น เธอหันไปจ้องคุณยายคนนั้น เหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ เหมือนโกรธกันมาเป็นร้อยปี..มันเกิดอะไรขึ้น..เริ่มสงสัย.. จากสายตาที่เธอมองคุณยาย แล้วค้อนอย่างไม่พอใจ สลับกับมองไปที่- คุณยายหลายครั้ง..แก้วเลยต้องหาคำตอบ เบี่ยงสายตามองไปที่คุณยาย.. คุณยายก็หันไปมองเธอคนนั้น แต่ไม่เห็นท่านมีอาการอะไร.. แก้วฯงบางอ้อทันที..เหตุที่เธอโกรธ ผละจากที่นั่งอย่างรวดเร็ว.. เพราะหลังอันงองุ้มของคุณยายไปเบียดกับตัวเธอนี่เอง.... ทำไม....เพราะอะไร..เธอถึงกับไม่พอใจมากขนาดนั้น.. กับเพียงหลังคนแก่คนหนึ่งไปกระทบกับเนื้อหนังของเธอ.... ภาพต่างๆที่แก้วฯมองเธออย่างชื่นชม ตั้งแต่แรกพบ.. ดูเหมือนมันค่อยๆจางไปในความรู้สึก.... แต่กับนั่งคิดต่อว่า...คนที่นั่งข้างเธอ..เป็นยายแก่ๆ อายุมากแล้ว.. เพียงยายพยุงร่างกายหิ้วตะกร้าไปตลาดเองได้ ก็ถือว่าเก่ง.. แค่หลังยายเบียดเธอ เท่านี้เองหรือ... เธอถึงออกสีหน้า โกรธมากขนาดนั้น.. หากวันหนึ่ง ถึงวัยชรา เธอหลังค่อม งองุ้มเหมือนคุณยาย... ต้องการที่พักพิง....แต่ถูกลูกหลานผละ แล้วเดินจากไป... โดยไม่หันหลังกลับมามองเธอ....เธอจะรู้สึกอย่างไร... เธอสวยเพียงภายนอก..ในความรู้สึกของแก้วฯ ณ.ขณะนี้..
วันนี้ แก้วฯขอนำเสนอ ของสวยๆ งาม สำหรับคุณผู้หญิง ดูเพื่อความจรรโลงใจ หยิบเล็ก ผสมน้อย มาเรียงร้อย พร้อมกับบทกลอน โคลง หวังเพียงให้วันสบายๆ เป็นวันที่ยิ้มอย่างสดใส และเบิกบาน กับสิ่งที่เราทำค่ะ งามเอยงามผ่องฟ้า............แพรพรรณ งามจับจีบรังสรรค์ ........ ระพลิ้ว งามสีสว่างครัน..................ร้อยเย็บ จริงนา งามระรอกรอยริ้ว...............สง่าผู้สวมนำฯ จับจีบดูอ่อนช้อย กระดุมร้อยสลับกัน สีเทาฟ้าครามนั้น ช่างประดิษฐ์วิจิตรงาน ดอกโบตั๋นแต่งไว้..............เหนืออุรา สามดอกเรียงหลั่นมา.........ใหญ่น้อย ชายมองย่อมบุญตา.............พินิจ หวนเอย ดุจสตรีเรียบร้อย..................แต่งแต้มสงวนนางฯ เงินครามงามจีบพลิ้ว...........เบาบาง งามสะอาดสำอาง................อร่ามหล้า แซมดำขลิบเส้นวาง.............โยงร่วม จริงนอ ชายต่างไม่รอช้า....................ยื่นนิ้วเกี่ยวเดินฯ ขาวเอยขาวบริสุทธิ์ เปรียบประดุจพระธรรมมา ขาวงามสว่างตา อีกลูกไม้ไว้คอยแซม ไทยจีนรวมเลือดเนื้อ...............คือไทย ก่อเกิดโยงเส้นใย.....................มัดย้อม แดงดำเชื่อมรวมใจ...................เป็นหนึ่ง พี่เฮย สมัครสมานพร้อม....................กี่เพ้าตะลึงแลฯ รู้คุณค่าผ้าไทยไม่แพงมาก ไม่ลำบากซื้อหามาเหมาะสม ดูกาละเทสะละอารมณ์ ค่อยค่อยข่มฟุ่มเฟือยเปล่าเปลือยเงิน เขียวสดสอดขาวไว้ ชมพูไล้ให้พลิ้วตาม สวมใส่สง่างาม น่าเกรงขามงานราตรี สีแดงทอสะท้อน..................รื่นรมย์ ขาวสอดน่าชื่นชม..................เสน่ห์น้อง หัวใจปักนิยม..........................เผยเปิด ออกนา ชายมองจักเห็นพ้อง.................ส่งยิ้มพิมพ์ใจฯ แลสีเทาเคล้าดำทำให้หลง เหมือนอนงค์ตรึงมนต์ซ่อนกลหา ดูเคร่งขรึมสอดสร้างวางศรัทธา แลสองตาไม่หลบสยบนาง งามเนื้องานประสานสร้างงานรัก งามทอถักแพรวามาเสกสรรค์ งามชาญเชี่ยวศิลปะสาระพัน งามแต่งปั้นชุดสวยช่วยหุ่นทรง หยิบกระโปรงสีฟ้ามาส่วมใส่ อันชายใดได้มองต้องเหลียวหลง ริ้วกลีบแฉกเรียงคาดเหมือนวาดวง เอวกิ่งโค้งตามงานสมานใจ เกินกล่าวคำรับรู้ .........................บรรเลง ยามย่างพลิ้วเหมือนเพลง..............เปล่งร้อง ระบำย่ำระเบง ...............................ลีลาศ พลิ้วเฮย เสียงปรบมือกึกก้อง......................สบัดผ้าปลิวลมฯ เบื่อกลอน โคลง กันยังคะ ? ตอบแทนว่า ยังไม่เบื่อ ..อิ เขาเรียกมัดมือชก ระริ้วพลิ้วสวยเก๋ ร้อยถักเทผสมผสาน ผ้าไทยแต่โบราณ ผู้สวมใส่ใคร่ปรีดา ลงสีระบายดอก ชวนเย้าหยอกผู้ได้ยล แนบเนื้อนวลกมล สีแดงชาดช่างบาดตา สีดำเสน่ห์ล้วน..........ตรึงตา ลึกลับชวนค้นหา.....ห่อนเอื้อ ไมตรีผูกปรีดา.........แท้แก่น ทรวงเอย วันผ่านนานยังเกื้อ-.....กอบแก้วกัลยาฯ ตรึงไหมใยเย็บเสี้ยว........ นำพา ร้อยปักงามต้องตา...........แช่มช้อย ถนอมแนบนงพงา..........เนื้ออุ่น เจ้าเอย พลิ้วสะบัดเกินถ้อย........เอ่ยอ้างรำพันฯ นิ่มนิ่มแนบเนื้อน้อง พี่ประคองไม่หมองเมิน พาเที่ยวให้พาเพลิน งามเหลือเกินนิ่มนวลใย สีทองวาววับต้อง.........หทัย ตามยุคทันสมัย...........ชัดแจ้ง สีดำเคลือบอำไพ..........รวมหนึ่ง จริงนอ ใครจักไม่กล้าแย้ง........เสน่ห์น้องตรึงกมลฯ ตัวนี้ห้าสิบบาท เดินตลาดแถวสีลม แย่งกันเกือบเป็นลม แต่ขื่นขมไม่มิดพุง .. อิ วันสบายง่ายแท้..........แม่คุณ สวมใส่ป้ายก๊วยจุน ......แปะข้าง ดึงเชือกผูกรัดหมุน.......กลัวหลุด จริงแฮ สายเดี่ยวเสื้อไป่ร้าง....ด่าวดิ้นร้องเพลงฯ เขียนไปก็ขำไปค่ะ. เนื้อหนังแลมังสา มีเสื้อผ้าห่อหุ้มกัน เนื้อในต้องตามทัน ตามจิตนั้นอย่าละเลย กลอน โคลง กาพย์ จบ.. เสื้อตัวเก่ง ใส่ได้หลายโอกาส ทั้งงาน ขาวดำ หรือใส่กับกระโปรง กางเกง เข้ากันได้ดี ตัวนี้ล่าสุด เขาลดราคาที่ห้างเดอะมอล... เหลือ 390- เห็นว่ามีสองชิ้น เนื้อผ้านิ่มๆ เลยชอบ ตื่นเช้ามา เจอเหมือนกันที่ตลาดท่าน้ำ ยี่ห้อเดียวกัน ขาย 159 อิ แต่ก็ซื้อมาแล้ว ทำยังไงได้เนอะ.. เสื้อกั๊กลูกไม้สีขาว ซื้อแถวบ้าน 79 บาทเองค่ะ เอาไว้ใส่ทับชุดเซ็ค ที่แขนกุดจ้า... นำมาให้ชมกันพอหอมปาก หอมคอ เฉพาะตัวเก่ง ที่ใส่มาหลายปี นะค่ะ หากจะนำมาให้ชมทั้งตู้ คงจะถึงปีหน้า วันวาเลนไทน์ แน่เลย อิ.. ครานี้ เมื่อเราค้นหาตัวเราเองได้แล้ว ว่าชอบเสื้อผ้า แบบไหน เหมาะกับสีอะไร สำคัญ เลือกเสื้อผ้า ไม่แนะนำให้ตามสมัยมากนัก เอาแบบกลางๆ ใส่ได้เหมาะกับกาละ เทสะ แล้วลองหาเครื่องประดับ เล็กน้อยๆ เน้นค่ะเน้น ไม่ฟุ่มเฟือย เน้นประหยัดเข้าไว้ค่ะ เลือกเอามาสักเส้น หาที่เข้ากับชุด เลือกซื้อสร้อยที่สามารถ ประยุกต์ ทำเป็นเข็มขัด และสร้อยคอ ได้ค่ะ เปลี่ยนจากปล่อยผมยาวๆ ก็หันมารวบผมเล็กน้อย แต่ติดกิ๊บ เก๋ไปอีกแบบนะคะ สุดท้าย ก็หาแหวนเก๋ๆ สักวง สวม ไม่ให้นิ้วดูโล่งเกินไป ขอนำเสนอเพียงเท่านี้ก่อนค่ะ ฝากข้อความทิ้งไว้ก่อนลา เสื้อผ้าเป็นเพียงปัจจัยสี่ ที่ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย แต่หากมากมายเกินความจำเป็น หรือหากไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้ อาจะเพราะอวบขึ้น ไม่ควรเก็บไว้ นำไปบริจาค ให้คนยากไร้จะดีกว่า ยังมีอีกหลายชีวิต ที่ยังต้องการ.. เสื้อผ้าจะดูดี เมื่อผู้สวมใส่ มีบุคลิกดี มีจิตใจที่ดีงามไปพร้อมกัน อย่ายืนก้นห้อย อย่าย้อยที่พุง ไม่รุ่งหลังโก่ง คำคมจากแม่แก้วแบม ฝากกันไว้ แทนความทรงจำดีๆค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชม. ขอให้มีความสุขกันทุกวันนะคะ บังเอิญเห็นเงินเหรียญสหรัฐ ผลิตเมื่อปี ค.ศ. 1967 สมัย จอห์น เอฟ. เคนเนดี เป็นเหรียญที่พ่อให้ไว้ก่อนลาจาก.. เป็นเหรียญที่พ่อรักมาก ได้มาเพราะเพื่อนทหารอเมริกัน ให้ไว้เป็นที่ระลึกก่อนกลับ เหรียญนี้ มีร่องรอยของการถูกยิงด้วยลูกกระสุน แต่ยิงไม่เข้า รอยโก่งตัวรับลูกกระสุนยังพอมองเห็นค่ะ หากท่านใด มีแนวคิดดีๆ มาแบ่งปันความรู้และสิ่งดีๆให้กันนะคะ
ฉันไม่เคยรู้ว่า เขาหน้าตาจริงๆเป็นอย่างไร.. รูปร่าง สูง ต่ำ ดำ ขาว ผมยาว ผมสั้น แต่ฉันทราบว่า .. พี่คอยมองและเป็นห่วงฉันอยู่ห่างๆๆ.. อย่างไม่หวั่นไหว.. พี่คุณ..คนดี.. ฉันรู้ว่า พี่มองฉันอยู่ ทุกครั้งที่ฉันกลั่นงานออกไป... ฉันรู้สึกเหมือนมีใครสักคน กำลังจ้อง และติชม ... ห่างหายไปนาน.. แต่ฉันรู้สึกอุ่นใจทุกครั้ง.. เหมือนว่าพี่ชาย ไม่ได้หายไปไหน.. ยังมองฉันอยู่ห่างๆ.. อย่างไม่หวั่นไหว..อีกนั่นแหละ คริ.. ฉันบอกคุณคนดีว่าพี่กลับมา.. มาด้วยความห่วงใยและให้กำลังใจ.. เหมือนทุกครั้ง ที่พี่รู้สึกว่า ฉันต้องการกำลังใจ.. แล้วพี่ก็จากไป... ขอบคุณพี่ชายคนนี้ ที่คอยปกป้องน้อง.. คอยเป็นห่วง.. ขอบคุณจริงๆค่ะ เอ...หรือเรารู้สึกไปเอง..555 เขาเรียกว่า สร้างเรื่อง...ไม่เป็นเรื่อง..แฮ่ะๆ โยงโคลงคำเค่นเค้น.......ความใน บางอาจจับขั้วใจ..............ไป่รู้ เพียงเสี้ยวปักดึงใย....... ..ไหมมั่น พี่เฮย จึงผูกไมตรีสู้.....................กรั่นถ้อยร้อยกระบวนฯ