21 ตุลาคม 2553 ที่โต๊ะทำงานกับคอมฯ 3 ตัว อิ ถึงฝนคนดีที่เพื่อนไม่เคยลืมเลือน จากแม่แก้วแบม รับปากเพื่อนว่าจะลงเรื่องสั้น และเขียนจดหมายถึงฝน หลังจากเคลียร์หนี้สินเสร็จ เอ้ย ไม่ใช่ๆ เคลียร์งานเสร็จจ้า เขียนตอนนี้เหมาะมากๆ เพราะคนอื่นไปกินข้าวหมดแล้ว อยากเล่าเรื่องที่ไปทำบุญ สร้างฝายกันมา แต่ว่า ก็อยากให้เพื่อนๆได้อ่านจดหมายฉบับนี้ด้วย เราจะเล่าแล้วนะ วันที่ 09 ตุลาคม 2553 06.30 ขนของที่เตรียมไปบริจาค พร้อมอาหาร และของที่จะเตรียมไปทำน้ำสมุนไพร กระเป๋า หมอน ผ้าห่ม มุ้งเต๊น ฯลฯ ล้อหมุนออกจากเคหะสถาน ผ่านตลาดในซอยที่บ้าน เราพยายามบีบตัวพร้อมรถให้เล็กลง เพื่อจะได้หลบหลีกผู้คนที่เดินกลางถนน โดยที่ไม่กลัวรถ อิ ถึงร้านเจ้หมวย กลางซอย จอดรถฉึก รีบเปิดประตู วิ่งๆๆ ลงไปช่วยกันยกผลไม้ ที่แก้วสั่งไว้เพื่อเตรียมไปงานนี้ " เดี๋ยวผมขยับรถให้สามล้อก่อน" คุณกิ่ง " ไม่ต้องๆคุณ ขอเขาแปบเดียว เขาคงไม่ว่าหรอกค่ะ" แก้วบอก แล้วแก้วก็ยกมือไหว้ โค้งคำนับพร้อมส่งสายตาบอกสามล้อที่ชะลออยู่ ว่าขอเวลาสักสามนาที " เจ้หมวย เท่าไหร่คะ " " เฮ้ย เอาไปก่อน เดี๋ยวค่อยกลับมาเคลียร์แล้วกัน อย่างละสิบกิโล ถูกนะ" เจ้หมวยพูด " โอเคค่ะเจ้ ไว้กลับมา ค่อยจ่าย " ตัดบท " ฮัลโหล เปิ้ล ถึงไหนกันแล้วคะ " แก้วโทรหาเพื่อนและเพื่อน ที่ไปกับรถตู้ " อ้อ ป้า.. เปิ้ลกำลังออกจากจุดที่คุณอิมนัดหมายค่ะ รถกำลังออกค่ะ" " จ้า ไว้เจอกันค่ะ " รถถึงร้านก๋วยเตี๋ยวปลาทะเล ที่สมุทรสงคราม ร้านที่อาจารย์ไกรนุช ท่านเคยพาแก้วไปทานในวันที่ไปทำบุญคราวก่อน บอกคุณกิ่งว่า เราจะแวะทานข้าวร้านนี้ แล้วค่อยเดินทางไป พอถึงร้าน " มีอาหารเจด้วยมั้ยคะ " ถามคนขาย " มะมีค่ะ มีแต่เย็งตาโฟ " พนักงานขาย ซึ่งฟังสำเนียง หม่องๆ ชัวร์ค่ะ " คุณ นั่งทานสิ เค้านั่งเป็นเพื่อน " เราพูดกับคุณกิ่ง " ไม่เป็นไรๆ คุณทานเจ ไปหาร้านที่เขาขายอาหารเจกันดีกว่า" ตัดบท ถึงอำเภอหนองหญ้าปล้อง ดูเวลา คาดว่า ขบวนรถตู้ของกลุ่มจิตอาสา คงยังมาไม่ถึง เลยแวะหาอะไรกินกันก่อน ถามทางไปวัดลิ้นช้าง จากพี่ตำรวจทางหลวงแถวๆนั้น เราเดินทางต่อไป เอ ..เริ่มแปลกๆ ทำไมไม่มีรถตามมาสักคัน จะเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวาดีอะคุณ มองเห็นด้านหน้า มีรถสองคัน จอดชะลออยู่ คนที่อยู่ด้านใน ใส่เสื้อสีเหลือง จำได้ว่า คุณอัลฯเคยบอก ว่าสตาฟใส่เสื้อสีเหลือง ชัวร์ เขาก็คงหลงทางเหมือนเรา อิ แก้วบอกคุณกิ่ง ย้อนรถกลับไปถามชาวบ้าน เขาบอกว่าให้เลี้ยวซ้าย แต่รถคันเสื้อสีเหลือง บีบแตรให้เราเลี้ยวขวา สุดท้าย เขาเห็นรถเรา ถามทาง ก็เลยตามกันมา ขณะที่ขับรถไปทางเส้นทาง ที่มีป้ายบอกเป็นระยะๆ เราคิดกันว่า เราสองคน ต้องไปถึงก่อนแน่นอน แต่ผิดคาดค่ะ พอไปถึงวัดลิ้นช้าง ทุกคนนั่งอยู่บนศาลากันหมดแล้ว เรามองหน้ากัน ทุกคน มาทางไหนอะ นี่แสดงว่า เรามาผิดทาง ถึงได้มาช้ากว่า รถจอด รีบเดินไปที่ศาลา สีส้ม สดใส มองหาเพื่อนๆ อ้อ อยู่กันตรงโน้น หลังจากหลวงพ่อกล่าวต้อนรับ คุณอัลฯแจ้งรายละเอียด แบ่งกลุ่ม เพื่อไปสร้างฝาย 7 ฝาย หลังจากนั้น เดินลงมาด้านล่าง แยกกลุ่ม แนะนำตัว กลุ่มบ้านกลอน มีหัวหน้ากลุ่ม คือผู้กองแยมค่ะ เราแนะนำตัวกัน ว่า ใครเป็นใคร ชื่อเสียงเรียงนาม นามจริง นามเล่น นามปากกา บอกมาให้หมด แฮ่ะๆ หลังจากนั้น นั่งรถกระบะ ไปทำฝาย เรานั่งด้านหลัง คนบอกทางให้หลบซ้าย ขวา ซึ่งเปรียบเสมือนผู้ถือหางเสือ คือผู้กอง กับปู่กิ่งค่ะ "ขวา หลบ" " ซ้าย หลีก" " ระวังครับ กิ่งไม้ ระวังครับ รถกำลังจะลงเขา ขึ้นเขา" อาจจะเป็นการผจญภัยกันครั้งแรก เราทุกคน นั่ง สงบเสงี่ยมเจียมตนมากๆ กลัวๆ อิ ว้า ..อยากเล่าต่อ ยังไม่ถึงไหนเลยจ๊ะฝน วันนี้คงจบจดหมายเพียงเท่านี้ก่อนค่ะ ไว้พรุ่งนี้จะเขียนถึงฝนอีกจ๊ะ ๑ ๑ ขอฉันเขียนในวันนี้ไว้ก่อน ถึงแม้ว่า จดหมายฉบับนี้ มันอาจจะไม่สมบูรณ์ หรือบกพร่อง เหมือนคนเขียน เพราะฉันไม่ทราบว่า วันรุ่งของพรุ่งนี้ จะมีอะไรเกิดขึ้น ฉันอาจหายไป หรือกลับมา ทุกสิ่งเป็นสัจธรรม รักนะ จุ๊บๆๆ แก้วฯ
วันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน 2553 แก้วฯได้มีโอกาสเดินทางไปร่วมทำบุญที่วัดบางคนฑีนอก จังหวัดสมุทรสงคราม กับ รศ.ไกรนุช ศิริพูล จุดนัดขึ้นรถตู้ที่หน้าบ้านอาจารย์ ถนนจอมทอง เวลา 06.30 แก้วฯกับพี่ออกจากบ้าน นั่งรถตุ๊กๆ จากบ้านใช้เวลาประมาณ สิบนาที เนื่องจากไม่ไกลเท่าไหร่ อาจารย์เป็นคนเคร่งครัดเรื่องเวลานัดหมายมากค่ะ แต่เราก็ไปถึง 06.30 พอดี เมื่อถึงบ้านท่าน พบว่า ทุกคนกำลังรอเราสองคน ในคณะที่เดินทางไป มีอาจารย์ไกรนุช คุณอัญชัญ คุณศิริวรรณ คุณสุภา พี่ และแก้วฯ รวมคนขับ ก็ 7 คนค่ะ อาจารย์บอกรายละเอียดว่า เราจะไปแวะร้านก๋วยเตี๋ยวทะเลแม่กลอง เพื่อทานอาหาร และเตรียมอาหารไปถวายพระกันก่อน แล้วเดินทางไปตลาดในตัวจังหวัด เพื่อซื้อข้าวเหนียวธัญญพืช และข้าวเหนียวสังขยา ของร้านเจ้งอก ที่อร่อยที่สุดของจังหวัด ตอนที่ได้ฟัง แก้วฯ คิดว่า เป็นข้าวเหนียวนึ่งธรรมดา แต่พอได้เห็นถึงทราบว่า เป็นข้าวเหนียวมูล แต่ผสมธัญญพืช ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อาทิเช่น ถั่งแดง กลอย แปะก๊วย ถั่วเหลือง หลังจากให้เวลา ซื้อของตลาดแล้ว ก็เดินทางไปทำบุญที่วัดบางคนฑีนอก อาหารที่นำไปถวาย มี เย็นตาโฟเส้นปลา แกง และขนม อาจารย์เน้นประหยัด อร่อย สะดวก สะอาด อาหารทุกอย่างที่นำไปถวายพระ ซึ่งพระมีอยู่ 6 รูป ดูเหมือนว่า เราทุกๆคน อิ่มใจ อิ่มบุญ เพราะอาหารที่นำไปถวาย พระท่านฉันหมดค่ะ วัดนี้พระทุกรูป เป็นพระสายธรรมยุต แก้วฯสังเกตุจากการครองจีวรของท่าน ซึ่งเป็นสีน้ำตาลเข้ม หลังจากถวายอาหารเพลพระเสร็จ อาจารย็ได้พาคณะ ไปทานอาหารที่ ก่อนเดินทางไปชมตลาดน้ำอัมพวา และถ่ายภาพ ที่ระลึก ที่พิพิธภัณท์บ้านครูเอื้อ สุนทรสนาน ก่อนเดินทางกลับมากรุงเทพฯค่ะ ขณะที่นั่งรถทั้งไปและกลับ แก้วฯได้ความรู้มากมาย จากการที่ท่านสนทนา ทั้งเนื้อหา และ อารมณ์ขัน ท่านเป็นคนคุยสนุกมากค่ะ ฟังแล้วไม่รู้สึกเบื่อ ท่านบอกว่า เด็กๆสมัยนี้ มักจะลืมคำสอน และประวัติศาสตร์ของไทยไปเสียมาก เนื่องจากวิวัฒนาการก้าวไกล บางครั้งการมีมารยาท อ่อนน้อมถ่อนตนก็ลดน้อยลง นอกจากนี้ท่านรวบรวมหนังสือ ที่มีคุณค่าหลายๆเล่มมอบให้แก่ หอบรรณสารสนเทศ เพื่อให้ชนรุ่นหลังได้ศึกษา อาทิ เช่น หนังสือ ใต้เมฆที่เมฆใต้ เป็นบันทึกการเสด็จฯเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอีกครั้งของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี หนังสือ ตึ่งหนั่งเกี้ย เป็นหนังสือที่รวบรวมวัฒนะรรมจีน ที่คนไทยเชื้อสายจีนได้พึงปฏิบัติ หนังสือ ปมปริศนาราชาไหมไทย เล่าถึงเรื่องราวการหายสาบสูญไปของทอมป์สัน และหนังสืออีกมากมาย เทป ซีดี ที่มีประโยชน์ ที่ท่านได้มอบไว้ให้หอฯ นอกจากนี้ท่านยังเขียนหนังสือ ออกมามากมายเช่นเดียวกัน หนึ่งในนั้นคือ " เที่ยววัดไทยในจังหวัดสมุทรสงคราม" ท่านได้รวบรวมและสำรวจวัดทั้งหมดของจังหวัด พร้อมเนื้อหาประกอบ ประวัติของวัด ขณะที่นั่งรถไป อาจารย์ชี้บอกแก้วฯว่า วัดนี้ตกสำรวจไปหนึ่งวัด แต่แก้วฯจำชื่อวัดนั้นไม่ได้แล้วค่ะ หนังสือเล่มเล็กๆ ที่ท่านเขียนขึ้นมา ได้นำไปบริจาคตามที่ต่างๆ เพื่อให้เยาวชน และทุกคนได้ศึกษากัน อาจารย์เป็นคนคุยเก่งมากๆค่ะ คนฟังก็ชอบ โดยเฉพาะแก้วฯ บอกว่าเลยว่า ตั้งใจเก็บเกี่ยวทุกคำพูดของท่าน บันทึกไว้ ในสมอง ความสุขคือการได้ยินเสียงของท่าน สุขที่ได้ร่วมเดินทางไปเที่ยวกับท่าน ท่านทราบว่าแก้วฯชอบแต่งกลอน เป็นงานอดิเหรก ท่านก็ร่ายกลอนสด ทำให้เรา สนุกสนาน ไปเที่ยวทำบุญกับท่านครั้งนี้ ท่านตั้งคำถามหลายๆคำถามให้เราตอบ แต่ละคนก็คิดแตกต่างกัน เพื่อท่านจะได้ศึกษานิสัยใจคอของทุกๆคน ดูเหมือนว่า พวกเราขณะนั้น เหมือนจะเป็นลูกศิษย์ของท่านกันหมด อิ อาจารย์ถามว่า " กระรอกวิ่งไป วิ่งมา ทางโน้นที ทางนี้ที" คำถามคือ "ทาง " ที่พูดถึง หมายถึงทางอะไร ก่อนจบแก้วฯฝากภาพไว้ให้ชมกันเล่นๆนะคะ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านค่ะ แก้วประภัสสร 29 / 09 /2553 ช่วงเช้าแวะทานอาหารที่ร้านก๋วยเตี๋ยวและอาจารย์สั่งเย็นตาโฟเส้นปลา ไปถวายพระ ขณะนั่งรออาหาร ข้างๆร้าน มองเห็นนาเกลือ นกขายาวกำลังเดินหาอาหาร เย็นตาโฟเส้นปลา อร่อยจริงๆค่ะ อีกทั้งปลาผัดใบคื่นช่าย ราดข้าว ออกมาเดินเล่นนอกร้าน ชมนก ชิมวิว เจ้าหมาน้อยวิ่งมางับแข้ง งับขา หยอกตามประสาหมาเด็ก อิ พอเล่นเหนื่อย ก็วิ่งไปดูดนมแม่ เห็นแล้วอดไม่ได้ที่นำภาพมาให้ชมกันค่ะ ข้าวเหนียวธัญญพืชร้านเจ้งอก อยู่ในตลาดแม่กลองช่วงเช้า แวะไปซื้อ นำไปถวายพระค่ะ ยกนิ้วให้ค่ะ ไม่ผิดหวังจริงๆ ไปตลาดนี้หลายครั้งแล้วค่ะแต่นี่เป็นครั้งแรก ที่เห็น ข้าวมันส้มตำปลาทู ไปทำบุญถวายอาหารเพลพระ ที่วัดบางคนฑีนอก วัดจะอยู่ติดกับริมฝั่งแม่น้ำแม่กลองค่ะ ต้นมะพร้าวที่เห็น อาจารย์บอกว่า เรียกมะพร้าวร้อยลูก เพราะลูกดกมากๆ ดอกแปรงล้างขวด ไม่รู้ใช่ป่าวนะคะ อิ ดอกชบาสีขาว นานๆจะเห็นสักครั้งค่ะ ที่บริเวณอุทยาน ร. 2 อันนี้ถกเถียงกัน พี่บอกว่า ดอกลำโพง แต่แก้วฯว่าไม่ใช่ ใครทราบช่วยตอบด้วยนะคะ สุดท้ายบ้านครูเอื้อค่ะ ถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ดูสิคะ กลมกลืนกันดี้ดี ทัวร์สาว ( เหลือ ) น้อย ขอบคุณท่านอาจารย์และพี่ทุกท่าน ที่กรุณาอนุญาตให้นำภาพมาลงค่ะ
ปีกบุญ..... เธอเป็นยอดหญิงกตัญญูต่อผู้ให้กำเนิด เธอยอมลาออกจากราชการ รับเงินบำนาญ เพื่อมาเลี้ยงดูแม่... เธอเปรียบพ่อและแม่เป็นเช่นพระอรหันต์ในบ้าน ไม่ว่าเธอจะทำอะไร นอน เดินทาง หรือทำอะไรที่ทำให้พ่อกับแม่ ไม่สบายใจ ทุกครั้งเธอต้องกราบที่เท้าสามครั้งเพื่อขอโทษ... แม้เธอจะนั่งสมาธิมาเป็นเวลาหลายปี ตัดเรื่อง โมหะ โทสะ โลภ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอไม่สามารถทำได้ คือกลัวผี... วันหนึ่ง พี่น้องคนอื่น ไปต่างจังหวัด คงเหลือเธอกับแม่สองคนในบ้าน เธอนอนคนละมุ้งกับแม่ สักครู่..."โบร่ะ....โบร่ะ....โบร๋ววววววว.." หมาหอน เธอไม่ต้องคิดอะไร มุดมุ้งไปนอนกับแม่ทันที.... แม่พอเข้าใจ ลืมตามาดูนิดหน่อย แล้วหลับต่อ... เสียงหมาไม่ยอมหยุดหอน...เธอนอนพลิกตัวไปมา... สักพักก็มีเสียงหนึ่งเล็ดลอดออกมาจากรูเล็กๆของอวัยวะ ส่วนหนึ่งของร่างกายเธอ "แป๊ดดดดดดดดดดดด " แม่ลืมตาตื่น...เธอรู้สึกผิด จึงลุกขึ้นนั่งแล้วกราบขอโทษแม่ "แม่คะ ..หนูขอโทษ ..อิ เมื่อกี้หนูผายลม.." แม่หันมามองเธอ แล้วยิ้ม..พร้อมพยักหน้าตอบไปว่า " อื้อ...ไม่เป็นไรหรอก...แม่ก็ต้องขอโทษลูกเหมือนกัน.." เธอทำหน้างงๆ แล้วถามแม่ว่า "อ้าว แม่มาขอโทษหนูทำไมค่ะ." " แม่ก็ผายลมเหมือนกัน..." 555555555555555 กราบสวัสดีพ่อแม่พี่น้องที่รักทุกท่าน.. 29 สิงหาคม อย่าลืมไปเลือกตั้ง สก. สข. กันนะคะ..
12 ส.ค. 2553 แก้วฯตื่นตีห้า...บอกให้พี่ๆและน้า นอนต่อ.. ลุกขึ้นมานึ่งข้าวเหนียว หุงข้าว...เตรียมทำอาหารให้แม่ และตักบาตรเช้า... ก่อนหน้านี้ เวลารวมญาติ มาไม่กี่คน อาหารก็ทำเหลือกิน เหลือแจก.. แจกเสร็จก็ยังไม่หมด....แก้วฯเลยบอกพี่ๆว่า ผัก ปลา อาหารคาว ล้างเตรียมไว้ แต่ยังไม่ต้องทำหมด ทำอาหารพอกิน ประมาณคน ...กะแบ่งให้ข้างๆบ้าน แต่หากมากันเพิ่ม ก็เอาของที่เตรียมไว้ มาทำ คนมาทีหลัง ได้กินของสด และไม่เป็นการฟุ่มเฟือยอีกค่ะ เช้านั้น ทำลาบปลาบึก ผัดผัดรวม ไข่เจียว ง่ายๆ ค่ะ ทำลาบปลาบึกเป็นครั้งแรก สับๆ อิ.. พี่มาแนะนำทีหลังว่า หากหั่นเป็นชิ้นบางๆจะน่าทานมากกว่าสับ... ผัดรวมผัก พอไหวมั้ยคะ .. ไข่เจียวร้อนๆ น้ำมันใส่เล็กน้อย ทำอาหารเสร็จ อาบน้ำ ออกไปใส่บาตรในหมู่บ้าน.. เมื่อก่อนจะมีพระวัดเดียวเดินบิณฑบาตร แต่กลับไปคราวนี้ มากันถึงสามวัดเลยค่ะ.. หลังจากเตรียมอาหารให้แม่ทานเรียบร้อย พาแม่ไปวัดบ้านยางลุ่ม ไปเยี่ยมพระซึ่งท่านอาพาธ.. เลยถ่ายโบสถ์ที่วัดมาฝากกันค่ะ ถ่ายที่หน้ากุฏิเจ้าอาวาสองค์เก่าค่ะ โบสถ์ ซึ่งยังสร้างไม่เสร็จ รอปัจจัยจากญาติโยมอยู่คะ ... พระพุทธรูปที่ถูกทำขึ้นมา และประดิษฐ์อยู่ในป่า บริเวณวัดค่ะ ต้นเฟิร์นข้าหลวง ใบเขียวชะอุ่ม .. หลังจากลาหลวงพ่อแล้ว ก็กลับมาบ้าน แม่ไปนอนอ่านหนังสือ ที่กระต๊อบน้อย ก่อนหน้านี้ เกิดการแย่งตัวแม่ไปงานกัน พี่คนนั้นจะให้ไป พูด พี่คนโน้นก็จะมารับไป สุดท้าย แม่ปฏิเสธหมด บอกว่าจะรอลูกชายสุดที่รักที่เหลือเพียงคนเดียวมาหา แก้วฯเดินสำรวจต้นไม้ เมื่อเดือน มิถุนายน ที่ผ่านมา เอาปลูกไว้ หลายต้น และรวมทั้งของเก่าที่ปลูกไว้ ... เก็บภาพมาฝากกันค่ะ ได้ผลต้นเดียวที่ออกลูก อิ ที่เหลือ มีดอก แต่ว่าต้นสูง ไม่มีลูกซะงั้น.. ได้ผลผลิตจากมะพร้าว เก็บขายได้แล้วค่ะ ต้นสูงเท่าคนเอง. พริกต้นนี้ มีบุญคุณกับที่บ้านมาก เดิมเป็นต้นพริกธรรมดาๆ อยู่ๆ เลื้อยตามต้นส้มโอ และไม่เคยตายเลย จะสิบปีแล้วนะคะ ได้อาศัยเขานี่แหละค่ะ มาทำอาหาร แต่เผ็ดมาก ขอบอก.. เดินไปด้านหลัง ตามแนวรั้วบ้าน พวกเราเอาต้นไม้ที่อยากจะปลูกมาลงไว้.. ตายบ้างโตบ้าง เพราะบางต้น เติบโตได้ดีในป่า... ต้นนี้เหมือนกันค่ะ เรียกว่า ผักติ้ว ปลูกยาก สุดท้ายก็โตด้วยสองมือคน.. ต้นหมากกำลังออกลูกเต็มต้น แม่ปลูกไว้ ให้ชาวบ้านเอาไว้เคี้ยวหมากค่ะ ต้นมะยม กำลังออกลูกเล็กๆ ต้นมะกรูด เวลาทำอาหาร เด็ดใบมาสดๆ หอมมากๆเลยค่ะ ต้นชะอม กำลังงามเชียว. ยังมีอีกมากมาย ผักริมรั้ว บวบ ผักบุ้งนา ตะไคร้ กระเพา ฯลฯ ช่วงบ่ายก่อนจะกลับมากรุงเทพฯ พี่เขยกับพี่สาวไปอำเภอเขมราฐเยี่ยมญาติ โชคดีเหลือเกิน ชาวบ้านเอาเห็ดระโงกมาขายข้างทาง เลยเป็นบุญของแก้วฯ ที่ได้กินแกงเห็ดสดๆ ฝีมือพี่สาวค่ะ ตำแตง ฝีมือแก้ว อิ ใส่พริก 1 เม็ด เด็กๆ ชอบ ปลาหมึกทอด หอมๆ คะ พี่บอกว่า ชื่อ เห็ดก่อ ..แต่รสชาติ สู้เห็ดระโงกไม่ได้ค่ะ บรรดาจำพวกเห็ด แก้วฯชอบมากๆ อยู่สองชนิด เห็ดโคน และเห็ดระโงก เห็ดระโงก สีเหลือง ผิวลื่นๆ แม้จะล้างดินออกยาก แต่พอได้ทำแกงแล้ว อร่อยที่สุดเลยค่ะ แกงเห็ดระโงก ไม่ใส่พริก การนำเห็ดมาปรุงเป็นอาหาร ให้นำเอาข้าวสารใส่ลงไปในแกง ที่คุณทำทุกครั้ง หากข้าวสารเป็นสีขาวเหมือนเดิม ปลอดภัยค่ะ แต่หากสีของข้าวสารเปลี่ยนเป็น สีดำ สีส้ม หรือไม่ใช่สีขาว เททิ้งไปเลย ภาชนะที่นำมาใส่ หากจะนำมาใช้อีก ก็ให้ล้าง ต้ม ทำความสะอาดให้ดีที่สุด จบด้วยภาพดอกกุหลาบหน้าบ้าน 15.30 กราบเท้าคุณแม่ ลากลับมาทำงาน ... ลามาด้วยความคิดถึง เป็นห่วง แม่แข้มแข็ง แก้วฯแอบกลืนน้ำตาลงคอ ไม่อยากกลับมา แต่ภาระ หน้าที่ ยังมีอยู่ แม่บอกว่า แม่ยังจะอยู่ ดูความเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาของลูกแม่ทุกคน ยังอยู่อีกนาน อิ ขอบคุณทุกท่านที่เสียสละเวลา แวะมาอ่านเรื่องสั้นของแก้วประภัสสร **เสียดายคนเขียนไม่ได้ชม** เมื่อคืนวันที่ 10 สิงหาคม ที่ผ่านมา รายการศึกน้ำผึ้งพระจันทร์ ทางช่อง 5 ได้นำโคลงของแก้วประภัสสร ออกอากาศ บทอาเศียรวาท เพื่อนๆ พี่ๆ ได้ดูกัน ... แต่ขณะนั้น แก้วฯนอนอยู่บนรถไฟแล้วค่ะ..
11 ส.ค. 2553 08.30 น. พี่เขยขับรถมารับที่สถานีรถไฟ แก้วฯแวะไปตลาด ซื้อผลไม้ อาหาร เพื่อ เตรียมไว้ทำบุญ ตักบาตรในตอนเช้า.. พี่สาวโทรเข้ามือถือ ถามว่าถึงไหนกันแล้ว แม่รอทานข้าวด้วย.. หากยังไม่ถึง แม่จะได้ทานก่อน แก้วฯบอกว่า ถึงบ้านไม่เกินสิบนาทีค่ะ แม่นั่งรอที่ม้าหินอ่อนหน้าบ้าน กับอาหารเต็มโต๊ะ พี่สาวอีกสองคน พอลงจากรถ ของที่อยู่ในรถ ปล่อยมันไปก่อน อิ เข้าไปกราบเท้าแม่ แม่ดึงแก้วฯเข้ากอด หอมแก้ม ฟอดๆๆ แบบว่า หลายฟอดไงคะ อิ "ว่าไงคะ ลูกแก้วประภัสสร ...(พักหลังแม่ชอบแซวประจำ..) กลับมาคราวนี้ ทำไมตัวดำละลูก .. .." แม่เสยผมแก้วฯ " โธ่.. แม่ก็... หนูไปอยู่นั่นลำบากมากนะแม่.. หนูน่าสงสารมากๆ..ไปไหนก็ต้องเจอแดด แผดเผา เหงื่อไหล ไคลย้อย.. แม่สงสารหนูมั๊ยคะ..แฮ่ะๆๆ .." แก้วฯ แกล้งเย้าแม่เล่น " ไม่สงสารหรอก เรานะชอบเที่ยวจนตัวดำมากกว่าละมั้ง.." หลังจากอาบน้ำ ปะแป้ง หอมๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ออกมาทานข้าว ซึ่งแม่กับพี่ๆนำหน้าไปก่อนแล้ว .. ฝนตกหนักมากๆค่ะ น้ำเจิ่งนองพื้น โชคดีว่า ไม่ไหลเข้าไปในบ้าน อาหารมื้อแรก ที่ถึงบ้าน มี ส้มตำของโปรด แต่เผ็ดมากๆ ทานไปได้ไม่กี่คำเองค่ะ ตับหมูปิ้ง ตับไก่ปิ้ง แกงบวบใส่ปลาช่อน ปลาทับทิมเผา และผักสด อ้อ และก็อาหารมังสวิรัต พี่ๆ เข้าพรรษา งดเนื้อสัตว์ค่ะ ปลาทับทิมย่างเกลือ ผัดรวมผัก สำหรับพี่ ที่ทานมังสวิรัต ส้มตำปู ปลาร้า อร่อยค่ะ แต่เผ็ดมาก ผักสด เก็บจากรอบๆรั้วบ้านนั่นแหละค่ะ ไม่ต้องซื้อ ตับหมู ไก่ กระดูกอ่อนย่าง หอมมากๆค่ะ หลังจากทานอาหารเรียบร้อย แก้วฯก็ขอตัวแม่ เพื่อไปทำธุระกับพี่สาว ที่กรมที่ดินจังหวัด แม่และพี่คนอื่นๆ ถามว่าจะไปไหนกัน แก้วฯบอกไปธุระ แป๊บเดียว เดี๋ยวกลับ.. แต่ดูเหมือนว่า แม่ยังสงสัย .. สุดท้ายพี่สาวก็เลยต้องบอกความจริงท่านไป เพราะไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจ ว่า น้องช่วยปลดหนี้ให้ เพราะเนื่องจาก เอาที่ไปจำนอง ส่งลูกเรียน แต่ภาระมากเกิน เลยให้น้องช่วย จะไปโอนที่ดินให้น้อง.. จริงๆแล้ว ก่อนหน้านี้ ก็คิดอยู่เหมือนกันว่า จะเล่าดีหรือไม่ดี.. ไม่ว่าจะอย่างไร เมื่อเกิดเป็นพี่น้องกันแล้ว ถึงแม้จะช่วยได้หรือไม่ได้ การที่รับฟังปัญหาซึ่งกันและกัน เป็นทางออกที่ดีที่สุด อย่างน้อยก็ได้ผ่อนคลาย บางทีเรา และเขา อาจจะแนะนำ หาทางออกให้ได้ หลานชายคนโต ขณะนี้เรียบจบแพทย์แล้ว เริ่มทำงานที่โรงพยาบาลจังหวัดมหาสารคาม หลานชายคนที่สอง อีก 1 เทอม ก็จะจบเช่นกันค่ะ แม่เรียกเราทั้งสอง พี่กับแก้วฯเขาไปหา ไม่ได้ตำหนิพี่ ที่มีอะไรไม่เล่าสู่กันฟัง แต่บอกว่า ดีใจที่พี่น้อง ลูกแม่ทุกคนรักกัน * *นี่คือของขวัญที่มีค่า ที่ลูกให้แม่ .. ขอให้ลูกช่วยเหลือกัน อย่าทิ้งกัน เมื่อไม่มีแม่...** เรื่องราวช่วงเช้า จบลงตรงที่ ไปกรมที่ดิน เสร็จภาระหน้าที่ กลับมาบ้าน แม่กำลังนอนอ่านหนังสือที่ กระต๊อบหลังเล็ก ที่พ่อเอาหญ้าคา และไม้ไผ่ ทำให้แม่และลูกๆๆ นอนเล่น แก้วฯเข้าไปนอนข้างๆแม่ นึกขึ้นได้ โทรเข้าเบอร์น้องที่ทำงาน ถามเรื่องงาน และส่งสายให้คุยกับแม่ แม่ให้พรน้องยาววววววววว อิ สักพัก เพื่อนโทรมาหาแก้วฯ ทักทายกัน บอกว่าคงไม่ได้มาหา แม่ให้พรยาววววววววววววว 555 ช๊อตเด็ด...พี่แจ้นเอง ส่งข้อความวันแม่เข้ามา อ่านแล้วซึ้งมากๆ .. หากจะตอบเป็นข้อความ คงต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมง เพราะไม่ถนัด ส่งเมสเสสเท่าไหร่ กดเบอร์หาพี่แจ้น...ทักทาย ถามทุกข์สุข.. แม่คุยกับพี่แจ้น.......ให้พรยาวววววววววววววว 555 แต่มีหลายประโยค ที่แม่เฒ่าวัย 88 กล่าวกับพี่แจ้น ที่แก้วฯพอจะจำได้คือ "หากลูกเป็นครู ขอให้สอนเด็ก เหมือนกับลูกตัวเอง... หากลูกทำงาน เป็นหัวหน้า นายคน ขอให้มีเมตตา แก่ลูกน้อง...ฯลฯ" และอีกหลายๆคำ ที่แม่ให้พรพี่... หลังจากวางสายแล้ว ...แก้วฯก็เผลอหลับไป เพราะความง่วง เอาไว้เล่าต่อไปเรื่อยๆนะคะ อย่าเพิ่งเบื่ออ่านกันน๊า... ขอให้มีความสุขกันทุกวันค่ะ