ความดีใจกับอะไรบางอย่าง ทำให้เราเข้าบ้านกลอน ก่อนจะถึงเวลา เป็นเรื่องบังเอิญ หรืออะไรก็ตาม แต่วันนี้ ทำให้ฉันรู้สึกมีสุขพอสมควร วันที่ 24 / 10 /09 "คุณแบมครับ วันอาทิตย์นี้ไปไหนมั้ย"คุณกิ่งโศกถาม เรานึกในใจ เอ..ก็เมื่อวันที่ 23 ที่ผ่านมา เราเพิ่งไปดูหนังกัน เรื่อง "รถไฟฟ้ามาหานะเธอ" มา แต่ก็ตอบไปว่า "ไม่ได้ไปไหนค่ะ" "ไปงานหนังสือ ที่ศูนย์ประชุมสิริกิตกันมั้ย" "ดีค่ะ รอให้ชวนอยู่คะ อิ" เราก็ตอบไปเรื่อย "ผมคงไม่เอารถมานะ เพราะคงรถติด หาที่จอดลำบาก" คุณกิ่งบอก "เค้าก็จะนั่งรถไฟฟ้าไปหาเธอ เอ้ย ไม่ใช่ๆ รถไฟฟ้าใต้ดินไป สะดวกดี พอถึงก็เดินเข้างานได้เลย แล้วเจอกันกี่โมงคะ" "บ่ายโมงนะครับ" คุณกิ่งบอกเวลามา "บ่ายโมงครึ่งแล้วกันนะคะ" เราตอบกลับไป เพราะนักเขียนมาถึงบ่ายสาม เวลายังเหลือพอสมควร วันที่ 25 /10/09 "คุณคะ เค้ามาถึงแล้วนะ คุณอยู่ตรงไหน" เรายกโทรศัพท์โทรหาคุณกิ่ง "ผมอยู่ในงานแล้วครับ คุณเดินเข้ามาตรงกลางๆงานเลย" " คนเยอะแยะไปหมดเลย หาลำบาก คุณออกมารับแบมดีกว่านะคะ เดี๋ยวยืนรอที่หน้าทางเข้า ตรงที่เขาตรวจกระเป๋านะคะ แบมใส่เสื้อสีชมพู คุณล่ะ สีอะไร"ขณะถามก็มองหาไปด้วย แต่คนเยอะจริงๆเลยหาไม่เจอ "ผมใส่เสื้อสีเขียวครับ เดี๋ยวผมเดินออกไปหาคุณแล้วกัน" "โอเคค่ะ " หลังจากพบกันแล้ว เราก็เดินไปตามโซนต่างๆ วันนี้เป็นสุดท้าย ดูผู้คนเยอะมากๆ บางคนซื้อหนังสือเยอะ ถึงขนาดต้องเดินลากถุง ไปตามพื้น ที่สำคัญคือเป็นเรื่องน่ายินดี ที่มีคนรักในการอ่านมากขึ้นทุกวัน คุณกิ่งบอกว่า วันนี้จะมีนักเขียนที่เขียนเรื่องเพชรพระอุมา ซึ่งเป็นนิยายที่ยาวที่สุดในโลกมาด้วย เพื่อนๆหลายคนก็เลยมารอขอลายเซ็นต์กัน เราเดินไปดูหนังสือกันหลายโซน ขณะที่เดินหาหนังสือที่ต้องการ พลัน สายตาของเราก็เหลือบไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งใส่เสื้อสีนำเงิน กำลังนั่งอ่านหนังสือ เขายิ้มมุมปากนิดๆ ไม่ทราบว่าอะไร ทำไม ทำให้ต้องหันไปมองเขาอีกครั้ง "คุณๆๆ " เราเรียกให้คุณกิ่งหยุด "มีอะไรเหรอ" คุณกิ่งหันมาถาม "แบมว่า ผู้ชายที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงนั้น คือ พี่นักสืบไร้อันดับ" เราบอกคุณกิ่งไปอย่างมั่นใจ แต่คุณกิ่งทำหน้างง นิดๆ "ผมไม่เคยเห็นรูปพี่เขา แล้วคุณแบมแน่ใจเหรอครับ" "แบมก็เคยเห็นแต่ในภาพ แต่มั่นใจค่ะ ว่าใช่ " "คุณคะ เราไปนั่งข้างๆพี่เขากันเถอะ ขอแบมดูให้ชัดอีกหน่อยนะคะ" "ได้ๆๆ" คุณกิ่งพาเรานั่ง เราแอบชำเลืองมองดู แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากถาม พี่ไร้ฯยังคงนั่งอ่านหนังสือตามปกติ เพราะคิดว่า พี่เขาคงไม่ทราบว่า มีคนน่ารักกำลังแอบมองอยู่ อะเจ๊ย...คริ เราไม่กล้าทัก ก็เลยลุกขึ้นแล้วเดินจากไป แต่ทำไม อะไร ไม่รู้ สักพัก.. "คุณคะ ช่วยพาแบมกลับไปหาผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง หากไม่ใช่พี่ไร้ ก็ไม่เป็นไร แค่ขอโทษเขา แต่หากว่าใช่ แบมจะเสียใจมากที่ไม่ได้เข้าไปทักพี่เขา เราเดินกลับไปอีกครั้ง "ขอโทษนะครับ ใช่คุณไร้อันดับมั้ยครับ" คุณกิ่งเอ่ยปากถาม "อ้าว คุณกิ่งโศก คุณแบม" พี่ไร้ฯจริงๆด้วย (โอเยส...ใช่จริงๆด้วย) เราทั้งคู่ ยกมือไหว้พี่ไร้ฯ และก็คุยกันเรื่องหนังสือ ยัยแบมออกอาการนิดๆ ประมาณว่าเขิน หลบหน้าซุกหลังคุณกิ่ง อิ คุยกันพอสมควร ก็ขอตัว เพื่อเดินไปหาหนังสือต่อค่ะ เราเดินไปชั้นล่าง อ้าว เจอพี่ไร้ฯอีกแระ เง้อ ทำไมโลกช่างกลมเหลือเกิน แต่เสียดาย ที่เราลืมชวนพี่เขาไปทานข้าวกัน หลังจากเราได้พบครูแก้วฯ แบมพบคุณอัลฯ วันนี้ก็ถือว่าเราโชคดีอีกวัน ที่พบพี่นักสืบไร้อันดับ "คุณคิดว่า เพราะชะตา หรือบังเอิญ โลกมันกลม หรืออะไรกันคะ ที่คนมากมาย แต่เราก็ได้พบกับพี่เขา? ขอบคุณบ้านกลอน ที่สานใยแห่งมิตรภาพให้เติบโตขึ้นทุกวัน มิตภาพที่ไม่มีอะไรแอบแฝง นอกจากตัวตนและความจริงใจให้กัน ขอบคุณอีกครั้งค่ะ แก้วประภัสสร 25/10/09
เมื่อไม่นานมานี้เอง ริมระเบียงของห้องนอนข้าพเจ้า ที่ปลูกต้นไม้ไว้หลายต้น ทั้งมะลิ กวักมรกต เฟิร์นข้าหลวง ต้นนางสาวกวัก ฯลฯ ยามที่ลมพัดมา ใบไม้ก็ปลิวไหวๆ ข้าพเจ้ามองต้นไม้เหล่านั้น อย่างเพลินตา และมีความสุขที่สุด มาวันหนึ่ง ขณะที่นอนหลับ ข้าพเจ้า เห็นอะไรบางอย่าง ปลิวไปปลิวมา เหมือนเงาตะคุ่มๆๆ ขยี้ตาไปสองสามครั้ง อะไรนะ ฮ้า.. v v v ผี....... v v v v v v v v เสื้อ..... ข้าพเจ้าเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกจริงๆ นี่คือ ผีเสื้อ 555555
"ข้างบน มีใครรับกาแฟ โอวันตินมั้ยคะ" เสียงแม่ค้าซึ่งขายอาหาร อยู่ด้านหน้าตึก ส่งเสียงปลุกให้เราตื่นขึ้นมา โอ.. แปดโมงเช้าแล้ว ยังไม่หายง่วงเลยอะ แต่ท้องเริ่มร้องแล้ว หันไปมองพี่ ยังไม่ตื่น แหมๆท่าแกนอน มียิ้มนิดๆ เหมือนกำลังฝันหวานเลยนิ ไม่ปลุกดีกว่า วันนี้วันหยุดให้เขาพักแบบสบายๆ ตามไสตล์คนโฉดเนอะ คริ ลุกขึ้นมา อาบน้ำ แต่งตัว หาอะไรกินดีน้อ เปิดตู้เย็นมีอะไรบ้าง สำรวจๆๆ มีหน่อไม้ที่ซื้อมาจากนครนายกอยู่สองหัว ยังไม่ได้ทำอะไร เห็นพี่บอกว่า อยากกินแกงเปรอะ งั้นเราออกไปตลาดดีกว่า หาซื้อเครื่องมาทำแกง เราออกไปตลาดในซอย ผู้คนก็เยอะ เนืองแน่นเช่นทุกๆวัน ซอยนี้อุดมสมบูรณ์ทุกอย่าง ไม่ว่าอยากกินอะไร ก็สามารถทำได้ เรากลับมาบ้าน พี่ตื่นขึ้นมาพอดี เราช่วยกันเตรียมเครื่องทำแกงเปรอะ เรามาดูส่วนประกอบที่จะทำกันนะคะ พริกกระเหรี่ยง ตะไคร้ หอม กระเทียม นำตะไคร้มาซอยให้เล็กเพื่อจะได้ทำง่าย แล้วนำทั้งหมด ลงตำค่ะ ใบย่านาง นำมาคั้น กรองเอาแต่น้ำ ข้าวเหนียวแช่น้ำ แล้วนำมาตำ เพื่อทำให้น้ำแกงข้นค่ะ ใส่เห็ดด้วยนะคะ จะทำให้รสชาดน้ำแกงหวานขึ้น เราใช้เห็ดสองชนิดค่ะ เห็ดฟางและเห็ดภูฐาน หรือจะใช้ชนิดอื่นก็ได้ แล้วแต่ชอบค่ะ หน่อไม้ เรานำมาหั่นบางๆ เลือกเอาแต่ตรงที่อ่อนๆนะคะ น้ำปลาร้า หาซื้อแบบไม่มีกลิ่นแรงมากค่ะ ใส่พอประมาณ ใครไม่กิน ก็ไม่ต้องใส่ค๊า ใบชะอม จะใส่ หรือไม่ใส่ก็ได้เช่นกันค่ะ หากคนไม่ชอบกลิ่น ก็ไม่ต้องใส่ แต่คนอีสานมักจะใส่ค่ะ ใบแมงลักค่ะ อันนี้ขาดไม่ได้นะคะ เอาไว้ใส่ตอนแกงสุก จะทำให้แกงกลิ่นหอม น่ารับประทานค่ะ ขาดไม่ได้คือคนทำค่ะ อิ หลังจากเตรียมส่วนผสมแล้ว เราก็นำ น้ำใบย่านาง มาใส่ลงไปในหม้อ พอน้ำเดือด ใส่เครื่องแกงลงไปค่ะ ตามด้วยหน่อไม้ หน่อไม้หวาน แบมจะไม่ต้มน้ำออกนะคะ เพราะรสไม่ขม ใส่ลงไปเลยค่ะ รอสักพักใส่เห็ด ข้าวเหนียวที่ตำไว้ น้ำปลาร้านิดหน่อย น้ำปลา ปรุงรสตามใจชอบ แบมไม่ใส่ชูรส หากรสออกแข็ง ไม่กลอมกล่อม จะใช้น้ำตาลกรวด ก้อนเล็กๆ ใส่ลงไป หรี่ไฟลงแล้วปล่อยให้น้ำแกงกับ ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน เมื่อได้เวลาพอสมควร ชิมรส ได้ที่ เปิดไฟให้แรง แล้วใส่ ชะอมและใบแมงลักลงไป ปิดฝาหม้อ ปิดไฟ เสร็จแล้วค่ะ อิ เห็นมั้ยคะ กำลังเดือด หอมฉุยเลยค่ะ หน้าตาแกงเปรอะ ก็ออกมาเป็นแบบนี้แหละค่ะ ขณะที่รอแกงสุก ก็หันไปเห็นดอกมะลิ กำลังบานค่ะ เลยอามาฝากค่ะ ทำไม คนอีสาน จึงนำใบย่านาง มาใส่ในแกงเปรอะ น้ำสีเขียวที่นำปต้มกับหน่อไม้จะช่วยลดกรดออกซาลิค นำมาปรุงเป็นแกงหน่อไม้หรือซุบหน่อไม้ทำให้หน่อไม้จืดไม่ขม ย่านางมีเส้นใยมาก อุดมด้วยแคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินเอ จากการวิเคราะห์ของสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า ใบย่านางที่คั้นน้ำแล้วจะมีเบต้าแคโรทีน 39.24 ไมโครกรัม เทียบหน่วยเรตินัล คนโบราณเชื่อกันว่ารากของเถาย่านางนั้นสามารถแก้ไขได้ อีกทั้งยังช่วยถอนพิษผิดสำแดงและพิษอื่น ๆ แก้เมาเรือ แก้เมาสุรา แก้โรคหัวใจและแก้ลม ใบก็ช่วยถอนพิษและแก้ไข้ ส่วนของเถาใช้แก้ตานขโมย ใบย่างนาง หากนำมาคั้น กรองอาแต่น้ำ แล้วผสมน้ำผึ้ง บีบมะนาวลงไปหน่อย คุณจะได้น้ำดื่มหนึ่งแก้ว ที่มีประโยชน์มากเลยทีเดียว ด้วยสรรพคุณ ซึ่งเหมือนเป็นยาเย็น หวังว่าคงมีโอกาส นำสาระ เล็กน้อยมาเล่าสู่กันฟังอีกค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชิม แกงเปรอะของแก้วฯ ไปล่ะค่ะ ท้องไส้เริ่มปั่นป่วนแล้วว 555
หลังจากเดินทางออกจากอุทยานพระพิฆเนศแล้ว เราเดินทางไปที่ น้ำตกนางรองค่ะ ซึ่งต้องอยู่ตำบลหินตั้ง ห่างจากตัวเมืองประมาณ 20กิโลเมตร น้ำตกนางรองอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นน้ำตกขนาดกลางที่ไหลลดหลั่นกันลงมาเป็นชั้นๆค่ะ สองข้างทางมีความงามของธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ป่า กล้วยไม้ป่าค่ะ ทางเดินลงไปที่น้ำตกค่ะ ชอบภาพนี้มากค่ะ คนที่ไปเล่นน้ำ ลูกเขากลัวร้องไห้ ผู้เป็นแม่รีบอุ้มลูกขึ้นมาจูบปลอบขวัญ สองข้างทางลงไปน้ำตก จะมองเห็นกล้วยป่าเยอะไปหมดเลยค่ะ หลังจากได้เวลาพอสมควรแล้ว เราก็เดินทางไปต่อที่ วัด คีรีวัน อำเภอเมือง ค่ะ พระแก้วมรกตองคจำลอง ประดิษฐานอยู่ในพระวิหารบนยอดเขาวัดคีรีวัน ตำบลหินตั้ง ห่างจากตัวเมืองประมาณ 9 กิโลเมตร องค์พระแก้วจำลองมีเนื้อเป็นเรซิ่น ขนาดหน้าตักกว้าง 49 นิ้ว สูง 32.9 นิ้ว หนัก 1 ตัน และมีเครื่องทรงครบทั้ง 3 ฤดู ประดับตกแต่งด้วยเพชรแท้ 7 กะรัต พลอยแท้ 2,000 กว่าเม็ด และทับทิม รอยพระพุทธบาทจำลองเขานางบวช อยู่ในมณฑปบนยอดเขานางบวช .... ประดิษฐานอยู่ในพระวิหารบนยอดเขา ณ วัดคีรีวัน ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี การฝังลูกนิมิต มีชื่อเรียกเป็นทางการอีกอย่างหนึ่งว่า การผูกพัทธสีมา (แปลว่า เขตทำสังฆกรรมที่กำหนดตามพุทธานุญาต) โดยปัจจุบันจะเริ่มจากพระสงฆ์ประชุมพร้อมกันในโบสถ์ เพื่อทำพิธีสวดถอน มิให้อาณาบริเวณที่จะกำหนดนี้ไปทับที่ที่เคยเป็นสีมา หรือเป็นที่ที่มีเจ้าของครอบครองอยู่ก่อน ไปลองตีมาแล้วค่ะ ยกสองมือเลย ดังโหม่ง จนเจ้าอาวาสหัวเราะเลยค่ะ อิ ภาพสุดท้ายดอกไม้สวยๆค่ะ จบแล้วค่ะ ทิปการเดินทางทำบุญและพักผ่อนในวันหยุดของแก้วฯ หวังว่าโอกาสหน้าจะได้ไปทำบุญและเก็บภาพมาฝากทุกคนอีกนะคะ ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านค่ะ แก้วประภัสสร 23/09/09
เป็นยังไงบ้างคุณ งานเยอะไหมวันนี้ เสียงคุณกิ่งทักทายมา วันนี้ไม่ค่อยมีอะไรค่ะ สบายๆ เราตอบกลับไป รอเคลียร์งานก่อนนะครับ จะพาไปนครนายก พาไปไหว้พระ ขอพรพระพิฆเนศ ได้ค่ะ เราแอบนั่งอมยิ้มอยู่คนเดียว คุณกิ่งเป็นคนเสมอต้น เสมอปลาย ไม่แหว่ง ไม่ขาด ไม่เกิน อิ มีแต่เติมเต็มสิ่งดีๆให้กันตลอดเวลา แม้ว่าบางครั้ง จะมีเรื่องเข้ามากระทบจิตใจ แต่เราก็ให้กำลังใจกันเสมอ ด้วยความที่คุณกิ่งเป็นคนสุภาพ และให้เกียรติทุกคน ทำให้เรารู้สึกสบายใจ ( ขอค่าชมด้วยค่ะ อิ) วันที่ 20 กันยายน 2552 สวัสดีค่ะอาม่า เราทักทายและยกมือไหว้อาม่า ที่อาศัยอยู่คอนโดเดียวกัน หวัดดีลูก จะพากันไปไหนล่ะ แต่เช้าเลยนะ อาม่าเอ่ยปากถาม ขณะที่มือใช้ช้อนคนโอวันตินในแก้ว หนูจะไปทำบุญที่ นครนายก กันค่ะม่า เราส่งยิ้มกลับไปบอกอาม่า อ้าว นครนายกนะ บ้านเกิดอาม่าเลยนะหนู อย่าลืมไปวัดหลวงพ่อปากแดง ด้วยนะ เขาว่าแม่นจริงๆ คนเขาชอบไปขูดต้นตะเคียนขอหวยกันอาม่าพูดพร้อมหัวเราะ ขณะที่ถอดฟันปลอมออก หนูไปละค่ะ ไว้จะเอาบุญมาฝากคะม่า จ้า เดินทางกันดีๆล่ะ ขับรถขับลาก็ระวังกัน (อาม่าคะ เราเอารถไปกันค่ะ ไม่ได้เอาลาไปเน้อ คริ) คุณกิ่งมารับเรากับพี่ เวลาเดิม เก้าโมงเช้า เราขับรถกันไปขึ้นทางด่วน ไปตามเส้นทางรังสิต- นครนายก สถานที่แรกที่เราไปกันคือ วัดพราหม์มณี (วัดหลวงพ่อปากแดง) ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ ตั้งอยู่ถนนสาลิกานางรอง เป็นพระพุทธรุ)ปางสมาธิ สร้างด้วยโลหะสัมฤทธิ์ เป็นศิลปะสมัยล้านช้าง จีวรเป็นลายดอกพิกุล พระโอษฐ์แย้มทาสีแดงเห็นชัด ชาวบ้านจึงเรียกว่า "หลวงพ่อปากแดง" สิ่งที่เด่นสะดุดตา คือ ที่ปากของหลวงพ่อมีสีแดงสด เหมือนมีผู้นำลิปสติกไปทาไว้ ผู้เฒ่าผู้แก่ย่านนั้นยืนยัน ว่าเห็นปากท่านแดงแบบนี้ มาตั้งแต่เกิด แม้แต่ปู่ย่าตายายของผู้เฒ่าเหล่านี้ก็บอกว่าเห็นมาตั้งแต่เกิด ภาพหลวงพ่อปากแดง วัดพรหม์มณี คือองค์ที่อยู่หลังองค์พระแก้วมรกตค่ะ กราบสักการะบูชา พร้อมกับบนบานด้วยกล้วยน้ำว้า 9 หวี หมากพลู 9 ชุด พวงมาลัย 9 พวง และน้ำแดง 1 ขวด ชาวบ้านบอกว่า วัดนี้จะให้หวยแม่นมากๆค่ะ คนต่างไปขอหวยและขูดจนต้นไม้ที่เห็นเป็นอย่างภาพนี่เห็นละค่ะ หลังจากกราบสักการะเรียบร้อยก็เดินออกมาชมตลาดผัก ผลไม้สด ที่ชาวบ้านนำมาขาย ออกจากวัดหลวงพ่อปากแดง เดินทางต่อไปที่ อุทยานพระพิฆเนศ สักการะเทพเจ้าแห่งความสำเร็จ ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดของเมืองไทยค่ะ ถ่ายภาพมาฝากตรงหน้าทางเข้าไปอุทยานกันค่ะ ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาขอพร จากทุกสารทิศค่ะ เป็นศิลปะที่งดงามมากๆค่ะ เอาไว้แค่นี้ก่อนนะคะ พรุ่งนี้จะพาไปชมพระแก้วมรกต องค์ที่ใหญ่ที่สุดโลก และพาไปเที่ยวน้ำตกนางรองค่ะ หลับฝันดีทุกคนนะคะ (ใครผ่านเข้ามา เก็บค่าชม หยอดกระปุกด้วยค่า อิ)