14 ธันวาคม 2554 12:40 น.
แก้วประภัสสร
อันน้ำตาลหวานลิ้นก็สิ้นซาก
เป็นคำฝากจากกวีศรีอักษร
ท่านได้กล่าวเอาไว้ในบทกลอน
เป็นคำสอนพึงระวังยั้งจิตคน
เขาพูดจาพาทีมีหวานแทรก
อาจไม่แปลกหลงเชื่อเหนือเหตุผล
ฟังรื่นหูรู้เพราะเสนาะกมล
เราทุกคนย่อมชอบและตอบคำ
ยิ่งหากมีกิริยาอันน่ารัก
หญิงประจักษ์ชายต้องมองถลำ
ด้วยหลงภาพอาบจิตคิดจดจำ
จึ่งครวญคร่ำร่ำเฝ้าทุกเช้าเย็น
มีอะไรถวายหัวไม่กลัวอด
ทั้งบ้านรถลำบากยากแสนเข็น
ไม่นึกถึงคราวทุกข์ทุกประเด็น
ยกประเคนให้หญิงยิ่งกว่าใคร
หญิงอยากได้แหวนทองต้องรีบหา
ทั้งเงินตราแก้วหยกยกมาให้
อีกพลอยหุงปรุงแต่งตามแจ้งใจ
รีบหาให้นวลน้องตามต้องการ
แม้อยากกินอาหารภัตตาคารหรู
ชายยอมกู้เงินมาค่าอาหาร
แพงแค่ไหนไม่ว่าพาสำราญ
เที่ยวเบิกบานสนุกลืมทุกข์กัน
มัวหลงปลิ้ม..ลืมแม่ที่แก่เฒ่า
รอกินข้าวกับลูกบุญปลูกนั้น
ตั้งสำรับรอท่ามาหลายวัน
กลับมีอันต้องเศร้าเก็บเข้าครัว
ถึงอย่างไรแม่รอขอลูกกลับ
กอดประทับก่อนลาฟ้าสลัว
ก่อนหมดลมหายใจไปกับตัว
จะดีชั่วไม่ถือคือลูกตน
จึงขอฝากจากใจให้ชายหญิง
อันรักจริงย่อมแจ้งแสดงผล
ไม่หลงลืมปลื้มแม่แท้เลี้ยงตน
น้ำนมข้นป้อนปากตอนอยากกิน
จะหาใครรักเจ้าเท่าแม่รัก
ที่ฟูกพักด้วยจิตเป็นนิจสิน
จะหาใครห่วงเจ้าเท่าชีวิน
ตราบวันสิ้นใจตายไม่คลายลง
อันน้ำตาลหวานลิ้นก็สิ้นซาก
หญิงก็จากลาไปไม่ประสงค์
แต่คำหวานของแม่แท้มั่นคง
อย่าพะวงรักแม่นั้นแน่นอน
แก้วประภัสสร
๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๔
ขอบคุณภาพจากกูเกิ้ลค่ะ
2 ธันวาคม 2554 13:34 น.
แก้วประภัสสร
เฉลิมชนม์เทิดไท้......พระภูมี
องค์สยามจักรี...........แซ่ซ้อง
ปวงราษฏร์สดุดี..........ถวายสัตย์
อวยสวัสดิ์เกียรติก้อง...เกริกฟ้าแดนสยามฯ
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ด้วยเกล้า ด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า นามปากกา แก้วประภัสสร