27 พฤษภาคม 2553 21:37 น.
แก้วประภัสสร
นิ้วโป้งชูว่าฉันนั้นยอดเยี่ยม
เพราะเต็มเปี่ยมพลังดั่งช้างสาร
แม้ว่าสั้นนิดเดียวแต่เชี่ยวชาญ
อีกกล้าหาญกว่านิ้วใดในโลกา
ส่วนนิ้วชี้เย้ยหยันฉันสิแน่
ดีกว่าแท้มีอำนาจวาสนา
ใช้นิ้วชี้สั่งใครได้ทุกครา
แต่ไหนมาคนใช้และใฝ่ปอง
เรานิ้วกลางข้างนิ้วชี้ดีที่หนึ่ง
เป็นนิ้วซึ่งยุติธรรมนำเพื่อนผอง
ให้ความรักสามัคคีที่ปรองดอง
นิ้วอื่นต้องมองเห็นเพราะเป็นกลาง
ส่วนนิ้วนางคอยช่วยด้วยซื่อสัตย์
ผูกใจมัดด้วยความรักจักไม่ห่าง
ยึดคำมั่นสัญญาว่าจัดวาง
อยู่ระหว่างกลางก้อยนิ้วน้อยกัน
นิ้วสุดท้ายคล้ายทูตสัมพันธไมตรี
เป็นนิ้วที่เรียวเล็กเหมือนเด็กนั้น
มีหน้าที่เกี่ยวมิตรให้ชิดกัน
คล้องสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องร่วมท้องมา
นิ้วโป้งชูชันฉันยอดเยี่ยม
นิ้วชี้เปี่ยมอำนาจวาสนา
นิ้วกลางเป็นกลางระหว่างพา
นิ้วนางกล่าวว่าฉันมีรัก
นิ้วก้อยทำให้คนดีกัน
เกี่ยวก้อยสัมพันธ์นั้นประจักษ์
ทุกนิ้วสำคัญเหมือนกันนัก
สามัคคีเป็นหลักพร้อมเพรียงกัน
เปรียบคนเราควรเอาอย่างนิ้วกลางก้อย
เป็นคนคอยประสานสมานฉันท์
ให้ทุกคนหันหน้ามารักกัน
ผูกสัมพันธ์เกี่ยวก้อยร้อยรวมใจ
แก้วประภัสสร
27 / 05 2553
22 พฤษภาคม 2553 21:48 น.
แก้วประภัสสร
กระเทือนทุบกระแทก
แผ่นดินแยกเป็นหลุมยาว
ผู้คนล้มระนาว
ราวกับว่าปูปลา ตาย
ระเบิดดังกึกก้อง
เล็งและมองที่เป้าหมาย
เศษแก้วเกลื่อนกระจาย
เขากระหายอะไรกัน?
จุดไฟแล้วเผายาง
ถีบลงหว่างสะพานนั้น
ไฟลุกโชนเร็วพลัน
คงถึงวันมิกสัญยี
อีกฝ่ายเข้ารายล้อม
ตีวงอ้อมไม่ให้หนี
ต่อสู้ยิงทันที
ตามวิถีนายสั่งมา
ตากล้องต้องทำข่าว
มาถึงคราวถูกยิงขา
ร่างร่วงทรุดไปลงมา
ยื่นแขนขาช่วยผมที
เสียงคนที่กรีดร้อง
ช่วยประคองให้หลบหนี
ระเบิดตามอีกที
จบชีวีเลือดกระเซ็น
เจ็บหนอช่างร้าวลึก
ทั้งบ้านตึกกลิ่นไหม้เหม็น
จากเช้าจนถึงเย็น
หาดับมอดปลอดเชื้อไฟ
ดับเอ๋ยใจใกล้ดับ
ความย่อยยับเหตุไฉน
เกิดเหตุไทยฆ่าไทย
เพื่ออะไรหรือไม่พอ?
กลับมาเถิดพี่น้อง
รวมปรองดองไม่ต้องขอ
จับมืออย่ารีรอ
ร่วมพลิกฟื้นให้คืนมา
20 พฤษภาคม 2553 14:50 น.
แก้วประภัสสร
ท้องฟ้ามองดูสวยงาม ทะเลสีคราม
ทุ่งข้าวยังเขียวขจี
เราเริ่มต้นใหม่วันนี้ ทุกอย่างไม่ดี
ล้างลบและจบลืมมัน
ฟื้นฟูพลิกฟื้นคืนฝัน หลายคนร่วมกัน
สักวันคงกลับเหมือนเดิม
มาช่วยสร้างแรงส่งเสริม ตักน้ำใส่เติม
ให้เต็มด้วยปันน้ำใจ
เมตตาการุณเจือไว้ บ้านพังเพียงใด
หาใช่น้ำใจพังกัน
หลายคนอาจต้องโศกศัลย์ ญาติมิตรจากพลัน
สักวันคงค่อยผ่อนคลาย
หลายคนบ้านเรือนเสียหาย ถูกเผาวอดวาย
ทั้งหลายเพราะขาดสติกัน
ต่างคนต่างร้อนหุนหัน ไม่เชื่อฟังกัน
จาบัลย์ก็คือคนไทย
ท้องฟ้ายังดูสดใส กลับตัวกลับใจ
อย่าให้ลูกหลานทำตาม
นี่คือแผ่นดินสยาม ชาวโลกขนานนาม
งดงามรอยยิ้มพิมพ์ใจ
ควรจักรักษาภาพไว้ ลืมเรื่องร้ายไป
สร้างใหม่ด้วยมือพวกเรา
แก้วประภัสสร
20/05/2553
ขอบคุณภาพจากกูเกิ้ลค่ะ
14 พฤษภาคม 2553 15:33 น.
แก้วประภัสสร
เรือนไทยหลังม่านฟ้า...... สีคราม
ตั้งอยู่เมืองสยาม.............. บอกไว้
รูปทรงวิจิตรงาม.............. เอกลักษณ์ ไทยเอย
ยกช่อฟ้าชูให้................ .เลิศล้ำปฏิมาฯ
ดินเผาทำกระเบื้อง............หลังคา
ออกแบบตามมาตรา...........ต่อไว้
ยามร้อนกลับเย็นมา......... .นอนหลับ สบายแฮฯ
ทุกอย่างลงตัวไซร้........... นี่แท้เห็นจริงฯ
บานหน้าต่างเปิดกว้าง........เรียงราย
รองรับลมระบาย ............... บ่งรู้
ชานชนเชื่อมเฉลียงลาย......แกะสลัก งามเฮย
แสงสาดส่องทุกผู้.......... ไม่เว้นมาลาฯ
ใต้ถุนสูงยกขึ้น.................เคียงชาน
พอพักผ่อนสำราญ............อุ่นเอื้อ
เปลยวนผูกสมาน............ไกวแกว่ง โอนนาฯ
ยามญาติเยือนโยงเชื้อ..... .เกี่ยวไว้ชุมสายฯ
บรรพบุรุษก่อนนั้น...........มองกัน
เรือนปลูกย่อมสำคัญ.........มั่นแท้
บริวารมากมายพลัน........ไหลหลั่ง มานอ
บ้านร่มคนไม่แพ้.............สุขถ้วนกายใจฯ
แก้วประภัสสร
14/05/2553
5 พฤษภาคม 2553 22:02 น.
แก้วประภัสสร
จะต่อกลอนผ่อนคลายกำจายกรุ่น
หวังละมุนกล่อมหมายเพื่อคลายเหงา
ประดิษฐ์พจน์จรดร้อยเริงบรรเทา
แม้ไร้เรื่องร้อนเผาหรือคราวเย็น (กิ่งโศก)
แล้วร่ายกลอนอักษรอันอ่อนหวาน
ให้สำราญรื่นไหลดั่งได้เห็น
หยิบปากกากระดาษมาวาดเป็น
สิ่งที่เห็นงดงามทุกยามยล (แก้วประภัสสร)
พึงจำเรียงจูงร่ำสร้างคำร้อย
ทุกทุกถ้อยถ่ายส่งบรรจงค้น
แม้นมิใช่วิจิตรวจีจน-
แต่ระคนคำเพราะเสนาะนัย (กิ่งโศก)
นำสร้างสรรค์สิ่งดีไม่มีเปลี่ยน
สุขและทุกข์หมุนเวียนตามสมัย
พึงระวังถ้อยคำจำขึ้นใจ
ส่งบทรับกลับไปด้วยไมตรี (แก้วประภัสสร)
เพราะพึงรู้ผู้คนที่วนพบ
แลประสพเยาว์วัยทุกเพศที่
หมายศึกษารูปแบบทางวิธี
สานกวีรุ่นใหม่ได้พึงทำ (กิ่งโศก)
จึงควรกล่าววาจาภาษาเพราะ
ให้เสนาะรสถ้อยอร่อยล้ำ
เป็นแบบอย่างเยาวชนทุกคนนำ
ให้เน้นคำสุภาพอย่าหยาบคาย (แก้วประภัสสร)
จึงประดิษฐ์ประดอยถ้อยบอกผ่าน
เฉกสายธารรินสู่แหล่งรู้หมาย
ค่อยค่อยเติมรากต้นเบื้องบนปลาย
กว้างกำจายไสวแจ้งเปล่งแสงทอ (กิ่งโศก)
ควรอ่อนน้อมถ่อมตนทุกคนครั้ง
แม้พลาดพลั้งอภัยไม่ต้องขอ
ใส่ความซื่อจริงใจไม่ต้องรอ
ก็คงพอได้เห็นเย็นทุกครา (แก้วประภัสสร)
มิใช่บอกหรือใบ้กะไรแล้ว
แค่ฝากแนวนำเส้นของภาษา
เพื่อบรรเทิงเพื่อฝันสนานปัญญา
เพื่อทัศนาแก่ผองผู้ลองเรียน (กิ่งโศก)