30 กันยายน 2551 10:18 น.

เสี้ยวหนึ่งที่คิดถึง

แก้วประภัสสร


ผ่านมาสิบปี
ความดียังมีให้คิดถึง
ความรักมีต่อกันยังตราตรึง
เป็นที่พึ่งผ่อนคลายยามทุกข์ใจ
  แม้วันนี้เราไม่เป็นเช่นคู่รัก
  แต่ก็จักไม่จางและห่างหาย
  เพราะเราอยู่ห่างกันไกลแสนไกล
  จิตพี่จึงหวั่นไหวมีใหม่ปอง
คำขอโทษซ้ำซ้ำยามพี่ผิด
ทำให้คิดเรื่องราวของเราสอง
เคยเกี่ยวก้อยน้องน้อยคอยประคอง
ยามน้องหมองพี่มองและปลอบใจ
  ทุกคนมองคู่เราเขาก็ชี้
   ด้วยทั้งคู่มีชีวิตที่สดใส
   เสียงหัวเราะทุกครั้งออกจากใจ
   เป็นพลังส่งให้กันและกัน
สิบปีคบกันยังแปรเปลี่ยน
วัฎจักรหมุนเวียนจึงผกผัน
ทำให้เราทั้งสองต้องจากกัน
สัญญามั่นพี่ให้ไว้ใจยังจำ
   พี่จะไม่ทำใจให้เธอหมอง
   จะประคองรักไปไม่ให้ช้ำ
  พี่จะรอถึงวันอยู่ร่วมกัน
   พี่จะเพียรบากบั่นนั้นทำงาน
แม้วันนี้ไม่มีเขาเรายังอยู่
ยืนต่อสู้ด้วยจิตที่ตั้งมั่น
เหมือนเป็นเพื่อนเป็นน้องคอยมองกัน
จึงไม่หวั่นที่จะสู้อยู่คนเดียว				
26 กันยายน 2551 12:41 น.

สมการชีวิต

แก้วประภัสสร


ประสบการณ์ทำงานถึงวันนี้
ต่างก็มีมุมมองที่หลากหลาย
ได้พบปะผู้คนกันมากมาย
ทั้งโชคดีและร้ายก็ต่างกัน
   บางคนอาจไต่เต้าด้วยความยาก
   สู้ลำบากด้วยชีวิตจิตมุ่งมั่น
   ซึมซับรับสิ่งดีที่ผลักดัน
   เดินตามฝันของตนระคนไป
จะสำเร็จคนเดียวนั้นเหนื่อยนัก
จึงต้องรักสามัคคีมีเพื่อนไว้
ช่วยค้ำจุนส่งเสริมเพิ่มกันไป
สู่เป้าหมายสำเร็จด้วยเพราะช่วยกัน
   เหมือนคนวิ่งลัดผลัดกันเล่น
   ด้วยเฉกเช่นมุ่งไปด้วยใจมั่น
   ทุกไม้มีนัยยะที่สำคัญ
   ต่างมุ่งมั่นเส้นชัยด้วยใจจริง
ขาดไม้หนึ่งไม้ใดก็ไม่ได้
ด้วยทุกไม้สำคัญด้วยกันยิ่ง
หนึ่งถึงสามรับไว้ไม่ประวิง
ไม้สี่วิ่งเข้าเส้นชัยไปพร้อมกัน
   สมการชีวิตที่ขีดไว้
   เหมือนหลักชัยข้างหน้าที่บากบั่น
   ด้วยทุกคนทำงานไปด้วยใจกัน
   สิ่งสำคัญนั้นคือรักสามัคคี				
23 กันยายน 2551 11:34 น.

ได้โปรดเถิด.....

แก้วประภัสสร

ธรรมชาติอันสงบแสนอบอุ่น
ราตรีอ่อนละมุนรอบตัวฉัน
สรรพสิ่งทั้งหลายช่างเงียบงัน
ร่างกายฉันผ่อนคลายด้วยใจจริง
   ฉันปลดปล่อยความคิดให้จิตหลับ
    ล่องลอยลับรัตติกาลแสนหวานยิ่ง
    ใต้สำนึกจดจำทำเรื่องจริง
    มองทุกสิ่งแสนสวยด้วยหัวใจ 
จิตล่องลอยเข้าไปความฝัน/font>
ตัวฉันนั้นเดินข้ามสะพานใหญ่
งูเลื้อยมารัดขาฉันในทันใด
เกิดตกใจสะบัดแกว่งสิ้นแรงพลัน
    เจ้างูใหญ่ยิ่งตวัดรัดขาไว้
     จะเยื้องกายก็ไม่ได้ทำใจหวั่น
     จึงตกใจสะดุ้งตื่นขึ้นกลางคลัน
     มองขาฉันทันใดไม่เห็นมี
แสนพิลึกฝันอะไรไม่เข้าท่า
ด้วยกังขาถามหมอดูให้รู้ที่
เขาบอกว่าคู่กรรมเพราะทำดี
เกิดชาตินี้จึงพบกันนั้นที่ใจ
    แต่ไม่ใช่เนื้อคู่อยู่จนเฒ่า
    อาจโศรกเศร้าต้องพรากจากกันใหม่
    พรหมลิขิตขีดเส้นให้เป็นไป
    วันนั้นไซร้ให้หันหน้าเข้าหาธรรม
ด้วยความรักอันสั้นมีวันจบ
ขอฉันลบภาพนั้นแล้วฝันใหม่
แม้เกิดมาคู่กันด้วยฉันใด
โปรดรัดตัวและหัวใจได้ไหมงู				
22 กันยายน 2551 14:03 น.

กลอน (ละคร) น้ำเน่า

แก้วประภัสสร

เหมือนมีเมฆคอยบดบัง
ชีวิตเธอยังมืดมัว...
เล่นละครตั้งหลายฉาก..
สวมหน้ากากตั้งหลายตัว...
มีทั้งดีและเลวชั่ว...
เข้าพัวพันกับชีวิต...
แล้วก็จากไป..
เหมือนไม่มีอะไรต่อกัน...
ชีวิตเธอจึงแหลกเหลว..
ไม่เหมือนเปลวไฟในคราวก่อน..
จะมีก็แต่..
ดวงใจใกล้ขาดรอน..
กับบทกลอนน้ำเน่าที่กล่าวมา...				
19 กันยายน 2551 15:40 น.

รสพระธรรมนำทาง

แก้วประภัสสร

แสนว้าวุ่นในจิตคิดไม่ออก
อยากจะบอกอยากระบายแต่ไม่กล้า
จึงเก็บเรื่องทุกอย่างไว้ในอุรา
ตัดสินใจหันหน้าเข้าหาธรรม
   กลับถึงบ้านกราบลงตรงตักแม่
   ขอยอมแพ้ต่อชะตาทำข้าช้ำ
   ขอลาบวชเป็นพระชดใช้กรรม
   รสพระธรรมนำทางสว่างใจ
พอรู้ข่าวน้ำตาตกหัวอกแม่
ใครทำแย่ลูกเราเศร้าหมองไหม้
ยามลูกเจ็บแม่ก็เจ็บไม่แพ้ไป
เอาเถอะให้บวชเป็นพระชนะมาร
   ถึงวันหนึ่งพระลูกบิณทบาตร
   มาเยี่ยมญาติถึงที่มิขับขาน
   แม่คุกเข่าลงไปใส่บาตรพลัน
   สองมือนั้นพนมไหว้ด้วยใจจริง
ด้วยจีวรผ้าเหลืองที่ปลิวแกว่ง
เป็นเหมือนแสงส่องทางสว่างยิ่ง
ใจสงบกลบสติที่ไหวติง
จิตก็นิ่งเพราะพระธรรมนำทางไป
  อานิสงส์ผลบุญในคราวนี้
  เป็นทางนำวิถีชีวีใหม่
  แสนประเสริฐเลิศล้ำคำบรรยาย
  พลังบุญพลังใจให้ค้ำจุน				
Calendar
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประภัสสร
Lovings  แก้วประภัสสร เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแก้วประภัสสร