24 สิงหาคม 2552 12:15 น.
แก้วประภัสสร
สุขแสนสุขไร้ทุกข์มาลุกไล่
มอบทั้งใจเคียงคู่อยู่สนอง
มาวันนี้เงียบเหงามาเข้าครอง
ทุกห้วงห้องมืดมนต้องทนยืน
ซ่านอารมณ์ผสมจิตยังคิดรัก
ผ่านเลยวันประจักษ์ไร้หลักฝืน
ซ่อนภาพงามฉาบตนทนกล้ำกลืน
แม้วันคืนเลยล่วงยังห่วงใย
หยาดน้ำตารินรดบดบังแสง
เหมือนสิ้นแรงลอยคว้างอย่างหวั่นไหว
เหลือเพียงรอยอดีตที่กรีดใจ
จารึกไว้ให้หวนทบทวนคำ
เพราะว่ารักบางเบาราวกับนุ่น
เคยอบอุ่นกับหนาวร้าวสุดช้ำ
หวังรักเราหนักแน่นเป็นแกนนำ
เผยน้ำคำเช่นหินแทรกจินต์จาร
ร้อยบทรักผสมอารมณ์เศร้า
อาจไม่เข้าทำนองร้องประสาน
เพราะหาได้ผิดหวังดั่งกลอนกานต์
แต่ดวงมาลย์เขียนสู่ให้ครูยล
21 สิงหาคม 2552 16:38 น.
แก้วประภัสสร
หลบไอแดดแผดเผาบรรเทาร้อน
มาพักผ่อนเอนอิงพิงอักษร
ร่ายเรื่องราวคราวเริ่มเจิมบทกลอน
ก่อนค่อยจรจากลาพายิ้มตาม
หมู่มวลมิตรมากมายให้รายล้อม
คอยขับกล่อมบรรเลงเพลงไถ่ถาม
แม้เช้าค่ำสุขทุกข์ปลุกจิตตาม
ดอกไม้งามเบิกบานบนลานกลอน
แม้ไม่ได้สัมผัสกับเนื้อหนัง
แต่เรายังสัมผัสกับอักษร
อ่านด้วยใจใสซื่อคืออาทร
ผ่านเรื่องร้อนผ่อนเย็นเป็นเพื่อนกัน
ยามตัวจากไปไกลแต่ใจอยู่
กลับมาดูบ้านน้อยคอยสร้างฝัน
เอื้ออาทรยามเจ็บเหน็บหนาวกัน
หลายคนนั้นเปลี่ยนไปในทางดี
จึงมิควรลืมหลงมั่นคงไว้
ได้อาศัยไร้โศกโลกกลอนนี้
ได้ยินเสียงสดใสใจเปรมปรีดิ์
เพราะว่ามีบ้านกลอนช่วยผ่อนคลาย
19 สิงหาคม 2552 10:29 น.
แก้วประภัสสร
เกิดพายุฟ้าฝนหล่นลงหนัก
พัดที่พักทำกินต้องสิ้นสูญ
เหลือแต่ซากสิ่งของมองอาดูร
เคยพอกพูนกลับหายมลายพลัน
ข่าวถึงหูสามชายหมายอยากช่วย
เพื่ออำนวยลำเลียงเสบียงนั้น
จึงชวนเพื่อนเช่าเรือเพื่อไปกัน
แต่หุนหันรีบร้อนก่อนตรึกตรอง
ครั้นนั่งลงส่งไม้จับไว้แน่น
หวังเรือแล่นคัดท้ายพายสนอง
หนุ่มคนแรกเอ่ยถ้อยคอยประคอง
จับตามองล่องน้ำบอกจ้ำไป
เรือกลับหมุนเคว้งไปเหมือนไร้ทิศ
ต่างลืมคิดนี่เราเขลาไฉน
เพราะพายเรือไม่เป็นเช่นตั้งใจ
มองหาใครไม่เห็นเป็นย่างกราย
ด้วยความเหนื่อยอ่อนล้าพาขึ้งโกรธ
ต่างก็โทษไปมาว่าเสียหาย
เสียงดังลั่นสนั่นเดือดเลือดอกชาย+
คนคัดท้ายขาดสติผลิดุดัน
จึงเจาะเรือเพื่อว่าชนะเพื่อน
จนลืมเลือนสิ้นคิดจิตหุนหัน
สุดท้ายเรือค่อยล่มจมน้ำพลัน
แต่เขานั้นรอดตายเพราะว่ายเป็น
ยังไม่ทันข้ามฟากต้องจากเพื่อน
ใจแปดเปื้อนเลือนสติอย่างที่เห็น
หากหันหน้าคุยกันพลันใจเย็น
คงได้เห็นขึ้นฝั่งทั้งสามคน
เขาว่ายน้ำถึงฝั่งยังจุดหมาย
แต่เพื่อนตายฉุกคิดจิตสับสน
นึกถึงบาปที่ผลักเพื่อนรักตน
ใจวกวนระคนเศร้าเฝ้ารำพึง
ขึ้นฝั่งได้ไร้เพื่อนเหมือนโดดเดี่ยว
กระแสเชี่ยวใครช่วยด้วยคิดถึง
แม้ภาระเสร็จสิ้นจินต์คำนึง
เท่ากับตรึงตราบาปทาบที่ใจ
จึงหวังเพียงเขียนไว้ให้ได้คิด
จะสัมฤทธิผลงานด้วยการไหน
ต้องมีเพื่อนร่วมสร้างทางร่วมใจ
จึงจะได้ขึ้นชื่อคือคนดี
แก้วประภัสสร
19/08/09
16 สิงหาคม 2552 20:44 น.
แก้วประภัสสร
แม้โลกดับลับแตกแยกเป็นเสี่ยง
ขอมีเพียงเธออยู่เคียงคู่ฉัน
เพราะไม่อาจพรากรักไปจากกัน
จากวันนั้นเข้าใจในความจริง
ผ่านวันปีที่คบพบบางอย่าง
ยามเราห่างไกลกันเหมือนบางสิ่ง
ความเหงาหงอยสร้อยเศร้าเข้าแอบอิง
เธอเป็นยิ่งกว่าใครได้พบพา
เป็นมิตรแท้เพื่อนยากมากกว่าคู่
พ่อยอดชู้คู่ชื่นรื่นหรรษา
ทุกค่ำเช้าเฝ้ามองป้องกายา
แม้เหนื่อยล้าหาห่างใจร้างกัน
มาวันนี้แก้วตาหาลวงหลอก
เพียงอยากบอกว่ารักจากใจฉัน
เปรียบเหมือนเป็นเช่นคอมพิวเตอร์กัน
ข้อมูลนั้นใส่ไว้เพียงใจเธอ
ป้อนความจำซ้ำซ้ำคำว่ารัก
ด้วยตระหนักภักดีนี้เสมอ
ขอบคุณนะคนดีที่พบเธอ
รักเสมอตราบนิจนิรันดร
13 สิงหาคม 2552 17:07 น.
แก้วประภัสสร
อ่านเนื้อความตามกล่าวแสนเศร้านัก
ข้านั้นรักเพียงเจ้าเข้าใจไหม
ลานลั่นทมขื่นขมตรมเพียงใด
ข้าหาได้ลืมรักตระหนักดี
หากวิญญาณเธออยู่รับรู้เถิด
วันที่เกิดเรื่องร้ายเธอหน่ายหนี
ข้าตามหาแทบตายวายชีวี
ย่ำเท้านี้เช้าค่ำช้ำชอกใจ
งานวิวาห์เตรียมห้องรับรองเจ้า
ไร้แม้เงาหม่นหมองต้องหวั่นไหว
พลิกแผ่นฟ้าค้นหาติดตามไป
หวังเพียงได้เคียงคู่ชู้รักยา
ข้ารอแล้วรอเล่าเจ้าไม่กลับ
ไยลาลับสิ้นใจให้โหยหา
ร่างข้าทรุดลงดินสิ้นวิญญา
ตามติดมาหาเจ้าโปรดเข้าใจ
เมื่อเจ้ารู้แล้วนี่คนดีข้า
โปรดอย่าช้าไปเกิดกันเถิดไหม
หยุดเร่ร่อนหลอนหลอกช้ำชอกใจ
ข้ายังหมายเกิดใหม่อยู่ใกล้เธอ