30 สิงหาคม 2549 15:01 น.
แก้วนีดา
ท่านพุทธทาส สอนปิดตา อย่าสอดส่าย
เรื่องมากมาย บางประเภท ไร้เหตุผล
มัวสอดรู้ สอดเห็น จะเป็นคน
เอาไฟลน จิตใจตน จนไหม้พอง
ให้ปิดหู อย่าแส่ฟัง ไปทุกเรื่อง
อาจเป็นเครื่อง รบกวนใจ ให้หม่นหมอง
หรือเร้าใจ ให้ฟุ้งซ่าน พาลลำพอง
ผิดทำนอง คนฉลาด อนาถใจ
ปากก็ปิด อย่าพูดมาก เกินจำเป็น
จะกลายเป็น คนปากเหม็น เขาคลื่นไส้
จากเรื่องสั้น พล้นเยิ่นเย้อ เรื่องยาวไกล
ถ้าหุบปาก หยุดนิ่งไว้ ได้การดี
ท่านยังสอน ให้เปิดตา รับพระธรรม
ช่วยชี้นำ ทางมืดดำ กลับสว่างดี
สมาธิมี ยิ่งเห็นชัด ถนัดถนี่
นี่วิธี เปิดตาใจ ใช้กันมา
การเปิดหู ให้ยินเสียง สำเนียงธรรม
ทั้งเช้าค่ำ ดังก้องไป ในโลกหล้า
หลายล้านปี ฟังให้ชัด เต็มอัตรา
คือเสียงแห่ง สุญญตา ค่าสุดใจ
การเปิดปาก สนทนา พูดจาธรรม
เช้ายันค่ำ อย่าพูดพร่ำ เรื่องเหลวไหล
พูดแต่เรื่อง ดับทุกข์ได้ โดยสัจจนัย
ไม่เท่าไร เราทั้งโลก พ้นโศกแล
16 สิงหาคม 2549 12:49 น.
แก้วนีดา
เธอไม่รู้เพราะเธอไม่เคยอยากรู้
ถึงความรู้สึกที่ฉันเก็บอยู่นานนักหนา
จึงเป็นได้แค่คนพร่ำเพ้อเสมอมา
ซ่อนรักไว้ในดวงตาห่วงหาเต็มดวงใจ
เธอไม่รู้หรือเพราะเธอทำเป็นไม่รู้
ตลอดเวลาฉันมีเธออยู่ในใจเสมอ
อยากบอกว่ารักเธอนะฉันรักเธอ
หรือเธอคิดว่าฉันนั้นเพ้อเธอจึงไม่สนใจ
เธอไม่รู้เธอยังไม่รู้อะไรหลายอย่าง
ที่เกิดขึ้นท่ามกลางระหว่างเธอกับฉัน
เธอไม่รู้ว่าในความรักความผูกพัน
มีอะไรเปลี่ยนไปอย่างนั้นฉันเองไม่เข้าใจ
เธอไม่รู้ถ้าเธอคิดจะจากลาไกล
อย่าพึงหายหน้าไปเลยได้ไหม
มาบอกกันดี ดี สักครั้งให้เข้าใจ
อย่าให้รู้สึกไร้ค่าเกินไปได้ไหมคนดี.
2 สิงหาคม 2549 13:46 น.
แก้วนีดา
วันนี้ท้องฟ้ามีสีหม่น
มีสีเทาปนดำมืดมัว
เงยมองดูฟ้าใจระรัว
เมฆฝนครึ้มทั่วน่ากลัวจริง
อุตุพยากรมีร่องฝนผ่าน
ขอให้ชาวบ้านระวังภัย
น้ำป่าพร้อมซุงต้นไม้ใหญ่
จะไหลบ่าท่วมบ้านเรือน
อุทกภัยในทุกวันนี้
ใช้มีแค่เพียงแต่น้ำป่า
ยังดินโคลนที่น้ำพัดมา
ไร่นาบ้านเรือนทั้งคนตาย
อะไรทำให้เกิดภัยพิบัติ
หรือว่าธรรมชาติเปลี่ยนไป
ด้วยสาเหตุหรือจากอะไร
หรือนุษย์ผู้ทำลายไร้คุณธรรม
อุทกภัยครั้งนี้ที่ประสพ
ทำให้พบความจริงยิ่งใหญ่
ป่าไม้ของเราต้องเอาใจใส่
ดูแลรักษาไว้ให้คงดี
อุทกภัยเกิดใหม่ในครั้งหน้า
ด้วยหวังว่าน้ำป่าคงไม่มี
ชาวบ้านชาวเมืองหวังเช่นนี้
ปีหน้าคงอยู่ดีมีสุขทุกคน.
1 สิงหาคม 2549 15:51 น.
แก้วนีดา
สายลมอ่อน โชยพัดพริ้ว ต้องกาย
กอหญ้าย้าย ไหวเอน เล่นล้อมลม
โบกสะบัด กวัดแกว่งกิ่งใบ งามสม
ดูน่าชม ในสายลม หญ้าเริงระบำ
พริ้วอ่อนช้อย จริงหนอ เจ้ากอหญ้า
เอนซ้าย ย้ายมาขวา เจ้าสบัดใบ
ดั่งหญิงงาม กลางท้องทุ่ง แห่งพงไพร
มองคราใด ให้สุขใจ ได้ทุกครา
สายลมเย็น โชยชื่นจิต ให้คิดถึง
น้องนางหนึ่ง ในดวงใจ ของขวัญข้า
ร่างอ้อนแอ่น อรชร งามโสภา
มองชื่นตา คราเยื้อนกาย คลายกินรี
สายลมเย็น เจ้าเอ๋ย ช่วยเอยแทนข้า
บอกเขาว่า ข้าคิดถึง คนึงหา
ทุกค่ำคืน มองดูจันทร์ วันสัญญา
จะกลับมา หาขวัญตา ไม่ช้าเลย
สายลมพริ้ว ริ้วคำหวาน ผ่านไปบอก
ไม่ได้หลอก ให้คอยเก้อ จงเชื่อใจ
คำนี้ คำเดียว บอกฝากสายลมไป
เจ้าคือ หวานใจแห่งค่า * รักนะเธอ *
21 กรกฎาคม 2549 14:06 น.
แก้วนีดา
ดังปอยผมสล้างของนางสวรรค์
ดุจเสกสรรค์ไอศกรีมกลางท้องฟ้า
หรือท้องทุ่งแห่งขนนกเกลื่อนนภา
เคยคิดว่าก้อนเมฆาสวยอย่างฝันนั้น
แต่วันนี้เมฆาเป็นได้แค่ไอน้ำ
ที่ลอยต่ำบังแสงตะวันนั่น
ทำฝนตกเปียกปอนได้ทั้งวัน
น่ารำคาญมืดมัวสลัวจริง
ฉันพิจมองเมฆหมอกจากสองด้าน
มุมสูงต่ำพร้อมกันไปในทุกสิ่ง
ภาพเมฆขาววาวฝันมันไม่จริง
ฉันยิ่งมองดูยิ่งไม่รู้อะไรเลย
เช่นความรักหากเป็นชิงช้าสวรรค์
ต่างพากันหัวหมุนพ่อคุณเอ๋ย
เทพนิยายหวานยิ่งไม่จริงเลย
โอรักเอยเป็นเช่นนั้นฉันคิดไป
ตอนแรกต่างฝันเฟื่องเรื่องความสุข
ต่างคนหมดทุกข์คิดกันใหญ่
ใครจะมองอย่างนั้นช่างมันประไร
แต่ฉันขอเก็บหัวใจเอาไว้ให้ดีดี
ฉันเฝ้ามองความรักจากสองฝ่าย
ทั้งฝั่งให้และฝั่งรับนับแต่นี้
รักแค่สวยดังฝันมันไม่มี
ชีวิตนี้ไม่รู้รักคืออะไร.?
ฤ ทั้งอิ่มใจ ทั้งน้ำตาและหวาดหวั่น
เมื่อได้เอ่ยฉันรักเธอออกไปได้
มีทั้งฝันทั้งเจ้าเล่ห์เพทุบาย
คือความหมายของชีวิตฉันคิดดู
ฉันได้เห็นให้คิดชีวิตมีสองด้าน
เมื่อวานชนะแต่อีกวันก็แพ้ได้
เดาไม่ออกเหมือนถูกหลอกให้มั่นใจ
คิดไปฉันไม่รู้เรื่องชีวิตอะไรเลย!
..