7 พฤษภาคม 2551 20:50 น.

น้ำฝนปนน้ำตา ....พม่าตรม

เฮาชาวดอย


                      สงสารพม่า
    เหมือนฝนจะบ้าคลั่ง     เซ็นสาดถั่งลงผืนดิน
ปานฝนหล่นลงหิน     ปลดโซ่สานที่นานมา

   ดั่งฝนหล่นร่วงสาด     ดังฟ้าขาดไร้อุษา
ฝนฟ้าประดังดา     พัดกระหน่ำให้ช้ำใจ    

   สงสารหมู่เฮานอ     ผักกาดจอน้ำมั่งใส
กับข้าวยังหอมไอ    ยังบ่ได้ลองรสกิน

    พม่ามาย่อยยับ     เกินจะนับทุกเขตขิน
พายุมาป่วนปิน     หลังคาจากเลยพังเพ

    น้ำป่าพัดกวาดป่า     พัดน้ำตาเฮาหลั่งเห
เลือดคนหลั่งลงเท     พินาศสิ้นไร้ชิ้นดี

   กองกูณฑ์พูนเศษซาก     เป็นเศษกากคนหลีกหนี
หนูน้อยแห่งดอยนี้     จะได้ที่พึ่งที่ใด

   สายน้ำพัดพ่อแม่     ได้แต่แลหนูร้องไห้
แทนลาว่าอาลัย     แต่ลิบลับกับสายน้ำ

    เหม่อมองร้องหาแม่     เพียงแลแลจนเย็นย่ำ
มองหน้าทุกคราคำ     นั่งเบิ่งหน้าครามื้อเย็น

    เด็กน้อยคอยอีกมาก     ความอดอยากโปรดเล็งเห็น
ก้อนเกลือเหงื่อกระเซ็น      ยังหายากลำบากแท้

				
5 พฤษภาคม 2551 19:53 น.

มนต์รักลูกทุ่ง

เฮาชาวดอย


          มนต์รักลูกทุ่ง
  คิดถึงดอยสูงเลียดเสียดปุยฟ้า
เคยเอื้อมมือคว้าเมฆาอยู่ไหวไหว
แสนคิดถึงสายลมห่มอบไอ
เคยสุขใจสำราญสถานคีต์

  กล้วยไม้เอยเคยชูสายสยายช่อ
เม็ดหมากก่อแตกกล้าท้าแสงสี
คิดถึงเอยใบหน้าตาคู่นี้
ได้แต่ลี้หลบหน้าหลีกมาไกล

  กาลเวลาผันเปลี่ยนเกินเวียนกลับ
เกินจะนับเวลามาหลับใหล
อยากจะหวนเวลาก็อาลัย
จึงฝากร่ำคำนัยเตือนใจตน

  คิดถึงถิ่นดินแดนแผ่นฟ้าฟาก
เอื้อมมืออยากไขว่คว้าก็หาหน
ภาพวิมานปานเขียนไหวเวียนวน
ได้แต่จนหัวใจเราเพียงเท่านั้น
				
3 พฤษภาคม 2551 16:58 น.

สินค้าคน

เฮาชาวดอย

   
  กรงเหล็กตระหง่านอ้า   โอถวิล
นี่คนขายคนกิน      กัดเนื้อ
น้ำใจใช่น้ำริน     อย่างฝน
แม่หญิงเอยใครก่อเกื้อ    กว่าสิ้นวิบากกรรม

      เป็นธรรมอยู่แผ่นพื้น   ผืนไหน
ตกเขียวยังระบาดไป    ไป่สิ้น
เปิดบริสุทธิ์ในเมืองไทย     ทุกถิ่น
อาเสี่ยยิ่งเหลือบริ้น       เหลือบยุง

     เป็นบ่อนซ่อนซ่องไว้     หว่างใน
เสียงโอดครวญเสียงใด         ด่าวดิ้น
กฎหมายมัวหลับใหล       ลืมตื่น  ฤานา
สูงจรดฟ้าจวบต่ำสิ้น         เสพกิน
     
  ภูหินตระหง่านท้า     ลมทวน
วารหนึ่งแพ้ลมหวน      หากเร้า
ภูหินหากเรรวน        ราถล่ม
จมจ่อมดั่งฝุ่นเถ้า      ธุลีผง


				
2 พฤษภาคม 2551 13:50 น.

ใครหนอ....ก่อโกงเมือง

เฮาชาวดอย


     ใครหนอก่อโกงเมือง
คือวีรบุรุษผู้กล้า     ผดุงธรรม
คือเพชรฉายฉาบนำ      นับถ้วน
คราใดเมืองมืดดำ       ดื่นดก
ครานั้นโลกทั้งโลกล้วน      หลับใหล
ยามใดไพรพฤกษ์หล้า     ล่มสลาย
หมากเมืองเปรื่องเรียงราย     รุดล้ำ
ชนบทหมดสูญหมดสูญหาย     ห่างถิ่น
ดอยสูงเมืองลึกกล้ำ      กว่าไฉน   
แปลงไปเปลี่ยนป่าโอ้     อาทวา
กว้างกว่าสุดสายตา      ต่างกว้าง
เคยทับทึบเหลือตอกรา      กว่าต่าง
เพียงไร่แลเวิ้งว้าง      หว่างเดิม
สูงเสริมตึกเสียดฟ้า     สรวงปูน
เศษซากเศษคนพูน      กว่าหล้า
ป่าเมืองเฟื่องจำรูญ      หลากสี  สันแฮ
ผู้คนสับปลับหน้า      เปลี่ยนสี
ไปดีเถิดผู้ปกป้อง      ผืนป่า
ป่าเมืองรุกพนา     เนิ่นแล้ว
คนผู้มีปัญญา       ยังหลับ  บ่ตื่น
ตื่นต่อสินบนแผ้ว   พร่องไป
โฉมแต่งเพียงเห่าให้      หากประสา
แดกไปเห่าไปธรรมดา     ด่าสิ้น
เทียบเวียงเทียบพนา  พานึก
เทียบทีปส่องด่าวดิ้น     แดนไกล 
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเฮาชาวดอย
Lovings  เฮาชาวดอย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเฮาชาวดอย
Lovings  เฮาชาวดอย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเฮาชาวดอย
Lovings  เฮาชาวดอย เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเฮาชาวดอย