5 เมษายน 2551 20:55 น.

ที่สุดของใจ

เฮาชาวดอย

สถานสรวงสายหมอกพริ้ว        พรายพรรณ
หมอกไล้มวลแมกมรรฑ์           แมกไม้
เริงร่อนนางสวรรค์                   มาร่วง
ปานหมอกจะหยอกไล้              ลูบปก้ม เรื่อนวล
ลมรวนราวพัดแพร้ว                พรมปรางค์
โสรจระหงร่างสุรางค์                นุชเนื้อ
สายหยุดยังหยุดจาง                 จากกลิ่น    หอมสาย
หยุดรักพอหยุดเกื้อ                 ห่อนได้  ตัดหวง
บึงหวงปลาหว่างเร้า                 ฤาไฉน
จิตตรึงต่อทรามวัย                   หว่างนั้น
สัตว์โลกขาดอากาศไป             ปรักวอดวายแฮ
ผืนฟ้าโอบเมฆชั้น                    เชิดเร้าฤามลาย				
3 เมษายน 2551 12:22 น.

คนจน

เฮาชาวดอย

วะวอมวาวเพชรแก้ว   กาลสมัย
ยังผ่องเช่นเส้นชัย   ชัดหล้า
อาทิตย์ยังวนไว   วัฏจักร
คามเขตบ่สูญคนกล้า   กะรัตแล้วดั่งเพชร
แสงสูรย์สู่บูรพาเบื้อง   บอกทิวา
ปลุกคนปลุกสัตว์สา   สัตว์รู้
ทั่วเขตทั่วเขาพนา    พนัก
ปลุกคนให้ลุกสู้   ปลุกได้ฉันใด
กี่สมัยทาสดอกเบี้ย   บรรณราการ
ยังผลิดอกออกผลนาน   เนิ่นน้าว
กี่ยุคทุกข์ยังทาน   ทนอยู่
กี่ปียังไม่ก้าวไม่กู้   ศักดิ์ศรี
มณีกี่มณีปลิ้น   เป็นทราย
ทรายกลโกงยังหลากหลาย   หลั่งเร้า
จนยากไร้เส้นสาย   คือสัตว์
กี่ยุคราษฎร์โศกเศร้า   สุดสู้จำนนถอย
สองมือเหมือนกันแท้   ทุกคน
คนยากยังขัดสน   ขัดข้อง
ตราบยังทนทาน   ไป่ขยับ
เสียงทุกเสียงกู่ร้อง   กู่ไร้ประโยชน์แล
ความหวังแม้หยัดรุ้ง   เรืองรอง
บ่ยื่นมือไปครอง   ควบไว้
ฤาจักโลดสู่สองมือ   สู่สิงห์อัศจรรย์แฮ
ความหวังยังอยู่ใกล้   จักให้หลุดมือฤา				
3 เมษายน 2551 12:18 น.

ต่างด้าว

เฮาชาวดอย

กี่ยุคแล้วร้อยยุคยังทุกทั่ว
คนจนต้องหดหัวเป็นคนเถื่อน
กี่สูรย์จันทร์ลาลับดับกี่เดือน
ก็ยังเกลื่อนกลาดกรายคล้ายเศษคน
เด็กเกิดในเมืองไทยเป็นต่างด้าว
ด้วยข้นคาวดอยเดนแสนขัดสน
ถ้าบ้านเมืองทรราชกราดเวียนวน
ไฉนปัญญาชนทนดูดาย
ถึงอำนาจบาตรใหญ่หากใฝ่ต่ำ
ก็ส่ำสัตว์สาสิงห์ทุกสิ่งสาย
เป็นเพียงคนหนักโลกรอวันตาย
เป็นคนทำลายเถื่อนเพื่อนมนุษย์
กฎหมายกฎกดกรอบกฎลอบกัด
หาทางลัดช่องว่างทางกินสุด
แสงแห่งความเป็นธรรมไม่นำรุด
แสงแห่งคอรัปชั่นผุดทั่วแผ่นดิน
ใยประทีปแห่งปัญญาไม่มาส่อง
ไม่เหลือแล้วทุ่งทองเพียงก้อนหิน
น้ำตาท่วมหน้าโหยค่อยโรยริน
ดั่งจะสิ้นขาดใจไร้พึ่งพา
กี่คราแล้วแสงทองเพียงมองผ่าน
ยิ่งประจานผู้ยิ่งใหญ่ไร้ศักดิ์ศา
นี่แหละคือยิ่งใหญ่ไร้ปัญญา
                           	เพียงควายสนตะพายพาหมาสินบน				
3 เมษายน 2551 12:17 น.

กระแสไทย

เฮาชาวดอย

ทิพย์สุคนธ์มณฑาชบาหอม
พวงพะยอมเอื้อนรับสดับขาน
ช่อจำปาราตรีมีมานาน
มาเนื่องเน้นอภิบาลวรรณกรรม
นั่นกินนรกินรีแหวกว่ายเล่น
ห้วงน้ำเย็นกระเซ็นซิกบัวถลำ
หยาดน้ำค้างหยดทิพย์กระซิบคำ
ว่าค่ำแล้ววรรณกรรมความเป็นไทย
ยุคนิยมชมชื่นของต่างชาติ
ฉีกกระดาษชื่อสยามนามสมัย
อ่านแฮรี่พอตเตอร์ระบือไกล
ลืมอ่านหลวิชัยและคาวี
วรรณกรรมไทยทำล้วนล้ำเรื่อง
ล้วนแต่เฟื่องฟูศักดิ์อักขร์วิถี
ธำรงไทด้วยไทยหลากไมตรี
ผูกกวี กวอนวัฒน์พัฒนา
ลืมลูกทุ่งฟุ้งเฟ้อเพ้อเกาหลี
พระอภัยมณีสี่แผ่นดินก็สิ้นค่า
ฤาคนไทยจะนิยมชมราคา
ดีดพิณแทนกีร์ต้าให้สาใจ
แซกโซโฟนเป่าไปไม่วิเวก
เสียงโหวกเหวกหนวกหูมิสู้ไหน
มิสู้ขลุ่ยเป่าครวญควรค้นไทย
ว่าปลดทาสชาติชัยวรรณกรรม				
3 เมษายน 2551 12:15 น.

รัก

เฮาชาวดอย

ยังไม่เคยเอ่ยว่ารักสักครั้งหนึ่ง
ไม่มีคำซึ้งซึ้งให้หรรษา
ไม่เคยทำให้เห็นเป็นปรัชญา
ด้วยไร้คำล้ำค่าเท่าเทียมเธอ
ยังไม่เคยเอ่ยรักประจักษ์กล่าว
เพียงฝากลมพัดข้าวไปห่วงหา
ฝากคิดถึงห่วงใยในอุรา
ให้รู้ว่าสุดรักภักดีนาง
แม้นมิได้ยลโฉมประโลมเจ้า
ขอให้เห็นเช้าค่ำยามเจ้าว่าง
แม้นมิได้เห็นนุชสุดสอางค์
เห็นรอยเท้ากลางทางก็ยังดี
จะเอ่ยคำพูดรักให้ปักจิต
ก็สุดคิดด้วยซื่อฝึกปรือที่
จะเอ่ยคำพูดรักมาสักที
หมดวลีพจนามาอ้อนวอน				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเฮาชาวดอย
Lovings  เฮาชาวดอย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเฮาชาวดอย
Lovings  เฮาชาวดอย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเฮาชาวดอย
Lovings  เฮาชาวดอย เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเฮาชาวดอย