10 เมษายน 2551 05:38 น.
เฮาชาวดอย
ชนชั้นสูงวรรณะสาระรูป
เสียเทียนธูปเสียทรัพย์ที่นับถือ
มารยาทวิจารณ์คึกดูกึกกือ
ผู้ใหญ่คือผู้สรรค์สร้างทางโกงกิน
หาหนทางโกยสุขอยู่ทุกผู้
มีความรู้ประดับไว้ใช่ก้อนหิน
น้ำตาใครเอ่อซ้ำลงพรำดิน
ปานจะสิ้นขาดใจใครดูแล
ความเป็นคนค้นดูความรู้หรือ
ถ้ายึดถือมายามาแสร้งแส
ยึดตำรับศัพท์ตำรามาแปลงแปร
เพียงหว่านแหเดาไปไร้ความจริง
ความเป็นคนควรประดิษฐ์สิทธิ์เทียมเท่า
ต้องไม่มีเขาเราหรือชายหญิง
ปัญหาไร้สัญชาติควรประวิง
ใช่แน่นิ่งดั่งสิ้นในวิญญาณ
ท่านคือผู้แทนราษฎร์อำนาจใหญ่
โปรดอย่าได้ลืมตีนลืมถิ่นฐาน
ชาวนาคือผู้ยิ่งใหญ่ใช่ตำนาน
ผู้คนคือกฎการที่ตายตัว
การเปิดบ่อนบ่อนเบี้ยให้เสียชาติ
กลืนอำนาจชาวนาฝืดมืดสลัว
อีกจักเกิดโสเภณีที่ขายตัว
เจ้าหน้าที่หดหัวอยู่ภายใน
ฐานะที่ข้าน้อยผู้ต้อยต่ำ
เป็นที่ย่ำเหยียบสิ้นตฤณวิสัย
ข้ามิเจ็บแปลบปวดรวดอันใด
แต่เจ็บใจแทนเจ้าเท่านั้น
ต้นกล้าเบี้ยแห่งหญ้าจะปรากฏ
หญ้าแห่งความงามงดจักพลิกผัน
หญ้าต้นเก่าเหง้างามยามฉาบวัน
จักชูชันรายล้อมหญ้าคอมมิวนิสต์
9 เมษายน 2551 12:16 น.
เฮาชาวดอย
คนบนดอยคอยรออย่างท้อแท้
เฝ้าชะแง้แลเหลียวเปลี่ยวใจหา
น้ำตารินร่วงหล่นท้นอุรา
หยาดหยดมาแดนดินถิ่นดงดอย
คนใต้หอบหัวใจดอยไปสิ้น
น้ำตารินหลั่งรอท้อเหงาหงอย
ทั้งคืนค่ำย่ำรุ่งมุ่งแต่คอย
หัวใจดวงน้อยน้อยเจียนแหลกราน
วอนสูรย์จันทร์ฟากฟ้าพานำข่าว
กระซิบเพียงแผ่วเบาแล้วเล่าขาน
ว่าสาวดอยคอยรอทรมาน
ให้อดีตวันวานหวานมาคืน
คนบนดอยคอยรอพ้อไร้หวัง
หากคนใต้ชิงชังจงอย่าฝืน
เจ็บปวดช้ำสุดระกำกล้ำกลืน
ยังยั้งยืนยืนคอยบนดอยลาน
8 เมษายน 2551 06:38 น.
เฮาชาวดอย
สืบไพรพงป่ากู้ กาลสมัย
นานับสับสืบสาน สืบสร้าง
คะคู่คะพงพาน ไพรพฤกษ์
เสถียรคู่ป่ากว้าง กู่แล้วหลับสลาย
รายล้านหลับกี่ล้าน ลืมตื่น
คนจนยังทนฝืน ป่าค้น
ตราบป่ายังถูกกลืน ลอบกัด
น้ำตาหยาดเอ่อล้น เอ่อแล้วใครเห็น
ยืนหยัดยืนเข่นข้า สัตว์อยู่
กระสุนกราดยังสาดพรู เผ่นขย้ำ
ไร้คนจริงไร้ครู ครรลองเริ่ม
ท่านสืบท่านรุดล้ำ รุดฟ้าไผทดิน
ปลุกชาติให้เจริญสิ้น สูญพนา
คุณธรรมไร้ศักดา สุดดิ้น
ตามติดดั่งทาสา ปฉิมภาค
ความเป็นคนหมดสิ้น ศักดิ์แท้ทาสา
นกยูงท้าแดดล้อ รำแพน
ท่านสืบท่านหวงแหน ห่วงไว้
ปลูกรักษ์ปลูกป่าแทน ประทีปธูป
ดอยแดนปักธูปให้ ห่างสิ้นทุนสมัย
ท่านตายปลุกคนท้า อธรรม
คือฝนร่วงพรมฉ่ำ ฉ่ำพื้น
คนจริงคนกล้านำ กล้านึก
สืบจักสืบฟื้น สืบฟ้าประจักษ์สรวง
8 เมษายน 2551 06:36 น.
เฮาชาวดอย
วะวอมวาวเพชรแก้ว กาลสมัย
ยังผ่องเช่นเส้นชัย ชัดหล้า
อาทิตย์ยังวนไว วัฏจักร
คามเขตบ่สูญคนกล้า กะรัตแล้วดั่งเพชร
แสงสูรย์สู่บูรพาเบื้อง บอกทิวา
ปลุกคนปลุกสัตว์สา สัตว์รู้
ทั่วเขตทั่วเขาพนา พนัก
ปลุกคนให้ลุกสู้ ปลุกได้ฉันใด
กี่สมัยทาสดอกเบี้ย บรรณราการ
ยังผลิดอกออกผลนาน เนิ่นน้าว
กี่ยุคทุกข์ยังทาน ทนอยู่
กี่ปียังไม่ก้าวไม่กู้ ศักดิ์ศรี
มณีกี่มณีปลิ้น เป็นทราย
ทรายกลโกงยังหลากหลาย หลั่งเร้า
จนยากไร้เส้นสาย คือสัตว์
กี่ยุคราษฎร์โศกเศร้า สุดสู้จำนนถอย
สองมือเหมือนกันแท้ ทุกคน
คนยากยังขัดสน ขัดข้อง
ตราบยังทนทาน ไป่ขยับ
เสียงทุกเสียงกู่ร้อง กู่ไร้ประโยชน์แล
ความหวังแม้หยัดรุ้ง เรืองรอง
บ่ยื่นมือไปครอง ควบไว้
ฤาจักโลดสู่สองมือ สู่สิงห์อัศจรรย์แฮ
ความหวังยังอยู่ใกล้ จักให้หลุดมือฤา
8 เมษายน 2551 06:32 น.
เฮาชาวดอย
ใจนั้นจงเป็นหญ้า ยืนหยัดท้าได้ทุกที่
ครวญครางในปฐพี คือเสียงชีวิตของใคร
โครมครามในไพพฤกษ์ อึกทึกโค่นต้นไม้
กรีดร้องขอชีพไว้ คือเสียงใครที่ไหนกัน
ผูกโซ่ขังกรงคล้าย คุกกรายกรายในที่นั่น
ลูกใครถูกลงทัณฑ์ ด้วยเชือกขันจนคลอนแคลน
เขานั้นถูกตกเขียว คล้ายทาสเทียวตามแบบแผน
อธิปไตยใครเบียดแบน หรือหวงแหนให้นายทุน
เฆี่ยนตีด้วยปมเชือก จนดุดเดือกจนดิ้นดุ้น
เนื้อตัวขาดเป็นจุล ใช่เศษฝุ่นเขาคือคน
บังคับให้ขายตัว ใครกันชั่วตรองเหตุผล
ด้วยเขาเกิดมาจน เขาคือคนชาติไหนกัน
กฎหมายร่ายกี่บท ด้วยกำหนดตามความฝัน
เมฆลวงว่าดวงจันทร์ คือการปั้นน้ำเป็นตัว