6 ตุลาคม 2551 20:43 น.
เฮาชาวดอย
คารวะทิพย์จิตแก้ว วีรชน
อันสถิต ณ เวหน แหล่งหล้า
รอยเลือด ณ มณฑล ทาทาบ ยังชัด
ปืนเป่าดังกลบฟ้า กึกก้องเกียรติไทย
สู่สมัยสามสิบเอ็ดโอ้ หกตุลา
เวียนเปลี่ยนผลัดวรรษา กว่ากว้าง
รำลึกเลือดปัญญา ชนหลั่ง
ทอถักธงตระหง่านสร้าง สืบไว้นิรันดร์
สัททุลวิกกีฬิตฉันท์๑๙
วันทาเทิดชุลิกรพนมอภิวาท เหล่าข้าประชาชาติ ปุชา
สามสิบเอ็ดวสเวียนลุล่วงสิประลุมา รอยเลือด ฉ ตุลา ระลึก
ลูกหลานจักสืบทอด
เจตนาความกล้าหาญ
สั่งสมอุดมการณ์
ปัญญาชนให้คงควร
ผ้าแดงจักแดงเข้ม
เต็มด้วยเลือดอบคาวหวล
ด้วยเลือดของเราล้วน
เป็นธงใหม่ใหญ่กว่าเดิม
ขอท่านหลับสบาย
เฮาทั้งหลายสิฮึกเหิม
เฮาตายเพื่อจักเพิ่ม
กองทัพป่าล้อมฆ่าเมือง
วันนี้วันเดือนแรม
แต่ดาวโจรกลับรุ่งเรือง
ประทีปอันประเทือง
ยังไม่ส่องให้มองเห็น
วันหนึ่งแสงหิ่งห้อย
สว่างพร้อยพ้นลำเค็ญ
วันภพสงบเย็น
วันนั้นเราจักมีชัย
วันนั้นหรือวันนี้
จะวันที่เป็นวันใหม่
วันแพ้ชนะใด
ถ้าไม่สู้ก็เปล่าวัน
1 ตุลาคม 2551 23:08 น.
เฮาชาวดอย
เพียงลมพัด
เพียงสายลมพัดผ่านตำนานรัก
ความหน่วงหนักเหลือไว้ใจขื่นขม
ฝากเพียงเพลงอันสลาย ณ สายลม
ผ่านระทมระทดท้อการรอคอย
เพลงสายลมดาวกระพริบกระซิบว่า
แว่วเพลงลาเพลงเศร้าเพลงเหงาหงอย
เบาไหวอ่อนละมุนเหมือนนุ่นลอย
งามชดช้อยแต่แฝงกรดรดหัวใจ
ณ สายลมแสงดาวอันหนาวเหน็บ
ความปวดเจ็บคืนวันยิ่งหวั่นไหว
จักหลบดาวหมองหม่น ณ หนใด
ณ คูหาเถื่อนดอยก็น้อยนิด
กลางทะเลเสน่หาเหว่ว้านัก
หวังความรักมาเยือนเป็นเพื่อนสนิท
หวังวิมานกลางทะเลเนรมิต
วาดชีวิตงดงามด้วยน้ำตา
มีเพียงความห่วงใยมอบให้รู้
มีเพียงความเอ็นดูมอบห่วงหา
มีเพียงแววชอกช้ำแทนคำลา
มีคุณค่าเบ่งบานหวานในใจ
อีกกี่วันผันเวียนเปลี่ยนมาพบ
อีกกี่ปีจักประสบพบกันใหม่
สุดฟ้ากว้างโลกนี้ ณ ที่ใด
จักเวียนมาหวานไหวเช่นวันวาน
1 ตุลาคม 2551 17:36 น.
เฮาชาวดอย
เห็นอะไรในอากาศ
ข้ามองเห็นอะไรในวันนี้
ณ เมืองที่กว้างใหญ่และไพศาล
ในโลกที่ตรากตรำคนทำงาน
ในกฎการณ์น้ำเน่าเขลาปัญญา
ในสังคมโสโครกโลกหน้ากาก
ความลำบากคนจนทนเป็นหมา
มีปลอกลอกชอกช้ำมีน้ำตา
มีกฎว่าค่าเงินประเมินคน
เมื่อมีชั้นวรรณะประเมินค่า
ย่อมต่ำหญ้าล้มลุกอยู่ทุกหน
ยิ่งโตใหญ่ยิ่งใจต่ำเยียบย่ำชน
ผู้อ่อนแอทุกข์ทนจนอ่อนแรง
ตอนกลางวันน่ารักนักศึกษา
ตอนกลางคืนแก้ผ้าใต้สีแสง
ทั้งเด็กแว้น เด็กแนวแนวแสดง
แนวเปลี่ยนแปลงโสมมสังคมเมือง
แหล่งบ่มเพาะโสโครกเชื้อโรคร้าย
สินค้าขายสินค้าคนล้นฟูเฟื่อง
หวังในตัวผู้ว่าใหม่ต้องรองเรือง
หวังได้เรื่องแก้ปัญหากว่าโกงกิน
ข้ามันคนบ้านนอกบอกไม่ถูก
ปัญญาผูกเท่าที่มีกวีศิลป์
มิใช่ดาวข้ามันคนอยู่บนดิน
ไม่มีลิ้นตอแหลแก่ผู้ใด
ตามความคิดความเขลาเท่าที่รู้
ตามความคิดอดสูดูกรุงใหญ่
ตามที่ข้าเคยเห็นความเป็นไป
ที่สายตาข้าได้รับรู้มา
ข้ามองเห็นอะไรในอากาศ
เห็นวิมานภาพวาดหวาดผวา
เห็นอัปยศอดสูอยู่ทุกครา
ไร้คุณค่ากว่าน้ำเน่าโง่เง่าแท้
เห็นเส้นสายใช้ได้อยู่ทุกที่
อยากได้ดีสอพลอต้องตอแหล
จักกี่ยุคกี่สมัยไม่เปลี่ยนแปร
คนดีต้องพ่ายแพ้แก่คนทราม
ข้านี้เพียงเสียงหนึ่งจากบึ้งลึก
จิตสำนึกทรงจำตั้งคำถาม
หวังวันหนึ่งซึ่งตะวันอันงดงาม
จักส่องแสงแห่งยามอรุณทอง
วันนั้นบัวใต้ตมจักบานเบ่ง
ปลดสิ่งที่ข่มเหงบานผุดผ่อง
วันนั้นหญ้าชั้นต่ำจักลำพอง
แกร่งและก้องศักดินาแห่งหญ้าใบ